การเลี้ยงลูก 1 คน ให้เขาเติบโตขึ้นมา คอยอบรม สั่งสอนให้เป็นคนดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ในบางครั้งลูกน้อยอาจจะทำให้คุณพ่อ คุณแม่เกิดอาการหงุดหงิดใจ เกิดอารมณ์โกรธ และโมโหจากการกระทำที่ไม่ดีของลูกบ้าง แต่อย่าให้ถึงขึ้น ลงโทษลูก เกินกว่าเหตุ ดังเช่นเหตุการณ์แบบนี้เลย
ลงโทษลูก ด้วยความทารุณ
ข่าวจากเว็บไซต์ ไทยรัฐออนไลน์ ระบุว่า มีภาพคลิปวิดีโอหนึ่งที่ถูกบันทึกไว้ที่เย้ว์หยาง มณฑลหูหนานของประเทศจีน เมื่อผู้คนได้เห็นคลิปวิดีโอนี้แล้ว โดยเฉพาะคนเป็นพ่อ เป็นแม่ ต่างก็รู้สึกสะเทือนใจอย่างรุนแรง และเศร้าใจอย่างยิ่ง ไม่คิดว่าคนที่เรียกตัวเองว่า “พ่อ” จะกระทำกับ “ลูกชาย” ได้รุนแรงถึงเพียงนี้ และเมื่อทราบถึงสาเหตุที่แท้จริง ผู้เป็นพ่อก็ถูกประณามอย่างหนัก หลายคนอยากให้ตำรวจจับตัวมาลงโทษให้ได้
เด็กชายคนนี้ถูกพ่อของตัวเองมัดกับบันได และกดให้จมน้ำเป็นระยะ พร้อมกับตะโกนขู่ลูกว่า “จะเอาให้ถึงตาย” ทำให้เด็กชายทุกข์ทรมานจากการสำลักน้ำ จนร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดและเสียใจ
เครดิตภาพ: ไทยรัฐออนไลน์
สาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์น่าสลดใจนี้ เกิดจากเด็กชายถูกล่าวหาว่าขโมยของที่โรงเรียน ผู้เป็นพ่อ จึงตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง เพื่อที่จะทำให้ลูกชายของตัวเองเลิกดื้อ และทำให้รู้สึกกลัวเพื่อที่จะได้รับสารภาพข้อกล่าวหานั้น รวมทั้งอยากให้ลูกหลาบจำจึงต้องใช้วิธีการที่รุนแรงดังกล่าว ในคลิปวิดีโอนี้ ได้ยินเสียงเด็กชายตะโกนว่า “ผมจะไม่ทำแล้ว ผมจะไม่ทำแล้ว!”
ชมคลิปวิดีโอได้ที่นี่
จากคลิปวิดีโอนี้ ทำให้แม่น้องเล็กเกิดความรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง เด็ก 1 คน ถึงแม้ว่าจะกระทำผิดมากมายแค่ไหน เขาก็ยังเป็นเด็ก ยังต้องเรียนรู้ และฝึกฝนตนเองให้เป็นเด็กที่ดีได้จากการอบรม สั่งสอนของพ่อแม่ แต่ก็ต้องเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง และไม่ใช้อารมณ์รุนแรง หรือการลงโทษที่ทารุณ
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ “หยุดทำร้ายลูก เพราะพ่อแม่ไม่ใช่จ้าวชีวิต” คลิกหน้า 2
หยุดทำร้ายลูก เพราะพ่อแม่ไม่ใช่จ้าวชีวิต
ข่าวคราวเรื่องพ่อแม่ทำร้ายลูกมีให้พบเห็นกันบ่อยมากขึ้นในสื่อบ้านเรา ไม่นับรวมกับเหตุการณ์ที่ไม่เป็นข่าวจำนวนไม่น้อย ประเด็นคือ ทำไมคนเป็นพ่อ เป็นแม่ถึงทำร้ายลูกได้ถึงขนาดนี้ เรื่องนี้เป็นปัญหาสังคมที่มีมาโดยตลอด สาเหตุหลักก็คือ ทัศนคติที่ผิดๆ ของพ่อแม่ที่มีต่อลูก คิดว่าเป็นลูกแล้ว จะทำอะไรกับเขาก็ได้ และยังมีอีกหลากหลายสาเหตุที่มีอยู่จริง จนกลายเป็นการทำร้ายลูกของตัวเอง เรามาสำรวจกันค่ะ ว่าคุณเข้าข่าย 7 ข้อนี้บ้างหรือเปล่า?
ข้อมูลจาก: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
1.คิดว่าเป็นเจ้าของลูก ลูกเป็นของเรา เราเป็นจ้าวชีวิตเขา เป็นความคิดที่มีอยู่จริงจำนวนไม่น้อย ลูกจะทำอะไรต้องอยู่ในสายตาตลอด และการลงโทษลูก พ่อแม่กลุ่มนี้จะไม่รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ผิด หรือไม่สมควร
2.เชื่อว่าการทำโทษจะเปลี่ยนพฤติกรรม ทำให้ลูกหลาบจำ ทำให้เข็ด เพื่อที่ลูกจะไม่ทำผิดซ้ำอีก โดยไม่รู้ว่าการทำโทษแบบนี้คือการทำร้ายลูกเพิ่มมากขึ้นไปอีก
3.ควบคุมตัวเองไม่ได้ คือพ่อแม่เป็นคนอารมณ์ร้อน ใจร้อน บันดาลโทสะได้ง่าย เริ่มตั้งแต่ขึ้นเสียง ใช้เสียงดัง ปาข้าวของ ทุบตีคนใกล้ชิด แต่เมื่ออารมณ์เย็นลงจะคิดได้ และรู้สึกผิด เพียงแต่จะมีโอกาสแก้ตัวในการกระทำของตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ จนเกิดโศกนาฏกรรม
4.ระบายอารมณ์ พ่อแม่เกิดความทุกข์ในใจแล้วมาลงที่ลูก เช่น ทะเลาะกับเจ้านาย มีปัญหากับเพื่อน มีปากเสียงกันระหว่างสามีภรรยา จนเกิดการทำร้ายลูก ทั้งที่รู้ตัว และไม่รู้ตัว แต่ก็ได้ทำร้ายลูกลงไปเสียแล้ว
5.ติดสารเสพติด ทำให้พ่อแม่ที่เคยเป็นคนใจดี เปลี่ยนไปเป็นคนละคนได้ สารเสพติดนำภัยมาสู่ครอบครัว
6.เมาสุรา น้ำเปลี่ยนนิสัย ที่ทำให้พ่อแม่จำนวนมากเปลี่ยนไป จนอาจทำร้ายลูกได้โดยไม่รู้ตัว
7.ถูกกระทำรุนแรงมาก่อน พ่อแม่จำนวนมากที่ถูกพ่อแม่ของตัวเองกระทำมาก่อน เมื่อถึงวันที่ตัวเองเป็นพ่อแม่บ้างก็จะใช้วิธีการลงโทษแบบเดียวกัน นั่นคือการสร้างพฤติกรรมรุนแรงอย่างต่อเนื่องไปถึงรุ่นลูก
เด็กเมื่ออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่รุนแรง ถูกพ่อแม่ทำร้ายบ่อยๆ เขาก็จะซึมซับ และเลียนแบบพฤติกรรมที่รุนแรงนั้นโดยไม่รู้ตัว ทำให้เมื่อโตขึ้นเขาอาจจะทำร้ายคนในครอบครัว ไม่ใช่เพียงการทำร้ายทางร่างกายเท่านั้น การทำร้ายทางจิตใจ เช่น ดุด่า ต่อว่า ด่าทอ ตวาด หรือทำให้อับอาย ก็จะทำให้เด็กเจ็บฝังลึกลงไปที่ใจ กลายเป็นคนที่มีความเครียด กดดัน เก็บกด และอาจหาวิธีต่อต้านในทางที่ผิด
วิธีแก้ไขที่ดีที่สุด คือการกำหนดกฎเกณฑ์ภายในบ้าน สอนให้ลูกเรียนรู้บทบาทหน้าที่ รวมถึงวินัยของตัวเอง พูดคุยกันด้วยเหตุผลก่อน พ่อแม่อาจไม่รู้ว่าการทำร้ายลูกนั้นเป็นเรื่อง “ผิดกฎหมาย” เพราะพ่อแม่ไม่ใช่จ้าวชีวิตของลูก
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ “สอนลูกเรื่องความซื่อสัตย์ ป้องกันลักขโมย” คลิกหน้า 3
สอนลูกเรื่องความซื่อสัตย์ ป้องกันลักขโมย
จากข่าวดังกล่าว ถ้าลูกน้อยมีความผิดจริง ขโมยของที่โรงเรียนจริงตามข้อกล่าวหา คนเป็นพ่อก็ไม่ควรที่จะทำโทษลูกอย่างรุนแรงเช่นนี้ แม่น้องเล็กมีวิธีสอนลูกเรื่องความซื่อสัตย์มาแนะนำค่ะ
เมื่อลูกน้อยเข้าสู่วัยเรียน จะเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่า “โลกส่วนตัว” คำนี้อาจน่ากลัวสำหรับคุณพ่อ คุณแม่หลายๆ คน เพราะจะกังวลว่าลูกปกปิดอะไรที่ไม่ดีเอาไว้หรือเปล่า ถ้าคุณพ่อ คุณแม่บ่มเพาะความไว้ใจ และการให้เกียรติ คุณพ่อ คุณแม่ก็จะได้รับ “ความซื่อสัตย์” กลับมาค่ะ
หลักการง่ายๆ มีเพียง 3 ข้อ คือ
1.ไว้ใจในคำพูดของลูก เวลาลูกมีเรื่องมาเล่าให้ฟัง แล้วเหมือนใส่ไข่ เติมชูรส ให้ฟังลูก แล้วตอบลูกว่า “พ่อ/แม่เชื่อลูกจ้ะ เพราะลูกไม่เคยโกหกพ่อ/แม่” และแอบเตือนสติลูก เช่น “ที่ลูกเอาของมาจากเพื่อน หนูมีเหตุผลใช่มั้ยจ้ะ” อย่าบอกว่าลูกโกหกตรงๆ เพราะจะกลายเป็นการจับผิด และลูกจะฝึกการโกหกที่ซับซ้อนมากขึ้น
2.ให้เกียรติ และพื้นที่ส่วนตัวกับลูก ไม่รื้อของภายในห้องของลูก ไม่เปิดอ่านจดหมายที่จ่าหน้าซองถึงลูก ลูกจะเรียนรู้ และซึมซับว่าควรให้เกียรติผู้อื่น ก่อนที่จะหยิบใช้ของๆ ลูก ให้ “ขออนุญาต” ก่อนหยิบใช้ทุกครั้ง ลูกจะซึมซับ และเรียนรู้ว่าไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับของของคนอื่นถ้าเขาไม่ได้รับอนุญาต
3.เก็บเกี่ยวผลลัพธ์ของความซื่อสัตย์ เมื่อลูกยังเล็ก เห็นเพื่อนมาขโมยของลูก หรือลูกขโมยของคนอื่น ซึ่งเป็นของเล็กๆ น้อยๆ เช่น ดินสอ ปากกา ขนม คุณพ่อ คุณแม่บางคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องขำๆ แต่เมื่อลูกโตขึ้น โลกของเขาจะซับซ้อน ยากที่คนเป็นพ่อ เป็นแม่อย่างเราจะเข้าถึง หลายคนต้องทนทุกข์กับการทะเลาะกับลูก เพราะขาดความเชื่อใจกันและกัน ลูกเบื่อหน่ายที่พ่อแม่ไม่ต่างจากตำรวจที่คอยจับผิดผู้ร้าย
ขอให้เริ่มปลูกความไว้ใจ และให้เกียรติในตัวลูกตั้งแต่ยังเล็ก แล้ว “ความซื่อสัตย์” จะงอกงามในใจลูกต่อไปค่ะ แม่น้องเล็กจะคอยชี้ทางให้พ่อแม่หายเหนื่อย เพื่อลูกฉลาด ดี และมีสุข
แม่น้องเล็ก
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม คลิก!!
วิธีลงโทษลูกเมื่อลูกทำผิด โดยไม่ต้องตี หรือดุด่า
ตีลูก ความเชื่อที่ผิดๆ ของพ่อแม่คนไทยกับการลงโทษลูก
หยุด! ทำโทษลูกรุนแรง…ระวังผิดกฎหมาย
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
Save
Save
Save