เด็กขี้อาย ใช่บุคลิกของลูกเราหรือเปล่า? เคยสังเกตหรือไม่ว่าลูกเป็นเด็กที่ไม่ชอบแสดงออก เวลามีงานละคร หรืองานแสดง ลูกก็ดูกังวลกลุ้มใจ ไม่อยากแสดงหน้าเวที ร้องไห้ทุกครั้งเหมือนถูกบังคับ และเมื่อโตใกล้เข้าวัยรุ่นแล้วอาการเหล่านี้ก็ยังไม่หายสักที AMARIN Baby & Kids ได้รวบรวมวิธีการป้องกันและแก้ไขมาฝากกันค่ะ
ทำไม เด็กจึงขี้อาย
รู้หรือไม่ว่า การขี้อายนั้น อาจเป็นสาเหตุของ “โรคกลัวการเข้าสังคม (Social Phobia)” อย่างหนึ่ง และยิ่งในเด็กที่ขี้อายมากๆ แล้วพ่อแม่กลับผลักดันให้เขาขึ้นเวทีแสดงออกจะยิ่งทำให้ลูกเครียดหนัก อาการของเด็กกลุ่มนี้จะไม่ชอบการเฝ้ามองและไม่ชอบการประเมินจากสายตาคนอื่น (ไม่ชอบตกเป็นเป้าสายตา) แม้ว่าอาการเหล่านี้อาจหายไปได้เองในตอนโต แต่ถ้าในวัย 7 – 12 ปี ยังเป็นหนัก จำเป็นจะต้องเข้ารับการดูแลเป็นพิเศษ
อาการของเด็กขี้อาย ที่อาจกลายเป็นการไม่กล้าเข้าสังคมมีดังนี้
- ลังเล รู้สึกไม่สบายใจ
- มีอาการสั่น มือไม้สั่น มึนงง ท้องไส้ปั่นป่วน หน้าแดง
- ไม่ค่อยสบตา และมักพูดบ่นพืมพำ
- แสดงออกไม่เป็น แยกตัวจากกลุ่มเพื่อน อยากอยู่คนเดียว
- ใส่ใจกับคำพูดวิจารณ์
ซึ่งเด็กอาจจะปฏิเสธการไปโรงเรียน และหลีกเลี่ยงการไปโรงเรียน และไม่พูดกับคนอื่นเลย จะพูดจาเฉพาะกับคนที่คุ้นเคย (Selective Mutism)
อ่านเรื่อง “5 วิธีช่วยเด็กขี้อาย ก่อนกลายเป็นคนไม่กล้าเข้าสังคม” คลิกหน้า 2
5 วิธีแก้ไข เปลี่ยนเด็กขี้อายเป็นคนมั่นใจในตัวเอง
-
เน้นคำพูดในเชิงบวก
อย่าทำให้อาการสงวนท่าทีของลูกเป็นเรื่องใหญ่ หรือพยายามบังคับให้เขาเล่นกับเด็กคนอื่นให้มากขึ้น แต่ควรกล่าวชมเมื่อเห็นเขาพูดคุยเรื่องของตัวเองกับเพื่อนๆ เช่น ”แม่ชอบที่หนูเล่าเรื่องนกที่หนูเลี้ยงเอาไว้ให้น้องฟัง แม่ว่าน้องดูสนใจเอามากๆ เลยละจ้ะ”
-
ขอเวลาสักนิด
ถ้าลูกของคุณยังลังเลที่จะเข้าไปสังสรรค์กับคนอื่น พยายามให้เขาได้อยู่ในงานนานสัก 1 ชั่วโมง หรือนานพอที่จะปรับตัวได้ อธิบายให้เขาเข้าใจว่าจะได้มีเวลา หยั่งเชิง เพื่อนๆและไม่อึดอัดที่จะพูดคุยกับเด็กเหล่านั้นมากนัก
-
ชวนให้ออกไปเล่นกับเด็กคนอื่น
ส่งเสริมให้ลูกได้ออกไปเล่นกับเด็กที่เขาไม่เคยเล่นด้วยมาก่อน เขาจะได้คุ้นเคยกับการสร้างสัมพันธภาพกับเพื่อนใหม่
4.แต่ให้เขามีเวลาเป็นส่วนตัวบ้าง
อย่าเข้าใจผิดว่าลูกอายทั้งๆ ที่ตอนนั้นเขาเพียงต้องการเวลาเป็นส่วนตัวเท่านั้นเอง แม้การเรียกนิสัยเข้ากับคนง่ายกลับคืนมาจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่ลูกวัยพรีทีนก็มีสิทธิ์ได้รับความเป็นส่วนตัวด้วยเหมือนกัน
-
การรักษาโดยจิตแพทย์
พฤติกรรมบำบัด โดยมักให้เด็กได้ค่อยๆ เผชิญกับสถานการณ์ที่เด็กกลัวหรือตื่นเต้นอยู่ทีละน้อยให้เด็กได้พิสูจน์ “ว่าสิ่งที่เขาคิดกลัวอยู่นั้นเป็นจริงหรือ” อย่าง “ทุกคนต้องหัวเราะเยาะฉันแน่แค่ฉันพูดคำแรก” หรือ การฝึกสอนเด็กให้ รู้จักการเริ่มต้นการสนทนา หัดผ่อนคลายความเครียด ความกลัวของตนเองลง
บทความโดย: กองบรรณาธิการนิตยสาร AMARIN Baby & Kids, manarom.com