AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

พยาบาลวิ่งวุ่น! เด็กหญิง ป. 5 มีอาการช็อกหลังฉีดวัคซีน HPV แต่แท้จริงเป็นเพราะสิ่งนี้ (มีคลิป)

ขอบคุณภาพจาก Dailynews Online

สปสช. และกรมควบคุมโรค ได้จัดโครงการ ฉีดมะเร็งปากมดลูก ฟรี โดยเริ่มฉีดกลุ่มเป้าหมาย ที่เป็นเด็กนักเรียนหญิงชั้น ป.5 ทั่วประเทศในเดือน ก.ค. 2560 เพื่อมุ่งลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งปากมดลูก

เด็กหญิง ป. 5 มีอาการช็อกหลังฉีดวัคซีน HPV แต่แท้จริงเป็นเพราะสิ่งนี้…!?

และในวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้มีผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงเรียนบ้านกร่าง (พระขาวชัยสิทธิ์) จ.พิษณุโลก มีเด็กนักเรียนป่วยอาการแน่นหน้าอก ซึ่งสาเหตุเกิดจากการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) เป็นจำนวนหลายราย โดยมีหน่วยกู้ชีพจากโรงพยาบาล ได้ลำเลียงนักเรียนที่ป่วยขึ้นรถเพื่อนำส่งโรงพยาบาล และมีเจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับนักเรียนหญิงที่อยู่ภายในอาคารเรียน

เบื้องต้นนางพยาบาลวิชาชีพประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านกร่าง เปิดเผยว่า ได้นำวัคซีนมาฉีดให้กับเด็กนักเรียนผู้หญิงระดับชั้นประถมศึกษาที่ 5 ทั้งหมด 16 คน แล้วพบว่ามีอาการแน่นหน้าอก ใจสั่น และไม่มีแรงอีกจำนวน 11 ราย จึงได้ทำการปฐมพยาบาล

ขอบคุณภาพจาก Dailynews Online

โดยเบื้องต้นเด็กหญิงที่มีอาการหนักก็เพราะมีโรคประจำตัวคือโรคหืดหอบ อยู่ด้วย ส่วนสาเหตุที่แท้จริงคงต้องให้ทางแพทย์ที่โรงพยาบาลตรวจสอบหาต่อไป ทั้งนี้นางพยาบาลยังได้เผยว่าก่อนหน้าในช่วงเช้าของวันนี้ก็ได้มีการไปฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) ให้กับนักเรียนหญิงชั้นป.5 อีกโรงเรียนหนึ่งมาแล้ว ซึ่งก็ไม่พบอาการข้างเคียงแต่อย่างใด

ด้านอาจารย์ของโรงเรียนเปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านกร่าง ได้นำวัคซีนมะเร็งปากมดลูก (HPV) มาฉีดให้กับนักเรียนหญิงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 รวมทั้งหมด 16 คน โดยทางโรงเรียนได้สอบถามไปยังผู้ปกครองของนักเรียนก่อนหน้านี้เพื่อถามความสมัครใจแล้ว และทางผู้ปกครองได้ลงชื่ออนุญาตให้ฉีดวัคซีนได้

โดยแจ้งว่างเด็กนักเรียนมีอาการ หายใจไม่ค่อยออก หายใจไม่ทั่วท้อง โดยถูกนำตัวส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลจำนวน 3 ราย และที่มีอาการหนักอีก 1 รายเนื่องจากมีโรคประจำตัวคือหืดหอบ นำส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว

ชมคลิป >> “นาทีกู้ภัยหาม นร.หญิง ป. 5 ส่งรพ หลังฉีดวัคซีน HPV”พร้อมไขข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการแพ้วัคซีน คลิกหน้า 2


ขอบคุณข้อมูลจาก : www.amarintv.com

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 



ขอบคุณคลิปจาก Dailynews Online

ซึ่งจากเหตุการณ์นี้  ก็ทำให้มีผู้ปกครองหลายคนแตกตื่น  และไม่อยากให้ลูกไปรับวัคซีนมะเร็งปากมดลูก  เพราะกลัวว่าเมื่อลูกรับวัคซีนไปแล้ว  จะมีอาการเหมือนเด็กนักเรียนดังกล่าว  ในขณะที่ด้านทางเพจเฟซบุ๊ก Drama-addict ได้ออกมาระบุว่า อาการนี้ไม่ได้เกิดจากการแพ้วัคซีน แต่ภาวะดังกล่าวมีชื่อเรียกทางการแพทย์ว่า “Clusters of anxiety-related reactions following immunization” หรือ อุปาทานหมู่ หรือภาวะวิตกกังวล ตกใจ หลังฉีดวัคซีน ก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดกรณีคล้ายกันในต่างประเทศ

ซึ่งตรงกับคำชี้แจงของนายแพทย์ อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ที่เผยถึงว่าเหตุการณ์ดังกล่าวว่าไม่ได้เกิดจากอาการแพ้จากการฉีดวัคซีน แต่เกิดจากการกลัวการฉีดยา จึงเกิดเป็นอุปทานหมู่ อย่างไรก็ตาม หากมีการแพ้วัคซีนจริงจะต้องมีอาการไข้หรือมีผื่นขึ้นร่วมด้วย

ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนดังกล่าวเป็นนโยบายฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกฟรีให้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 400,000 คนทั่วประเทศ ซึ่งเริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมากว่า 20,000 โด๊ส และในพื้นที่ครอบคลุมร้อยละ 70 ของประเทศยังไม่มีรายงานผู้แพ้วัคซีน

ข้อมูลสำคัญที่คุณแม่ควรรู้ เกี่ยวกับ วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV)

วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก/วัคซีนเอชพีวี ในปัจจุบันมี 3 ชนิดคือ

  1. วัคซีนชื่อการค้า“Cervarix” ป้องกันได้เฉพาะไวรัสเอชพีวีสายพันธุ์ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกที่พบบ่อย 2 สายพันธุ์คือ สายพันธุ์ 16, และ 18 ซึ่งป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ประมาณ 70% (ไวรัสเอชพีวีที่เป็นต้นเหตุมะเร็งปากมดลูกมีได้หลากหลายสายพันธุ์ย่อยไม่น้อยกว่า 40 สายพันธุ์)
  2. วัคซีนชื่อการค้า “Gardasil
    • สายพันธุ์เป็นสาเหตุมะเร็งปากมดลูก 2 สายพันธุ์ (สายพันธุ์ 16, และ 18)
    • และของหูดอวัยวะเพศอีก 2 สายพันธุ์ (สายพันธุ์ 6, และ 11 ซึ่งวัคซีนนี้ป้องกันหูดอวัยวะเพศได้ประมาณ 90%)

ป้องกันไวรัสเอชพีวีได้ทั้งหมด 4 สายพันธุ์ย่อยคือ

  1. วัคซีนชื่อการค้า “Gardasil 9” ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2557 องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (S. Food and Drug Administration: FDA) ได้รับรองประสิทธิภาพของวัค ซีนตัวใหม่ที่มีชื่อการค้าว่า “Gardasil 9” ซึ่งครอบคลุมป้องกันเอชพีวีไวรัสสายพันธุ์ย่อยได้เพิ่มอีก 5 สายพันธุ์ รวมจากของเดิม 4 สายพันธุ์เป็นทั้งหมด 9 สายพันธุ์คือ เอชพีวี/HPV 6, 11, 16, 18, (ของเดิม) และ อีก 5 สายพันธุ์ใหม่ คือ 31, 33, 45, 52, 58 ดังนั้น วัคซีนตัวใหม่ Gardasil 9 นี้จะเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้เพิ่มอีก 20% กล่าวคือ สามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ทั้งหมดประมาณ 90%

อ่านต่อ >> ไขข้อข้องใจ เกี่ยวกับ วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) มีผลข้างเคียง (ผลแทรกซ้อน) หรือไม่?” คลิกหน้า 3


ขอบคุณข้อมูลจาก : www.true4u.com และรายละเอียดเพิ่มเติมจาก : เฟซบุ๊ก Drama-Addict

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

 

ผลข้างเคียง (ผลแทรกซ้อน) วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก

วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกผลิตจากชิ้นส่วนของไวรัส จึงไม่ทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีไม่ว่าจะเป็นกรณีใดทั้งสิ้น (ไม่เป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็ง) แต่ชิ้นส่วนหรือสารที่มีอยู่ในวัคซีน อาจก่ออาการแพ้ยา/แพ้วัคซีนได้ ซึ่งอาการแพ้ทั่วไปไม่รุนแรงและพบได้น้อยเช่น มีไข้ เจ็บตรงที่ฉีด หรือวิงเวียน มึนงง อาการจะหายได้เองภายใน 1 – 2 วันโดยไม่ต้องรักษา

แต่มีบางคนอาจแพ้รุนแรงถึงขั้นช็อกได้ (พบได้น้อยมาก) ถ้าเคยมีประวัติแพ้สารต่างๆมาก่อน ดังนั้นจึงควรแจ้งแพทย์/พยาบาลเสมอถึงประวัติอาการแพ้ต่างๆ ก่อนฉีดวัคซีนนี้

ราคาวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก

สำหรับวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ตามโรงพยาบาลเอกชนต่างๆ มีบริการฉีดวัคซีน HPV มาก่อน แต่ราคาของวัคซีน HPV ในโรงพยาบาลเอกชนค่อนข้างสูง โดยคิดราคาเข็มละ 2,000-4,000 บาท หรือบางโรงพยาบาลอาจมีราคาสูงกว่านี้ถึงสองเท่า และด้วยความที่ราคาวัคซีน HPV แพงจึงทำให้การเข้าถึงวัคซีน HPV ของประชาชนเป็นไปได้ยาก

ทั้งนี้ในสหรัฐอเมริกาวัคซีน Cervarix เข็มละประมาณ 100 ดอลลาร์, วัคซีน Gardasil เข็มละประมาณ 120 ดอลลาร์, วัคซีน Gardasil 9 เข็มละประมาณ 145 ดอลลาร์

ฉีดวัคซีนแล้วยังต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอีกไหม?

ข้อนี้สำคัญที่สุด ทุกคนต้องตระหนักถึงข้อนี้คือ วัคซีนรักษาโรคมะเร็งปากมดลูกไม่ได้ และป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ประมาณ 70 – 90% ขึ้นกับชนิดของวัคซีนที่ฉีด ดังนั้นทุกคนที่ฉีดวัคซีนนี้แล้วยังคงต้องเลิกปัจจัยเสี่ยงต่างๆอื่นๆต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก และยังต้องรับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกสม่ำเสมอบ่อยตามแพทย์แนะนำ

ถ้าไม่ได้ฉีดวัคซีนจะดูแลตนเองอย่างไร?

ไม่ต้องกลัว ถึงแม้ไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก เพราะโรคมะเร็งปากมดลูกมีวิธีตรวจคัดกรองโรคมะเร็งที่มีประสิทธิภาพ ผู้หญิงทุกคนจึงควรปรึกษาสูตินรีแพทย์หรือแพทย์ทุกคนเรื่องการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (วิธีตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก โรคมะเร็งเต้านม และโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่) โดยเริ่มเมื่ออายุ 21 ปีหรือหลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกแล้วอย่างน้อย 3 ปีขึ้นกับว่าเวลาใดถึงก่อน หลังจากนั้นความถี่ในการตรวจคัดกรองฯขึ้นกับคำแนะนำของแพทย์

นอกจากนั้น ดังกล่าวแล้วว่าการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้น การให้ฝ่ายชายใช้ถุงยางอนามัยชายในการมีเพศสัมพันธ์ จึงเป็นอีกวิธีลดโอกาสติดเชื้อต่างๆทางเพศสัมพันธ์ รวมทั้งการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีและไวรัสเอชไอวี/HIV (โรคเอดส์)

อยากฉีดวัคซีนต้องทำอย่างไร?

เมื่อต้องการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ควรสอบถามสูตินรีแพทย์หรือแพทย์โรค มะเร็งทั้งรังสีรักษาแพทย์และมะเร็งวิทยาอายุรแพทย์ ทั้งนี้ ต้องระลึกอยู่เสมอว่าวัคซีนนี้ป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้เฉพาะที่เกิดจากเอชพีวีสายพันธุ์ย่อยที่วัคซีนนั้นๆป้องกันได้ (2 – 9 สายพันธุ์ขึ้นกับชนิดของวัคซีน)

เพราะในหญิงไทยมีเชื้อ HPV ที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก เป็นสายพันธุ์ 52 และ 16 เป็นหลัก ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีดวัคซีนฯ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดทั้งในการป้องกันโรคและในเรื่องของค่าใช้จ่ายนะคะ

อ่านต่อ “บทความน่าสนใจ” คลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก : haamor.com