จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงของทางทีมงานมูลนิธิกระจกเงา ร่วมกับตำรวจฝ่ายสืบสวน กองบังคับปราบปรามการค้ามนุษย์ ทำให้ทราบข้อเท็จจริง ดังนี้
1.คนร้ายเป็นชาย อายุ 27 ปี ขับรถเก๋งสีขาวมาคนเดียว โดยก่อนลงมือเคยได้ขับรถวนที่หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่งมาแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสลงมือ
2.หลังจากพลาดการก่อเหตุจากโรงเรียนแรก จึงมุ่งหน้าไปบนถนนสายเอเชีย และกลับรถ คาดว่ามีป้ายบอกทางไปโรงเรียน จึงขับตามป้ายมาจนถึงโรงเรียนที่ก่อเหตุ ภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่ารถยนต์เข้าไปในโรงเรียน ทำทีเป็นผู้ปกครองมารับบุตรหลาน
3.จุดที่ก่อเหตุ เป็นบริเวณด้านในโรงเรียน มีคนน้อย เพราะส่วนใหญ่ผู้ปกครองจะรับเด็กที่ลานจอดรถด้านหน้า คนร้ายเห็นเด็กอยู่ลำพังจึงจอดรถมาเทียบข้างๆ
4.มีพยานยืนยันว่า เห็นคนร้ายเปิดกระจก ยื่นขนมให้เด็ก แล้วเด็กรับขนมไป จากนั้นเห็นเด็กเปิดประตูรถ และขึ้นรถไป จึงคิดว่าเป็นผู้ปกครอง เพราะเด็กไม่มีท่าทีขัดขืน หลังจากนั้นคนร้ายก็ขับรถออกไปทางด้านหลัง
5.ประมาณ 5 โมงเย็น ผู้ปกครองมารับที่โรงเรียน ไม่พบเด็ก จึงคิดว่ามีผู้ปกครองคนอื่นมารับไปแล้ว แต่เมื่อพบว่ายังไม่ถึงบ้าน จึงตามหา ครูที่โรงเรียนตามหาและพบพยานที่เห็นเหตุการณ์ ว่ามีคนพาเด็กออกไปแล้ว
เครดิตภาพ: ข่าวสด
6.ทางครอบครัว และคุณครูจึงแจ้งตำรวจทันที เมื่อผู้กำกับการทราบเรื่อง จึงสั่งการฝ่ายสืบสวน และประสานโรงพักพื้นที่ข้างเคียงให้ทราบเหตุทันที
7.ประมาณ 19.00 น. มีคนโทรแจ้งว่าพบเด็กพลัดหลงที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตำรวจตรวจกระเป๋านักเรียน จึงทราบว่าเป็นนักเรียนในจังหวัดอ่างทอง ทางตำรวจของจังหวัดจึงประสานว่ามีคนแจ้งเด็กหายหรือไม่
8.เมื่อทราบว่าเป็นเด็กที่กำลังตามหา จึงเชิญบุคคลที่โทรแจ้งว่าพบเด็กพลัดหลง ปรากฏว่า ผู้ที่โทรแจ้งคือ เพื่อนของคนร้าย หลังจากนั้น ตำรวจจึงจับกุมตัวทั้งคนร้าย และเพื่อนของคนร้าย
9.คนร้ายให้การว่า ตนเองเสพยาบ้า 8 เม็ด และดูคลิปลามก จึงเกิดอารมณ์ทางเพศ และขับรถไปตามโรงเรียน เพื่อหาเหยื่อที่เป็นเด็กมากระทำทางเพศ
10.คนร้ายเห็นเด็กอยู่ลำพัง จึงเอาขนมให้เด็ก เพื่อทำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ และชักชวนให้ขึ้นรถ จากการสอบสวน ผู้ก่อเหตุยังไม่ได้ล่วงละเมิดทางเพศ เพราะเด็กมีอาการเมารถ และอาเจียนตลอดทาง ตั้งแต่จังหวัดอ่างทอง ไปจนถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่