การเรียนการสอนมากยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การทดสอบกลายเป็นวิธีหลักที่ใช้วัดว่าเด็กๆ ได้เรียนรู้อะไรบ้าง และมักเปลี่ยนไปเน้นที่ ข้อด้อย แทนข้อเด่น ของตัวเด็ก แถมยังมีความกดดันทางสังคมมากขึ้นด้วย ลูกจึงอาจไม่อยากไปโรงเรียนเหมือนเคย คุณจะช่วยลูกได้โดย
ระบุปัญหาที่แท้จริง ชวนลูกคุยเพื่อทบทวนดูว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้เขากังวลใจหรือเครียด และช่วยกันคิดหาวิธีแก้ หากปัญหาอยู่ที่การจดโน้ตไม่ทัน ก็หาเพื่อนมาแลกเปลี่ยนสมุดโน้ตกันหลังเลิกเรียน หรือหากไม่มีสมาธิก่อนถึงเวลาอาหารเที่ยง ก็ให้เขากินอาหารเช้าที่มีโปรตีนสูงๆ และในปริมาณที่มากขึ้น (จะได้อิ่มท้องนานขึ้น) หรือถ้ารู้สึกว่าไม่ค่อยมีเพื่อน ก็ให้ชวนเพื่อนมาเล่นกันที่บ้าน
ปรึกษาคุณครู เล่าปัญหาของลูกให้คุณครูฟัง แต่อย่าผลักภาระให้คุณครู อาจเริ่มบทสนทนาด้วยประโยค ดิฉันจะช่วยอะไรได้บ้างคะ ตรงไปตรงมากับลูก อธิบายให้ลูกเข้าใจว่า บางวิชาอาจน่าเบื่อหรือยาก เขาเลยไม่ชอบ แต่การไปโรงเรียนก็ยังเป็นเรื่องจำเป็นอยู่ดี และถ้าลูกอยากเป็นอะไร สักอย่างในชีวิต ให้อธิบายว่า ถ้าเรียนไม่จบลูกก็คงจะทำความฝันให้กลายเป็นจริงไม่ได้ รับรองว่าลูกจะมีกำลังใจขึ้นอีกเป็นกองเลย
บทความโดย: กองบรรณาธิการนิตยสารเรียลพาเรนติ้ง