เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกคนล้วนต้องการสร้างให้ลูกเติบโตมามีความฉลาดทั้ง IQ และ EQ ที่ดี เป็นเด็กดี มีความสามารถที่จะเผชิญและแก้ไขกับอุปสรรคต่าง ๆได้ ดังนั้นการส่งเสริม Q อีกหนึ่งตัวสำหรับลูกที่ไม่ควรมองข้าม คือ การสร้างให้ลูกมี HQ (Health Quotient) เป็นเด็กที่มีความฉลาดในการดูแลรักษาสุขภาพ ซึ่งก็คือความสามารถและรู้จักที่จะดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย ถ้าคุณพ่อคุณแม่เริ่มปลูกฝังให้ลูกรู้จักดูแลตัวเองเป็นตั้งแต่เล็ก ๆ เด็กก็จะมีภูมิคุ้มกันที่ดี ช่วยให้ลดอัตราการเจ็บป่วยลงไปได้ เมื่อลูกมีร่างกายแข็งแรงก็จะทำให้เติบโตขึ้นอย่างสมวัย มาสร้าง HQ ที่ดีในตัวลูกได้ ด้วยเคล็ดลับนี้กันค่ะ
7 เคล็ดลับ สอนลูกดูแลสุขภาพ มี HQ (Health Quotient)
สร้างภูมิต้านทาน แข็งแรง ไม่ป่วยบ่อย
1.ให้ลูกได้ขยับเคลื่อนไหวเสริมสร้างร่างกายให้ฟิตเสมอ
การมีสุขภาพที่ดีต้องมาจากร่างกาย กล้ามเนื้อ และหัวใจที่แข็งแรง ซึ่งเด็กในยุคนี้ใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ไปกับกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวน้อย เช่น ดูโทรทัศน์ เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ ดูสมาร์ทโฟน กิจกรรมเหล่านี้จะส่งผลทำให้เกิดภาวะน้ำหนักตัวเกินหรือโรคอ้วนในเด็กตามมาได้ ดังนั้นการส่งเสริมให้ลูกได้เล่น ได้ขยับร่างกาย ได้ออกกำลังกายไปกับกิจกรรมโปรดสัก 20 นาทีต่อวัน ทำกิจกรรมที่สร้างความกระฉับกระเฉงและมีการเคลื่อนไหว เช่น วิ่งเล่น ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน หรือเล่นกีฬา เป็นต้น จะช่วยทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงมากขึ้น ช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยลงได้
บทความแนะนำ “ยิ่งเล่น ยิ่งฉลาด “ พัฒนา PQ (Play Quotient) สร้างลูกให้ฉลาดแข็งแรงจากการเล่นแสนสนุก
2.สอนให้ลูกรู้ว่าอะไรควรกิน/ ไม่ควรกิน
ในยุคที่เด็ก ๆ ชอบเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อไปเลือกซื้อขนมสุดโปรด คุณพ่อคุณแม่สามารถแนะนำลูกได้ว่า ควรกินอะไรจึงจะเหมาะกับสุขภาพ และขนมแบบไหนที่กินแล้วไม่มีประโยชน์ อธิบายให้ลูกเข้าใจถึงคุณค่าทางโภชนาการที่จะได้รับจากอาหารที่รับประทานเข้าไป เพื่อให้ลูกสามารถเลือกซื้ออาหารได้อย่างชาญฉลาดนอกจากนี้ยังสามารถปลูกฝังนิสัยการรับประทาน เช่น หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาล ของหวาน ของทอด อาหารที่มีไขมันและโซเดียมสูง ฯลฯ และกระตุ้นให้ลูกได้ทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนอย่างหลากหลายในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อช่วยเติมเต็มพลังงาน ทำให้ร่างกายแข็งแรงยิ่งขึ้น
3.ให้ลูกดื่มน้ำเป็นประจำ
เด็ก ๆ มักจะสนใจทำกิจกรรมอื่น มากกว่าการคิดที่จะดื่มน้ำ แต่ร่างกายของเด็กจำเป็นต้องได้รับน้ำเพื่อที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยร่างกายทำงานได้เป็นปกติ ป้องกันอาการขาดน้ำ อ่อนเพลีย แก้ท้องผูก ดังนั้นการปลูกฝังให้ลูกได้จิบน้ำเป็นประจำ อย่ารอให้รู้สึกกระหายจึงดื่มน้ำ จัดว่าเป็นส่วนหนึ่งในการเสริม HQ ให้ลูกได้เช่นกัน
4.การอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี
การจัดสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับลูกเอื้อต่อการมีสุขภาพดี คุณพ่อคุณแม่สามารถแนะนำให้ลูกฉลาดเลือกได้ว่าควรทำกิจกรรมแบบใดให้เหมาะสมกับตัวเอง ควรเลือกที่จะพาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ไหน หรืออธิบายวิธีการเลือกคบเพื่อน ประเภทไหนควรหรือไม่ควรคบ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการดูแลสุขภาพกายและใจของตนเองได้ในอนาคต
5.ปลูกฝังให้ลูกดูแลสุขอนามัยของตัวเอง
การดูแลสุขภาพที่ดีมาพร้อมกับการดูแลรักษาความสะอาดและสุขอนามัยส่วนตัว คุณพ่อคุณแม่สามารถอธิบายให้เด็ก ๆ ได้รู้ว่าการไม่ดูแลตนเอง ไม่รักษาความสะอาดนั้นจะก่อให้เกิดโรคขึ้นได้ง่าย ดังนั้นการแนะนำให้ลูกดูแลรักษาความสะอาด เช่น การล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนการรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ หรือหลังจากเล่นกับสัตว์เลี้ยง การแปรงฟันก่อนนอน หรือหลังอาหาร การอาบน้ำ การใช้อุปกรณ์ป้องกันตัวเองจากเชื้อโรคต่าง ๆ เช่น ใส่หน้ากากอนามัย เป็นต้น ก็จะส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย ไม่เจ็บป่วยง่าย
6.สอนลูกให้อย่าประมาท
ไม่ว่าจะเล่นหรือทำกิจกรรมใด ๆ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ปฏิบัติตามกฎอย่างถูกต้อง เช่น การรอไฟเขียวสำหรับคนเดินเพื่อข้ามถนน การลงเล่นน้ำในสระว่ายน้ำ หรือการไปเล่นในที่สาธารณะต่าง ๆ เป็นต้น เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้
7.นอนหลับให้เพียงพอ
เด็กในวัยเรียนควรได้พักผ่อนนอนหลับอย่างน้อย 9-11 ชั่วโมง การได้นอนหลับสนิทอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนในระหว่างนอนหลับนั้นร่างกายจะผลิตโกรทฮอร์โมนได้อย่างเต็มที่ ซึ่งฮอร์โมนนี้จะช่วยส่งเสริมให้ร่างกายของเด็กเจริญเติบโตอย่างสมวัย และช่วยให้ร่างกายได้ตื่นมาพร้อมกับความสดใส อารมณ์ดี ส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายเนื่องจากการนอนหลับที่เต็มอิ่มจะช่วยให้ระบบเลือด เซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างกายแข็งแรงขึ้น เด็กที่พักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้ไม่มีสมาธิ ส่งผลต่อการเรียน อารมณ์ทำให้หงุดหงิดง่าย และเมื่อนอนน้อยก็จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ส่งผลเสียต่อสุขภาพและพัฒนาการในการเรียนรู้ด้านต่าง ๆ ด้วย
“ในคนที่มี HQ ต่ำนั้นมีมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาสุขภาพตั้งแต่อายุน้อย และมักจะมีสุขภาพแย่กว่าหรือปวยหนักจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมากกว่า”, (NAAL, 2003) ทั้งนี้อาจจะเนื่องจากการขาดความรู้และทักษะในการป้องกันและดูแลสุขภาพของตนเองนั่นเอง
ดังนั้นการที่คุณพ่อคุณแม่จะเสริมสร้าง HQ ให้ลูกมีความฉลาดทางสุขภาพไม่ใช่เรื่องยากค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยประถมเด็กวัยนี้จะมีพัฒนาการที่แตกต่างไปจากวัยทารกหรือก่อนวัยเรียนมากมาย เพราะช่วงวัยนี้นอกจากพัฒนาการที่ได้พัฒนามาอย่างเต็มที่แล้วยังเป็นวัยแห่งการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และเริ่มมีความเป็นตัวของตัวเอง รวมถึงต้องการทำอะไรด้วยตนเอง ดังนั้นการได้รับการปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ดี จะทำให้ลูกมีสุขภาพกายและใจที่สมบูรณ์ มีภูมิต้านทาน แข็งแรง ฉลาด สดใส เติบโตอย่างสมวัยในอนาคตได้.
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : www.789beauty.com, www.thairath.co.th
อ่านต่อบทความที่น่าสนใจอื่นๆ :
8 วิธีเลี้ยงลูก ให้มี OQ (Optimist Quotient) ฉลาดมองโลกในแง่ดี ส่งผลดีต่อชีวิต
6 เคล็ดลับเสริมลูกให้ “ฉลาดคิดสร้างสรรค์” มี CQ ดี อนาคตดี
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่