AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

8 ข้อควรรู้ ก่อนพาลูกไป ฉีดวัคซีน มะเร็งปากมดลูก

จากการประชาสัมพันธ์ของภาครัฐที่ว่าภายในปี 2560 นี้ จะมีการนำร่องให้บริการฉีดวัคซีน HPV ฟรี ให้แก่เด็กนักเรียนหญิง ชั้นป.5 ประมาณ 400,000 คนทั่วประเทศ ในขณะเดียวกันก็มีข่าวการฟ้องร้องเกี่ยวกับผลข้างเคียงจากการ ฉีดวัคซีน มะเร็งปากมดลูก ที่ประเทศญี่ปุ่น ทำให้คุณพ่อคุณแม่อาจเกิดความกังวลใจว่า ควรให้ลูกฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกหรือไม่ เราจะมาไขข้อข้องใจในเรื่องนี้กัน

8 ข้อควรรู้ ก่อนพาลูกไป ฉีดวัคซีน มะเร็งปากมดลูก

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ ได้ไขข้อข้องใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นกังวลว่าควรให้ลูกฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกหรือไม่ ใน blog visitdrsant ดังนี้

ประเด็นที่ 1. ที่ญี่ปุ่นเขาฟ้องอะไรกัน

เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อ 4 ปีมาแล้ว (2013) กลุ่มทนายความญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งได้รวบรวมเด็กผู้หญิงผู้ได้รับวัคซีนแล้วจำนวน 8 คน อายุ 14-18 ปี ซึ่งมีอาการป่วยต่างๆ ในระยะหลังจากได้วัคซีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการปวดหัวรุนแรง ชัก และมีอยู่รายหนึ่งแขนขาอ่อนแรง ยื่นคำร้องให้กระทรวงสาธารณสุขยกเลิกการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก โดยมีหมอคนหนึ่งชื่อซาโตะ  (Satora Sato) ให้การเป็นพยานโจทก์ว่าผู้ป่วยเหล่านั้นมีอาการของโรคสมองอักเสบ (encephalitis) ทั้งนี้โดยไม่มีหลักฐานยืนยันว่าอาการป่วยนั้นเกิดจากวัคซีน แต่หมอซาโตะตั้งข้อสงสัยว่าสมองอักเสบอาจเกิดจากวัคซีนไปกระตุ้นให้เกิดุภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ประเด็นที่ 2. วัคซีนเอ็ชพีวีทำให้เกิดอาการป่วยเหล่านั้นจริงหรือไม่

เมื่อเกิดเรื่องที่ญี่ปุ่น วงการแพทย์ทั่วโลกได้สนองตอบอย่างรวดเร็ว คณะทำงานแนะนำความปลอดภัยวัคซีน (Global Advisory Committee on Vaccine Safety – GACVS)  ขององค์การอนามัยโลกได้ใช้เวลา 6 เดือนทบทวนข้อมูลผลของการใช้วัคซีนเอ็ชพีวี.ทั่วโลกทั้งยี่ห้อ Cervarix (GlaxoSmithKline) และยี่ห้อ Gardasil (Merck) ซึ่ง ณ ขณะนั้นได้ฉีดไปแล้ว 175 ล้านครั้ง แล้วสรุปผลการทบทวนครั้งนั้น ว่าวัคซีนมีความปลอดภัยดี อาการป่วยรุนแรงที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน ทั้งนี้เมื่อดูอุบัติการณ์เกิดอาการป่วยเหล่านั้นในหมู่ผู้ฉีดวัคซีนก็พบว่ามีอุบัติการณ์เกิดเท่ากันไม่ได้แตกต่างจากผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน ทั้งนี้รวมถึง การเกิดสมองอักเสบและปลอกประสาทอักเสบ (Guillain-Barré syndrome) ชัก อัมพาต และปฏิกิริยาแพ้ต่างๆ ด้วย ทั้งอุบัติการณ์ของโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเองก็ไม่ได้สูงขึ้นในหมู่ผู้ได้รับวัคซีนแต่อย่างใด ดังนั้นผมจึงสรุจากหลักฐานชี้นของ WHO นี้ว่าวัคซีนเอ็ชพีวี.มีความปลอดภัยสูง ไม่ได้ก่ออาการป่วยอย่างที่นำไปสู่การร้องเรียนกันในญี่ปุ่นแต่อย่างใด

อ่านต่อ 8 ข้อควรรู้ ก่อนพาลูกไปฉีด วัคซีนมะเร็งปากมดลูก คลิกหน้า 2

ประเด็นที่ 3. วัคซีนเอ็ชพีวี.มีประโยชน์คุ้มค่าที่จะให้ลูกฉีดไหม 

ตอบว่ามีประโยชน์คุ้มค่าแน่นอน เพราะสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอ็ชพีวี.ซึ่งเป็นสาเหตุของ 70% ของมะเร็งปากมดลูกทั้งหมด เท่าที่มีข้อมูลตอนนี้ภูมิคุ้มกันจะอยู่อย่างน้อยประมาณ 10 ปี หลังจากนั้นไม่ทราบเพราะยังไม่มีข้อมูล ต้องติดตามดูกันต่อไปว่าจะมีภูมิคุ้มกันตลอดชีวิต(ตามทฤษฏี)หรือไม่ ในแง่ของการป้องกันหูดหงอนไก่ วัคซีน Gardasil ป้องกันหูดหงอนไก่ได้ 90%

ประเด็นที่ 4. การเคยหรือไม่เคยมีเพศสัมพันธ์

วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV vaccine) สามารถใช้ได้ทั้งกับคนที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ และทั้งกับคนที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว กลไกการป้องกันมะเร็งของมันคือมันป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ซึ่งมักก่อการอักเสบซึ่งนำไปสู่การเป็นมะเร็ง ใครก็ตามที่จะมีเพศสัมพันธ์อีกในวันข้างหน้า ก็มีโอกาสติดเชื้อไวรัส HPV ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าในอดีตจะเคยมีเพศสัมพันธ์มาแล้วหรือไม่ก็ตาม กรณีเคยมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว อาจติดเชื้อมาแล้วครบทุกชนิดที่วัคซีนใช้ป้องกันได้ หรืออาจติดมาบางชนิด หรืออาจไม่เคยติดเชื้อมาเลย ความที่ไม่ทราบว่าใครเป็นแบบไหน จึงแนะนำฉีดวัคซีนหมดทุกกรณี

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ประเด็นที่ 5. ยี่ห้อของ วัคซีนมะเร็งปากมดลูก

มีสองยี่ห้อ คือ Cervarix ซึ่งมีข้อดีที่ราคาถูก แต่มีข้อด้อยที่ป้องกันได้เฉพาะเชื้อ HPV type 16 และ 18 ทำให้ป้องกันหูดหงอนไก่ซึ่งเกิดจาก HPV type 6 และ 11 ไม่ได้ กับอีกยี่ห้อหนึ่งชื่อ Gardasil มีข้อด้อยที่ราคาแพงกว่า แต่ป้องกันได้ทั้ง HPV type 6, 11, 16, 18 ปัจจุบันนี้ โครงการฉีดวัคซีนของรัฐบาลในหลายประเทศ แม้ในประเทศขี้เหนียวเช่นอังกฤษได้เปลี่ยนจาก Cervarix มาฉีด Gardasil แทนกันเป็นส่วนใหญ่

อ่านต่อ 8 ข้อควรรู้ ก่อนพาลูกไปฉีด วัคซีนมะเร็งปากมดลูก คลิกหน้า 3

ประเด็นที่ 6. ความปลอดภัยในคนตั้งครรภ์

ยังไม่มีใครทราบเพราะไม่มีข้อมูลในคน มีแต่ข้อมูลในสัตว์ทดลองว่าปลอดภัย บริษัทผู้ผลิตจึงไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนนี้ระหว่างตั้งครรภ์

ประเด็นที่ 7. อายุของผู้ฉีด

งานวิจัยชุดแรกทำในคนอายุ 9-26 ปี จึงเป็นคำแนะนำมาตรฐานว่าวัคซีนนี้เหมาะสำหรับคนอายุ 9-26 ปี แต่งานวิจัย Future III ในคนอายุ 26-45 ปีพบว่าวัคซีนนี้ก็ให้ผลป้องกันโรคดีเช่นกัน ดังนั้นใครที่อายุ 26-45 ปีอยากฉีดวัคซีนนี้ก็ฉีดได้ครับ แม้ว่าจะยังไม่ใช่คำแนะนำมาตรฐาน ณ วันนี้ก็ตาม

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ประเด็นที่ 8. การใช้วัคซีนในผู้ชาย

วัคซีนนี้ผู้ชายก็ใช้ได้นะครับ คือใช้ป้องกันมะเร็งในช่องปาก มะเร็งทวารหนัก และหูดหงอนไก่ งานวิจัยวัคซีนนี้ในผู้ชาย 4,000 คนพบว่ามีผลและความปลอดภัยเหมือนกับใช้ในผู้หญิง

โดยสรุปคือ คุณหมอแนะนำให้ ฉีดวัคซีน มะเร็งปากมดลูก ให้เด็กๆ
มีประโยชน์คุ้มค่าแน่นอน คุณพ่อคุณแม่ไร้กังวลได้เลย

อ่านต่อบทความน่าสนใจคลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์