มีคุณแม่คนหนึ่งตั้งกระทู้ขึ้นมาในพันทิป เล่าเรื่องราวของลูกชายซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ลูกชายของคุณแม่เป็นเด็กหัวอ่อน ไม่ทันคน และเป็นเด็กสมาธิสั้น ยิ่งทำให้ลูกชายไม่รู้สึกตัวเมื่อถูกล้วงกระเป๋า คุณแม่จึงหา วิธีจับหัวขโมย ให้ลูกน้อยด้วยวิธีที่แสนนุ่มนวล
วิธีจับหัวขโมย ของคุณแม่ยอดนักสืบ
ปกติแล้วกระเป๋าเงินของลูกชายของคุณแม่ จะห้อยด้วยโซ่ที่ไปร้อยอยู่ที่หูเข็มขัด แรกๆ ที่เงินหาย คุณแม่คิดว่าเงินอาจจะร่วงหล่นหายไป จึงเย็บหนังยางเอาไว้ที่ธนบัตร เพื่อที่เงินจะได้ไม่หล่นหายอีก แต่ปรากฎว่าเงินก็ยังหาย โดยจะหายในช่วงเวลาก่อนพักกลางวันของทุกๆ วัน หายจนกระทั่งลูกน้อยต้องเอาข้าวกล่องไปรับประทานตอนกลางวันที่โรงเรียนแทน คุณแม่เริ่มคิด และสังเกตถึงความผิดปกติ เงินหายทุกๆ วันแบบนี้ไม่ดีแน่
ทั้งตัวลูกชายเอง ควรดูแลของส่วนตัวของตัวเองให้ได้ ไม่ใช่ใครจะหยิบเอาไปก็ได้โดยที่ไม่รู้ตัวแบบนี้ คุณแม่ต้องซ่อมลูกน้อยอย่างเร่งด่วน ส่วนเด็กที่ล้วง ขโมยเงินไป เมื่อเห็นว่าเพื่อนรู้ไม่ทัน หยิบล้วงได้ ก็ล้วงเงินไปทุกวัน ถ้าติดเป็นนิสัย โตขึ้นมาคงแย่แน่ๆ
ขั้นแรก คุณแม่แจ้งคุณครูประจำชั้น หลังจากที่แจ้งไปแล้ว เงินก็ไม่หายอยู่ได้ 3 วัน แล้วก็กลับมาหายอีก หายทุกวัน จนคุณแม่เริ่มประสาท หลังจากเลิกเรียนทุกวัน คุณแม่จะถามคำแรกว่า วันนี้เงินหายหรือเปล่า? ทั้งคุณแม่ และลูกชายเครียดมาก เมื่อแจ้งคุณครูอีกครั้ง แล้ว เงินก็ไม่หายอยู่ได้ 3 วัน แต่ครั้งนี้คุณครูเริ่มสังเกตพฤติกรรมเด็กๆ โดยการสังเกตการณ์ใช้เงิน และเริ่มมองเห็นสิ่งผิดสังเกต หลังจากนั้นเงินก็กลับมาหายอีกครั้ง ลูกชายของคุณแม่บอกว่า เพื่อนคนหนึ่งน่าจะเอาเงินของลูกชายไปแน่ คุณแม่จึงบอกลูกว่าไม่ควรโทษใคร ถ้าเรายังไม่สามารถพิสูจน์ได้ คนผิดอาจจะเป็นตัวลูกเองก็ได้ ในคืนนั้น คุณแม่เข้านอนด้วยความรู้สึกที่ไม่ดีเลย โลกใบนี้ไม่ใช่อยู่ได้ง่ายๆ มนุษย์แม่จะต้องจัดการให้ได้
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ “วิธีจับหัวขโมยของคุณแม่ยอดนักสืบ” คลิกหน้า 2
เช้าวันรุ่งขึ้น คุณแม่ตื่นขึ้นมาด้วยอาการสมองตึง และตั้งใจว่าจะจับคนผิดให้ได้ พร้อมทั้งนึกขึ้นมาได้ถึงน้ำสีม่วง ที่ถ้าโดนเข้าไปแล้วจะล้างไม่ออก คุณแม่จึงจัดการนำสำลี พันด้วยถุงพลาสติก สอดเข้าไปในธนบัตร แล้วหยอดด้วยน้ำยาสีม่วงให้ชุ่ม มัดยางเอาไว้เหมือนทุกวัน
ถ้าใครมาจับ ยาจะทะลักออกมาจากสำลี เลอะมือแน่นอน และเมื่อถึงเวลาพักกลางวัน คุณแม่จะไปจับเด็กคนที่มีมือสีม่วง คุณแม่รอคอยด้วยจิตใจที่ไม่สงบ มีความกังวลต่างๆ นาๆ ว่าลูกจะเอาออกมาเล่นเลอะเทอะหรือเปล่า ลูกจะบอกเพื่อนไหมว่าวันนี้มีกับดัก ลองจับดูสิ เลอะมือล้างไม่ออกเลย
เมื่อเวลาพักกลางวันมาถึง คุณแม่ก็รีบไปหาลูกชายที่โรงเรียน ด้วยความตื่นเต้น เห็นลูกชายเดินมากับเพื่อน ซึ่งเห็นชัดมาแต่ไกลว่าเด็กคนไหนมือม่วง ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่ลูกสงสัย คนเดียวกับที่แม่สงสัย และเป็นคนเดียวกับที่คุณครูจับพิรุธได้
คุณแม่ถ่ายภาพเก็บเอาไว้ แล้วถามว่า
แม่: “อ่าวมือไปเลอะอะไรมาลูก”
เพื่อนลูก: “เปล่าครับๆ ผมไม่ได้เอาครับ เปิดดูก็ได้ ครูสั่งให้ผมตรวจดูเงินก่อนพักกลางวันทุกวันครับ ผมเห็นครับ พี่ป.6 หยิบไปครับ ผมเห็น” แก้ตัวลิ้นพันกันเลยเชียว
แม่: “อ๋อเหรอ งั้นช่วยบอกแม่หน่อยได้มั้ยว่าพี่ป.6 คนไหนเอาไป จะได้บอกครู ช่วยหน่อยสิ” สวมวิญญาณนางฟ้านิดนึง
เพื่อนลูก: “ผมไม่แน่ใจว่าพี่เขาอยู่ป.5 หรือ ป.6 ผมก็จำไม่ได้แล้ว” อ่าวเฉไฉซะแล้ว
แม่: “อ่อ งั้นหนูไปกินกลางวันเถอะ วันหลังช่วยจำหน่อยว่าคนไหน บอกแม่ที บอกครูก็ได้” เดี๋ยวเถอะจะได้เห็นดีกัน เด็กน้อยเอ๋ย
เพื่อนลูก: “ครับๆ” แล้วก็วิ่งไปกินข้าว
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ “วิธีจับหัวขโมยของคุณแม่ยอดนักสืบ” คลิกหน้า 3
เมื่อคุณแม่เปิดกระเป๋าลูกชายดู พบว่าเงินหายไปบางส่วน ยังคงเหลืออยู่อีก 1 ใบ หลุดออกมาจากยางรัด และมียาม่วงทะลักออกมาด้วย
คุณแม่นั่งคิดอยู่ได้สักพัก คุณครูประจำชั้นก็เดินมาพอดี จึงเล่าเรื่องให้คุณครูฟังทั้งหมด พร้อมแสดงรูปถ่ายให้คุณครูดู คุณครูไม่เคยบอก หรือไม่เคยมอบหมายหน้าที่ให้เด็กคนนั้นมาตรวจกระเป๋าให้ลูกชายเลย และก็ตรงกับที่คุณครูสงสัยจริงๆ คุณครูจึงรับปากว่าจะสอบสวนให้ และส่งข่าวให้คุณแม่ทราบ
เย็นวันนั้น คุณครูส่งข่าวมาบอกว่า เด็กคนนั้นสารภาพ ว่าเป็นคนล้วงกระเป๋าลูกชายของคุณแม่จริงๆ คุณครูได้แจ้งผู้ปกครองของเด็กคนนั้นทางโทรศัพท์ทันที เพราะกลัวว่าถ้าช้าไปกว่านี้ มือจะหายม่วง แต่ผู้ปกครองของเด็กคนนั้นไม่เชื่อคุณครู คุณพ่อของเด็กโทรมาหาคุณแม่ บอกว่ารู้ข่าวจากคุณครูแล้ว ตกใจมาก และไม่อยากเชื่อ เพราะเมื่ออยู่ที่บ้าน กับอยู่ที่โรงเรียน พฤติกรรมผิดกันเป็นคนละคนเลย จึงขอโทษคุณแม่ และสอบถามว่าต้องการให้ชดใช้อะไรหรือไม่ ให้คุณแม่แจ้งมาได้เลย
คุณแม่บอกว่า คุณแม่ไม่ต้องการอะไรเลย ดีใจที่รู้ว่าเป็นใคร แค่นี้คุณแม่ก็สบายใจแล้ว ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของคุณพ่อ คุณแม่ของเด็ก ที่จะต้องอบรมลูกๆ ลูกของเราเองก็ต้องอบรมเหมือนกัน ค่อยๆ สอนกันไป เพื่อวันข้างหน้าจะได้ไม่กล้าทำอีก คุณแม่กับคุณพ่อของเด็กคนนั้น พูดคุยกันด้วยดี แล้วจึงวางสายไป
คุณแม่ก็ใจไม่ค่อยดี เป็นห่วงว่าเด็กคนนั้นจะถูกทำโทษ แต่ก็ต้องเป็นไปตามที่เด็กคนนั้นได้ทำไว้ ทำผิดก็ต้องได้รับโทษ
เช้ามา คุณแม่ไปส่งลูกน้อยที่โรงเรียน พบแม่ของเด็กคนนั้น เขาเข้ามาขอโทษ น้ำตาคลอ ตาแดงๆ สงสารลูกที่โดนคุณพ่อตี เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ว่าคงเสียใจ เด็กน้อยยกมือไหว้ขอโทษคุณแม่ และบอกว่า “ผมจะไม่ทำแล้วครับ” พร้อมขอโทษลูกชาย คุณแม่จึงบอกว่า “ไม่เป็นไร อย่าทำอีกนะครับ”
เงินที่เสียไปแล้วช่างมัน แต่ความเป็นเพื่อนจะต้องไม่เสียไป และคิดว่าคงจะจบด้วยดี ไม่มีเหตุการณ์แบบนี้อีก ต่างคน ต่างก็ต้องซ่อมลูกของตัวเองกันต่อไป คอยสอนกันไป
เครดิต: พันทิป, สยามดราม่า, www.unigang.com, สำนักข่าวทีนิวส์
อ่านเพิ่มเติม คลิก!!
สอนลูกเรื่องการโกหก การขโมย และความซื่อสัตย์
ลูกชอบพูดโกหก เพราะพ่อแม่เข้มงวดกับลูกมากไป
4 นักเขียนดัง ใน “นิทานคุณธรรม” ปลูกฝังความซื่อสัตย์ให้กับเด็ก
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
Save
Save
Save
Save
Save
Save
Save
Save
Save