AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ประสบการณ์ของคุณพ่อ เมื่อพบว่าลูกเปลี่ยนไป

คุณพ่อ คุณแม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้บ้างไหมคะ เมื่ออยู่ๆ ลูกที่ดูเป็นเด็กน่ารัก ก็กลายเป็นคนละคนขึ้นมาดื้อๆ อาจเป็นเพราะมีอะไรไปกระตุ้นให้ลูกน้อยเป็นเช่นนั้น หรือมีปัญหาทางอารมณ์กันแน่ ลองมาอ่านประสบการณ์ของคุณพ่อท่านนี้ เมื่อพบว่า ลูกเปลี่ยนไป

ลูกเปลี่ยนไป

คุณพ่อท่านหนึ่ง เล่าเรื่องราวประสบการณ์ของตัวเอง ที่เคยเป็นพ่อแม่ยอดแย่ และฝากเตือนให้คุณพ่อ คุณแม่ อย่าชะล่าใจ ถ้าลูกน้อยของคุณเป็นเด็กดี และอย่ามองลูกเพียงด้านเดียว

คุณพ่อวัยกลางคน อาศัยอยู่กับลูกชายวัย 17 ปี เพียงลำพัง 2 คนพ่อลูก เพราะคุณพ่อแยกทางกับคุณแม่ และสิทธิ์การดูแลเกือบทั้งหมดจึงเป็นของคุณพ่อที่มีรายได้มากกว่า คุณพ่อทำงานหนัก จนไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น นอกจากทำงาน ทั้งงานบ้าน หรือหน้าที่ของคนเป็นพ่อ จึงเป็นหน้าที่ของแม่บ้านที่คุณพ่อจ้างมาทำความสะอาด หุงหาอาหารให้ลูกรับประทานทั้งหมด ถ้าถามว่าในฐานะของความเป็นพ่อ เป็นแม่ เคยมีอะไรให้ลูกบ้าง ก็คงไม่พ้นการให้เงินลูกใช้ทุกอย่างตามที่ลูกต้องการ

ลูกชายของคุณพ่อ เข้าใจดีว่าทำไมพ่อแม่แยกทางกัน ทำไมคุณพ่อถึงไม่มีเวลา จึงไม่เคยงอแง หรือเรียกร้องอะไรเลย ไม่เคยขอให้หยุดงานเพื่อพาไปเที่ยว เขาเป็นเด็กดีมาก ไม่เคยทำให้คุณพ่อ คุณแม่ต้องเครียด หรือหนักใจ และผลการเรียนก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก เป็นเด็กกิจกรรม เป็นประธานนักเรียน ทำหน้าที่ลูกที่ดีได้อย่างถึงที่สุด

ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ ซึ่งเป็นความเงียบสงบ…

…ก่อนที่พายุลูกที่ 1 จะเข้า

วันหนึ่งแม่บ้านโทรมาหาคุณพ่อ บอกว่าลูกชายได้รับบาดเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ปลอดภัยแล้ว คุณพ่อจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น และต่อว่าแม่บ้านด้วยความโมโห ว่าทำไมไม่ดูแลลูกชายของคุณพ่อให้ดีๆ ทำไมปล่อยให้บาดเจ็บ คุณพ่อรีบไปที่โรงพยาบาล แล้วแม่บ้านก็เล่าว่า ลูกชายขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำ ล็อคประตู เรียกก็ไม่ขานตอบ จนได้ยินเสียงเหมือนทุบกระจกหลายครั้ง และเสียงกระจกแตก แม่บ้านเห็นท่าไม่ดี จึงไขประตูเข้าไป พบลูกชายของคุณพ่อในสภาพกระจกห้องน้ำแตก ที่มือได้รับบาดเจ็บสาหัส และตัวสั่น จึงพาไปส่งโรงพยาบาล

คุณพ่อ ไม่เชื่อสิ่งที่แม่บ้านเล่าให้ฟังเลยสักนิด เพราะที่ผ่านมา ลูกชายไม่เคยมีพฤติกรรมที่รุนแรง ไม่เคยใช้กำลัง ไม่เคยแม้กระทั่งเถียงคุณพ่อเลยสักครั้ง คุณพ่อจึงคิดว่าแม่บ้านอาจโกหก และสงสัยว่าตัวแม่บ้านเองนั่นแหละที่ทำให้ลูกบาดเจ็บ คุณพ่อจึงไล่แม่บ้านคนนั้นออก ด้วยความไร้เหตุผล และเอาแต่ใจตัวเอง เพราะคุณพ่อจินตนาการไม่ออกจริงๆ ว่าลูกชายจะมีพฤติกรรมแบบนี้ได้อย่างไร

คุณพ่อเข้าไปพบลูกที่โรงพยาบาล ท่าทางของเขาปกติดีทุกอย่าง คือเป็นเด็กเรียบร้อย คุณพ่อพยายามลองถามลูกชาย ว่าลูกมีปัญหาอะไรหรือเปล่า เครียดอะไรไหม ลูกชายไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มแหยๆ แล้วส่ายศีรษะ คุณพ่อก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติ เพราะลูกชายเป็นเด็กพูดน้อย เรียบร้อย ถ้าทำจริงๆ เด็กต้องมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวไม่ใช่หรือ?

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

อ่านต่อ “ประสบการณ์ของคุณพ่อ เมื่อพบว่าลูกเปลี่ยนไป” คลิกหน้า 2

ไม่กี่วันต่อมา พายุลูกที่ 2 ก็เข้ามา

วันหนึ่ง เมื่อคุณพ่อกลับมาถึงบ้าน คุณพ่อได้พบสภาพบ้านเหมือนกับสึนามิถล่ม ข้าวของ เฟอร์นิเจอร์ทั้งหลายกระจัดกระจายเต็มบ้าน และสิ่งที่น่าตกใจมากกว่า คือภาพลูกชายที่กำลังนั่งเอาเศษกระจกที่แตก กรีดเนื้อที่น่องของตัวเอง ตอนนั้นคุณพ่อเข้าไปเขย่าตัวลูก ตัวของเขาสั่นมาก

คุณพ่อถามเขาว่าเป็นอะไร มีใครทำอะไรหรือเปล่า ทำไมทำแบบนี้ ลูกชายตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นมากว่า เขาหาของไม่เจอ หามานานแล้ว แต่ยังหาไม่เจอ รู้สึกหงุดหงิด คุณพ่อจึงปลอบใจว่าไม่เป็นไรนะลูก ไม่เป็นไร ด้วยความที่เป็นห่วงลูก คุณพ่อจึงจะพาเขาไปส่งโรงพยาบาล แต่เขาสะบัดมือ แล้วบอกว่าไม่ไป เขาไม่อยากไป เขายืนกราน คุณพ่อไม่รู้จะทำอย่างไร จึงเรียกคุณแม่ของเขาให้มาช่วยจัดการพูดคุยกับลูก และทำแผลให้ลูก

เมื่อคุณแม่ทำแผลเสร็จ คุณพ่อเริ่มประสาทเสียกับเหตุผลที่ลูกชายทำร้ายตัวเอง เริ่มรู้สึกผิดกับแม่บ้านที่คุณพ่อไล่ออก ใจหนึ่งก็อยากดุลูก แต่ก็ทำไม่ลง จึงพยายามถามว่าเขากำลังหาอะไร เดี๋ยวช่วยหา ทันใดนั้นเขาก็โมโห ตะคอกใส่คุณพ่อว่าไม่ต้องมายุ่งกับของๆ เขา คุณพ่อเริ่มรู้สึกว่าผิดปกติมากๆ

เมื่อคุณแม่เห็นแบบนั้น ก็พูดขึ้นมาว่า ถ้ามีปัญหาอะไรที่ไม่อยากให้พ่อแม่รับรู้ ลองไปคุยกับคุณหมอดูไหมลูก คุณหมอเขาเก่ง น่าจะแนะนำอะไรลูกได้ ทันใดนั้นลูกชายก็หันมามองหน้าคุณแม่ ตาเขียว แล้วพูดว่า “แม่หาว่าผมบ้าเหรอ!?” ทั้งคุณพ่อ และคุณแม่หันมามองหน้ากัน รู้สึกเหมือนคนๆ นี้ไม่ใช่ลูกเลย คุณพ่อไม่เคยเห็นลูกเป็นแบบนี้มาก่อน ทั้งคุณพ่อ และคุณแม่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงพยายามอธิบายให้ลูกฟังว่าคุณแม่ไม่ได้หมายความแบบนั้น แม่แค่คิดว่าปัญหาบางอย่างคนๆ เดียวอาจหาทางออกไม่ได้ ต้องช่วยกัน แล้วลูกชายก็ตอบว่า ไม่มีใครช่วยได้ เขาต้องช่วยตัวเอง แล้วก็ร้องไห้ ร้องไห้เหมือนเด็กเล็กๆ ซึ่งนานมากแล้วที่คุณพ่อไม่เคยเห็นลูกชายร้องไห้ คุณพ่อได้แต่ปลอบลูกว่าพ่อแม่อยู่นี่ ไม่ต้องกลัว

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

อ่านต่อ “ประสบการณ์ของคุณพ่อ เมื่อพบว่าลูกเปลี่ยนไป” คลิกหน้า 3

หลังจากนั้น คุณพ่อ และคุณแม่ก็ไม่นิ่งนอนใจ ไปปรึกษาคุณหมอ คุณหมอก็สันนิษฐานว่าลูกชายเป็นอะไร คือ เขามีอาการซึมเศร้า แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจริงๆ คืออะไร เพราะคุณหมอจะบอกได้ดีกว่า ถ้าได้คุยกับลูกชายโดยตรง แต่ลูกไม่ยอมคุย ไม่ว่าจะเกลี้ยกล่อมอย่างไร

ตอนนี้ที่ทำได้คืออยู่กับลูก ให้เวลากับลูกให้มากที่สุด หลังจากที่คุณพ่อ คุณแม่ปรึกษากัน จึงตัดสินใจว่าจะไม่ปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียว อยากจะอยู่กับลูกให้มากที่สุด ในสภาพจิตใจแบบนี้ คุณแม่จึงกลับมาอยู่ที่บ้านชั่วคราว เพื่อช่วยดูแลลูก

เมื่อลูกชายเป็นแบบนี้ ก็กระทบกับหลายเรื่อง ด้วยความที่เป็นลูกชายคนเดียว คุณพ่อก็เป็นห่วงลูก โดยเฉพาะเรื่องเรียน จึงตัดสินใจให้ลูกดร็อปเรียน และรอย้ายโรงเรียน ทั้งคุณพ่อ และคุณแม่ปรึกษากันว่า ในสภาพจิตใจที่ไม่ปกติแบบนี้ จะปล่อยให้ลูกชายออกไปใช้ชีวิตคนเดียวเหมือนที่ผ่านมาคงไม่ได้ คุณพ่อไม่อยากให้ลูกชายเป็นเป้าสายตา และถูกมองว่าเป็นบ้า จึงให้อยู่ในสายตาพ่อแม่ให้มากที่สุด

ตามคำแนะนำของคุณหมอ คุณหมอเตือนและย้ำว่า ลูกชายจะมีความคิดทำร้ายตัวเองอีกครั้ง หรืออาจหนักกว่า คือการฆ่าตัวตาย คุณแม่จึงเก็บของมีคมทุกอย่างทิ้ง หรือเก็บไว้ในที่ๆ ลูกชายหาไม่เจอ และคอยสังเกตพฤติกรรมลูกอยู่ตลอด แล้วพบว่าลูกมีพฤติกรรมแปลกๆ หลายอย่าง คือ เหม่อลอย ไม่สนใจคนรอบข้าง กัดเล็บแบบกัดถึงเนื้อจนเลือดออก ไม่ร่าเริงสนุกสนาน ไม่ตอบสนองคนรอบข้าง ชวนพูดคุยก็ไม่ค่อยพูด ถามคำตอบคำ อารมณ์แปรปรวน บางครั้งเหมือนเด็กปกติ แต่เมื่อเริ่มสนทนากลับก้าวร้าว ถลึงตา เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับตัวเอง ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในห้อง ซึ่งคุณพ่อพยายามไม่ให้ลูกอยู่ แต่ก็กลัวว่าห้ามมากไป ลูกจะทำอะไรขึ้นมาอีก

อาการหนักที่สุดหลังจากที่มีการกรีดเนื้อของตัวเอง ลูกชายได้กระโดดลงมาจากหน้าต่างชั้น 2 ของห้องตัวเอง โชคดีที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก เพราะบ้านไม่ได้สูงมากนัก คุณพ่อถามลูกชายว่า กระโดดทำไม? ลูกชายตอบว่า อยากออกไปข้างนอก เมื่อคิดได้แบบนั้นก็โล่งอกที่ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย แต่ก็แอบกลัว คุณพ่อจึงปิดตายหน้าต่างทุกบาน หลังจากนั้นก็ไม่มีการทำร้ายตัวเองอีก มากที่สุดคือไม่ยอมกินข้าว โดยบอกว่าไม่อยากอาหาร

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

อ่านต่อ “ประสบการณ์ของคุณพ่อ เมื่อพบว่าลูกเปลี่ยนไป” คลิกหน้า 4

พายุลูกใหญ่ระเบิด

ไม่กี่วัน เรื่องก็เกิดขึ้นอีกจนได้ เมื่อของมีคมที่คุณแม่เก็บเอาไว้ แต่ลืมนึกถึงการพยายามทำร้ายตัวเองของเขาว่ามันมีมากมายแค่ไหน นั่นคือ ที่โกนหนวด วันนั้นลูกชายเอาที่โกนหนวดมาขูดเนื้อตัวเอง ต่อหน้าต่อตาคุณพ่อ คุณแม่ มือไม้ของเขาสั่น ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ตกใจมาก

ด้วยความที่คุณพ่อเป็นคนอารมณ์ร้อน เมื่อเห็นลูกทำร้ายตัวเองก็ตบหน้าลูกทันที เพื่อหวังให้เรียกสติ เขาตัวสั่นไปทั้งตัว แสดงท่าทางหวาดกลัวมาก ตอนนั้นคุณพ่อรู้สึกแย่มาก ทนไม่ไหว จึงจะจับลูกส่งโรงพยาบาล คุณพ่อพูดคำหยาบกับลูกทั้งๆ ที่ไม้เคยทำมาก่อน ตอนนั้นตัวของเขาสั่น ท่าทางตื่นๆ แล้วเกิดพยศ เขาพยายามขัดขืน คุณพ่อจึงให้เพื่อนบ้านมาช่วยกัน 2 – 3 คน แต่ลูกแรงเยอะเอาไม่อยู่ คุณพ่อจึงทำใจอัดลูกของตัวเองจนสลบ แล้วพาส่งโรงพยาบาล

ส่งลูกชายไปทั้งๆ สภาพแบบนั้น คุณพ่อเล่าอาการให้คุณหมอฟังทุกอย่าง คุณหมอจับตรวจร่างกาย แล้วพบบางสิ่งที่ไม่น่าจะมีอยู่ในตัวลูกชายวัย 17 ปีของเขา ซึ่งเป็นเด็กดี ไม่เคยทำตัวให้คุณพ่อ คุณแม่หนักใจ หรือกลุ้มใจมาก่อน สิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นที่สุดกับลูก เมื่อคุณหมอพบ “สารเสพติด” คุณหมอบอกว่าที่เขาเป็นหนักขนาดนี้ เพราะมีอาการจากการลงแดง อยากยา และมีอาการทางจิตด้วย ซึ่งจะรักษาไม่ใช่ง่ายๆ ต้องใช้เวลาฟื้นฟู ทั้งสภาพร่างกาย และจิตใจ

ตอนนั้น สิ่งที่คุณพ่อคิดไว้ทั้งหมดพังทลาย ทั้งเสียใจ ทั้งผิดหวัง ทั้งไม่อยากเชื่อ ทั้งคุณพ่อ และคุณแม่ร้องไห้ ต่างคนโยนความผิดให้กัน เพราะเธอนั่นแหละ เพราะคุณนั่นแหละ คุณพ่อหมดกำลังใจ ถามตัวเองว่าที่ทำงานหนักทุกวันนี้เพื่ออะไร? เพื่อให้ลูกได้เป็นแบบนี้เหรอ? ทำงานหนักเพื่อให้ลูกเอาเงินมาเสพยานรกหรือไง? ในความคิดของคนเป็นพ่อ มันเป็นอะไรที่แย่กับสิ่งที่ลูกทำ สิ่งที่ลูกเลือก คุณพ่อคิดหาเหตุผล 108 ว่าทำไมลูกถึงทำ? เพื่ออะไร? หรือพ่อแม่ไม่ดี? ผิดหวังกับความรัก? เครียดเรื่องเรียน? คิดไปต่างๆ นาๆ แต่ก็หาคำตอบไม่ได้

เมื่อลูกฟื้น ได้สติคืนกลับมา ก็บอกเขาว่า พ่อแม่รู้แล้วนะ ว่าลูกติดยา เขาร้องไห้ แล้วขอโทษคุณพ่อ คุณแม่นับครั้งไม่ถ้วน ตอนแรกคุณพ่ออยากจะต่อว่า แต่เมื่อเห็นลูกก็รู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร เมื่อลองมองย้อนกลับไปก็นึกโกรธตัวเอง คิดว่าถ้าใส่ใจลูกให้มากกว่านี้ คิดถึงความสุขของตัวเองให้น้อยลง คิดถึงลูกให้มากขึ้น เขาก็คงไม่เป็นอย่างนี้ ถ้าถาม และรับฟังลูกให้มากกว่านี้ เหตุการณ์นี้คงไม่เกิดขึ้น ทำงานหนัก แต่ละเลยหน้าที่ของคนเป็นพ่อ เป็นแม่ ไม่อยากถูกไล่ออกจากตำแหน่ง แต่ในฐานะพ่อแม่กลับล้มเหลวไม่มีชิ้นดี

หลังจากที่พายุลูกใหญ่สงบลง

คุณพ่อพยายามเป็นที่พึ่งให้ลูกมากที่สุด เพราะไม่อยากให้ลูกกลับไปพึ่งยานรกนั่นอีก และจะขอจดจำช่วงเวลานั้นไปจนตาย เพราะกว่าจะผ่านมาได้ ช่างหนักหนาเหลือเกิน ทั้งลูกชาย คุณพ่อ คุณแม่ ต้องใช้กำลังใจ มากกว่ากำลังเงิน เงินซื้อไม่ได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะเวลา เวลากว่า 1 ปี ที่ลูกต้องเสียมันไป เวลาที่ลูกควรจะมีเพื่อนๆ ที่ควรจะเรียนจบในรุ่นเดียวกัน เวลากว่า 1 ปีของช่วงชีวิตวัยรุ่นครั้งเดียวของลูก ที่คุณพ่อซื้อมันคืนมาให้ลูกไม่ได้อีกแล้ว

สุดท้าย หลังจากที่คุณแม่แค่ย้ายมาอยู่ชั่วคราว ก็กลายเป็นกลับมาอยู่อย่างถาวร แต่ไม่ใช่ในฐานะสามีภรรยา แต่ในฐานะพ่อ กับแม่ของลูกชาย

เครดิต: http://pantip.com/topic/35921185

อ่านเพิ่มเติม คลิก!!

สตรอเบอร์รี่ควิก ขนมเม็ดสีชมพู ยาเสพติดชนิดใหม่ พ่อแม่ต้องระวัง!

เทคนิคเลี้ยงลูก ให้สุขภาพจิตแข็งแรง

เลี้ยงลูกแบบตามใจ แล้วลูกจะเสียคนจริงหรือไม่?

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

Save