มีข้อมูลหนึ่งจากเพจ ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา น่าสนใจ เกี่ยวกับการลักพาตัวเด็ก ทำให้ทราบว่าทำไม มิจฉาชีพ ถึงลักพาตัวเด็กน้อย และมีวิธีการอย่างไรในการลักพาตัว แม่น้องเล็กจึงขอหยิบเรื่องราวนี้มาให้คุณพ่อ คุณแม่ได้อ่านกัน เพื่อให้ระมัดระวังตัวเองไม่ให้ลูกถูกลักพาตัว
มิจฉาชีพ กับวิธีการลักพาตัวเด็ก
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมาทางสถานีตำรวจภูธร อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง ได้นำตัวผู้ต้องหาคดีลักพาตัวเด็กนักเรียนวัย 8 ขวบ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่บริเวณถนนหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่งใน ตำบลชัยฤทธิ์ อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง
โดยเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2560 นายอริยะ (คนร้าย) ได้เข้ามาในโรงเรียนแล้วเรียก เด็กชายบี (นามสมมติ) นักเรียนชั้นป.2 ที่กำลังเลิกเรียน และเดินอยู่ในโรงเรียนให้มาเอาขนม และพูดคุยก่อนที่จะกระชากขึ้นรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว
เครดิตภาพ: ข่าวสด
หลังจากนั้น คุณแม่ที่กลับมาจากทำงาน ไม่พบลูกชาย จึงถามเพื่อนบ้านที่จ้างให้รับส่งลูก ทำให้ทราบว่ามีคนไปรับก่อนหน้าแล้ว แต่ก็ตามหาตัวไม่พบ จึงแจ้งทางโรงเรียน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนตำรวจสามารถติดตาม และจับกุมคนร้ายได้ในช่วงค่ำ
จากการสอบสวนพบว่า คนร้ายเสพยาบ้าไป 8 เม็ด แล้วขับรถไปเรื่อยๆ เมื่อมาถึงที่โรงเรียน เห็นว่าเป็นช่วงเลิกเรียน จึงขับเข้าไปภายในโรงเรียน เมื่อเห็นเด็กชายบีอยู่คนเดียว ก็เกิดอารมณ์ชั่ววูบ เพราะตัวเองมีความเบี่ยงเบนทางเพศ จึงลักพาตัวเพื่อหวังจะล่วงละเมิดทางเพศ ก่อนที่จะแวะไปรับเพื่อน แต่ถูกจับกุมตัวเสียก่อน
เครดิตข่าว: ข่าวสด
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ “มิจฉาชีพกับวิธีการลักพาตัวเด็ก” คลิกหน้า 2
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงของทางทีมงานมูลนิธิกระจกเงา ร่วมกับตำรวจฝ่ายสืบสวน กองบังคับปราบปรามการค้ามนุษย์ ทำให้ทราบข้อเท็จจริง ดังนี้
1.คนร้ายเป็นชาย อายุ 27 ปี ขับรถเก๋งสีขาวมาคนเดียว โดยก่อนลงมือเคยได้ขับรถวนที่หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่งมาแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสลงมือ
2.หลังจากพลาดการก่อเหตุจากโรงเรียนแรก จึงมุ่งหน้าไปบนถนนสายเอเชีย และกลับรถ คาดว่ามีป้ายบอกทางไปโรงเรียน จึงขับตามป้ายมาจนถึงโรงเรียนที่ก่อเหตุ ภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่ารถยนต์เข้าไปในโรงเรียน ทำทีเป็นผู้ปกครองมารับบุตรหลาน
3.จุดที่ก่อเหตุ เป็นบริเวณด้านในโรงเรียน มีคนน้อย เพราะส่วนใหญ่ผู้ปกครองจะรับเด็กที่ลานจอดรถด้านหน้า คนร้ายเห็นเด็กอยู่ลำพังจึงจอดรถมาเทียบข้างๆ
4.มีพยานยืนยันว่า เห็นคนร้ายเปิดกระจก ยื่นขนมให้เด็ก แล้วเด็กรับขนมไป จากนั้นเห็นเด็กเปิดประตูรถ และขึ้นรถไป จึงคิดว่าเป็นผู้ปกครอง เพราะเด็กไม่มีท่าทีขัดขืน หลังจากนั้นคนร้ายก็ขับรถออกไปทางด้านหลัง
5.ประมาณ 5 โมงเย็น ผู้ปกครองมารับที่โรงเรียน ไม่พบเด็ก จึงคิดว่ามีผู้ปกครองคนอื่นมารับไปแล้ว แต่เมื่อพบว่ายังไม่ถึงบ้าน จึงตามหา ครูที่โรงเรียนตามหาและพบพยานที่เห็นเหตุการณ์ ว่ามีคนพาเด็กออกไปแล้ว
เครดิตภาพ: ข่าวสด
6.ทางครอบครัว และคุณครูจึงแจ้งตำรวจทันที เมื่อผู้กำกับการทราบเรื่อง จึงสั่งการฝ่ายสืบสวน และประสานโรงพักพื้นที่ข้างเคียงให้ทราบเหตุทันที
7.ประมาณ 19.00 น. มีคนโทรแจ้งว่าพบเด็กพลัดหลงที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตำรวจตรวจกระเป๋านักเรียน จึงทราบว่าเป็นนักเรียนในจังหวัดอ่างทอง ทางตำรวจของจังหวัดจึงประสานว่ามีคนแจ้งเด็กหายหรือไม่
8.เมื่อทราบว่าเป็นเด็กที่กำลังตามหา จึงเชิญบุคคลที่โทรแจ้งว่าพบเด็กพลัดหลง ปรากฏว่า ผู้ที่โทรแจ้งคือ เพื่อนของคนร้าย หลังจากนั้น ตำรวจจึงจับกุมตัวทั้งคนร้าย และเพื่อนของคนร้าย
9.คนร้ายให้การว่า ตนเองเสพยาบ้า 8 เม็ด และดูคลิปลามก จึงเกิดอารมณ์ทางเพศ และขับรถไปตามโรงเรียน เพื่อหาเหยื่อที่เป็นเด็กมากระทำทางเพศ
10.คนร้ายเห็นเด็กอยู่ลำพัง จึงเอาขนมให้เด็ก เพื่อทำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ และชักชวนให้ขึ้นรถ จากการสอบสวน ผู้ก่อเหตุยังไม่ได้ล่วงละเมิดทางเพศ เพราะเด็กมีอาการเมารถ และอาเจียนตลอดทาง ตั้งแต่จังหวัดอ่างทอง ไปจนถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ “มิจฉาชีพกับวิธีการลักพาตัวเด็ก” คลิกหน้า 3
11.คนร้ายไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จึงมาหาเพื่อน และออกอุบายโทรหาตำรวจ ว่าพบเด็กพลัดหลง เมื่อตำรวจมารับตัวเด็ก จึงถูกจับกุม
12.คนร้ายรับสารภาพว่าชอบกระทำทางเพศกับเด็ก เมื่อตรวจปัสสาวะทั้งคนร้าย และเพื่อนคนร้ายก็พบสารเสพติด มีประวัติคดียาเสพติด และคดีเกี่ยวกับทรัพย์
13.รถยนต์ดังกล่าว เป็นรถขาดส่งไฟแนนซ์ ชื่อผู้เช่าเป็นบุคคลอื่น คนร้ายไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง ส่วนเพื่อนคนร้ายก็มีประวัติค้ายาเสพติด
14.ข้อวิเคราะห์เหตุการณ์ พบว่า เด็กชายวัย 8 ขวบ เป็นเป้าหมายของคนร้าย เพราะยืนอยู่ตามลำพัง ซึ่งเป็นความเสี่ยงสำคัญที่จะถูกลักพาตัวได้ง่าย
15.สภาพของคนร้ายมีอาการเมายาอย่างหนัก การที่คนร้ายและเพื่อนโทรแจ้งตำรวจ อาจมองได้ว่าไม่ได้ประสงค์ต่อชีวิตของเด็ก หรืออาจเกรงกลัวความผิด
16.ทางโรงเรียนได้ออกมาตรการป้องกัน โดยลงทะเบียนผู้มารับเด็ก และออกบัตรแสดงตัวว่ามีสิทธิ์มารับตัวเด็กที่จุดรับส่งเฉพาะบริเวณเท่านั้น
17.การเพิ่มความระมัดระวังคนแปลกหน้าในชุมชน เป็นเรื่องสำคัญมาก และไม่ควรปล่อยให้เด็กวิ่งเล่นอยู่ตามลำพัง เพราะจะทำให้เกิดความเสี่ยงที่คนร้ายจะเข้ามาพูดคุยตีสนิทได้
18.ถ้าพบเบาะแสอื่นๆ เพิ่มเติมสามารถแจ้งไปได้ที่เพจ ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา หรือโทร.080-775-2673
เครดิตข้อมูล: ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา
การลักพาตัวเด็ก ไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัว เพราะเราไม่อาจคาดเดาได้เลยว่า ลูกน้อยของเราจะถูกคนร้ายเลือกเป็นเหยื่อเมื่อไหร่ จากข้อมูลที่พบจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้หญิง หรือเด็กผู้ชาย ก็มีความเสี่ยงที่จะถูกลักพาตัวไม่ต่างกัน คนร้ายสามารถพาตัวลูกน้อยข้ามจังหวัดไปได้โดยง่าย โชคยังดีที่หนูน้อยคนนี้มีอาการอาเจียนตลอดทาง จนคนร้ายอาจรู้สึกหมดอารมณ์ทางเพศ แต่จะมีเด็กสักกี่คนที่โชคดีแบบนี้
เราจะทราบได้อย่างไรว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาคนไหนไว้ใจได้ ลูกน้อยจึงมีโอกาสเสี่ยงได้เสมอ สถานที่ที่อันตรายก็คือสถานที่ที่คุณพ่อ คุณแม่อาจคิดว่าไม่อันตราย เช่น บริเวณโรงเรียน บริเวณบ้าน หรือที่ทำงาน เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจ และไว้วางใจว่าลูกจะปลอดภัย ทำให้มิจฉาชีพเห็นช่องโหว่ และลักพาตัวลูกน้อยได้ง่ายขึ้น โดยมีจุดประสงค์ในการลักพาตัวที่แตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่แล้วคือการล่อล่วงเพื่อไปละเมิดทางเพศ ทำร้ายร่างกาย และค้ามนุษย์
อย่าคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไกลตัวค่ะ เพราะแม่น้องเล็กเองก็เคยเกือบถูกลักพาตัวมาแล้ว เมื่อสมัยเด็กๆ ตอนนั้นแม่น้องเล็กอยู่อนุบาล 3 คนร้ายทำทีว่าจะซื้อขนมให้ และพาไปเที่ยว แต่โชคดี ที่คุณแม่อยู่ในบริเวณนั้น คนร้ายจึงหนีไป
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการป้องกันความเสี่ยงคือ อย่าปล่อยให้ลูกน้อยอยู่ตามลำพัง อย่างน้อยก็ควรให้อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ และอย่าลืมสอนลูกน้อยไม่ให้พูดคุย หรือรับของจากคนแปลกหน้า และรู้จักเอาตัวรอดจากคนร้ายด้วยนะคะ
ด้วยความปรารถนาดี เพื่อลูกฉลาด ดี และมีสุข
แม่น้องเล็ก
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง คลิก!
ลูกถูกลักพาตัวในที่ทำงาน พ่อแม่ควรระวังสถานที่คุ้นเคย และคนใกล้ตัว
6 พื้นที่เสี่ยงถูกลักพาตัว และ 5 ไม่ ป้องกันการลักพาตัว
อย่าละสายตาจากลูกน้อย แม้แต่ “วินาทีเดียว”
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
Save
Save