การไม่มีโรคคือลาภอันประเสริฐของชีวิต เพราะเราต่างก็ยังมีอีกหลายเรื่องให้ได้ทำ และเรียนรู้ ยิ่งกับคนที่มีครอบครัวยิ่งอยากมีชีวิตที่แข็งแรงยืนยาวเท่าที่จะมีได้ ทีมงาน Amarin Baby & Kids จะมาชวนให้ทุกครอบครัวได้ตื่นตัวในการดูแลสุขภาพให้ห่างไกล โรคตับอักเสบ ซึ่งที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันนี้กลายเป็นภัยเงียบคร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดอีกโรคหนึ่งเลยค่ะ
โรคตับอักเสบ เสียงเตือนจากองค์การอนามัยโลก!
เมื่อเร็วๆ นี้ องค์การอนามัยโลก ออกแถลงการณ์เรียกร้องรัฐบาลทั่วโลกรับมือโรคตับอักเสบ อย่างเร่งด่วน ยอดตายสูง ต่อเนื่อง ระบุรายงานใหม่ พบทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ชนิด B หรือ C มากถึง 325 ล้านคน จนถือเป็นเรื่องท้าทายด้านสาธารณสุขครั้งใหญ่
Must Read >> โรคมะเร็งในเด็ก ภัยร้ายที่ไม่ควรมองข้าม
เว็บไซต์องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกแถลงการณ์เมื่อ 21 เม.ย. เรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกรับมือกับโรคตับอักเสบ หลัง ข้อมูลใหม่ของ WHO ประจำปี 2017 พบว่า มีประชาชนทั่วโลกจำนวนมากถึง 325 ล้านคน ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ชนิด B (HBV) หรือไม่ก็ตับอักเสบ ชนิด C (HCV) โดยตามรายงานของ WHO ยังระบุว่า ผู้คนที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเหล่านี้ ไม่ สามารถเข้าถึงการตรวจสอบว่าตนเองติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ และไม่สามารถเข้าถึงการรักษา จึงเป็นผลทำให้ประชาชน หลายล้านคนที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ตกอยู่ในความเสี่ยงของการพัฒนาอย่างช้าๆ ไปสู่การป่วยด้วยโรคตับเรื้อรัง มะเร็งตับ และเสียชีวิตในที่สุด
ข้อมูลข่าวจาก – ข่าวไทยรัฐ www.thairath.co.th
อ่านต่อ >> อันตรายจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ หน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
โรคตับอักเสบ มารู้จักโรคนี้กันเถอะ
สำหรับโรคตับอักเสบที่พบได้ในคน ก็จะมีเป็นไวรัสตับอักเสบ ชนิด A B C D และ E แต่ที่เราจะได้ยินกันบ่อยๆ คือไวรัสตับอักเสบบี
ซึ่งการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบแต่ละชนิด ก็จะมีความแตกต่างกันในการลุกลามเกิดโรค และในครั้งนี้เราจะมาทำความรู้จักกับไวรัสตับอักเสบชนิดบีกันก่อนค่ะ เพราะการเจ็บป่วยจากไวรัสตับอักเสบบีสามารถส่งต่อจากแม่สู่ลูกได้!! น่ากลัวใช่ไหมคะ ไปดูกันว่าการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี สามารถรับส่งต่อเชื้อได้อย่างไร
- การมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีเชื้อโดยไม่ได้สวมถุงยางอนามัย
- การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
- การใช้เข็มสักตามตัวหรือสีที่ใช้สักตามตัวร่วมกัน และการเจาะหู
- การใช้แปรงสีฟัน มีดโกน ที่ตัดเล็บร่วมกัน
- การติดเชื้อขณะคลอดจากแม่ที่มีเชื้อ (ถ้าแม่มีเชื้อลูกมีโอกาสได้รับเชื้อ 90%)
- การถูกเข็มตำจากการทำงาน
- การสัมผัสกับเลือด น้ำเลือด น้ำคัดหลั่ง โดยผ่านเข้าทางบาดแผล[1]
ณ ปัจจุบันนี้คนที่ป่วยเป็นไวรัสตับอักเสบบี หากรักษาไม่ทันตั้งแต่เบื้องต้น เชื้อสามารถกลายไปสู่การเกิดโรคมะเร็งตับได้ในที่สุด ซึ่งต้องบอกว่าโรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี เป็นเรื่องที่ทุกคนในครอบครัวจะมองข้าม หรือปฏิเสธที่จะไม่ป้องกันไม่ได้เลยค่ะ เพราะโรคนี้อยู่รอบๆ ตัวเรา จากพฤติกรรมรูปแบบการใช้ชีวิตนั่นเองค่ะ
2 วิธีป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
- ฉีดวัคซีนป้องกัน โดยผู้ที่ควรฉีดวัคซีนมากที่สุดคือ เด็กแรกเกิด สำหรับเด็กโตและผู้ใหญ่โดยทั่วไปมีความจำเป็นน้อยในการฉีดวัคซีน เนื่องจากส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานต่อการติดเชื้อแล้ว หากต้องการฉีดวัคซีนควรได้รับการตรวจเลือด ผู้ที่เคยติดเชื้อมาแล้วหรือมีภูมิต้านทานแล้วไม่ต้องฉีดวัคซีน
- ผู้ที่อยู่ในครอบครัวที่เป็นพาหะ ควรตรวจเลือดเพื่อทราบถึงภาวะของการติดเชื้อก่อนการฉีดวัคซีน การฉีดวัคซีนต้องฉีดให้ครบชุดจำนวน 3 เข็ม หลังจากนั้นวัคซีนจะกระตุ้นให้เกิดภูมิต้านทานขึ้นในร่างกาย[3]
อ่านต่อ >> การดูแลสุขภาพที่ถูกต้องเมื่อป่วยไวรัสตับอักเสบ หน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
จะดูแลสุขภาพอย่างไรเมื่อมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
ผู้เขียนเคยได้รับการตรวจสุขภาพประจำปี และคุณหมอมีคำแนะนำว่าให้ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี เพราะคนในครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็งตับ ซึ่งตอนนั้นก็งงมากว่ามะเร็งตับไปเกี่ยวอะไรกับโรคตับอักเสบ จนคุณหมออธิบายว่ามะเร็งตับสามารถเกิดขึ้นได้จากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
ก่อนอื่นคุณหมอให้เจาะเลือดเพื่อตรวจหาว่าร่างกายมีภูมิของโรคตับอักเสบหรือไม่ ผลเลือดออกมาพบว่าร่างกายไม่มีภูมิป้องกัน เลยทำให้ต้องไปรับฉีดวัคซีนอยู่ 3 ครั้งๆ ละ 1 เข็ม ตอนนี้จึงมั่นใจว่าอย่างน้อยร่างกายเราก็มีภูมิป้องกันการโรคนี้ แต่ก็ชะล่าใจไม่ได้ค่ะ คุณหมอได้แนะนำให้คนอื่นในครอบครัว รวมถึงคนอื่นทั่วๆ ไป ถึงแม้จะไม่มีประวัติว่าคนในครอบครัวป่วยมะเร็งตับ ก็ควรต้องรับการฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบ เพื่อที่จะสร้างภูมิต้านทานโรคให้กับร่างกายกันค่ะ
ในคนที่ป่วยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ควรดูแลสุขภาพ ดังนี้ค่ะ
- รับประทานยาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
- ควรมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยด้วยการสวมถุงยางอนามัย
- งดบริจาคเลือด
- ไม่ดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- รับประทานทั้งข้าว เนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ ในปริมาณที่พอเหมาะทุกวัน
- รับการตรวจเลือดอย่างสม่ำเสมอ เพราะการตรวจเลือดจะทำให้ทราบว่าตับมีการอักเสบมากหรือน้อย
- คุณแม่ตั้งครรภ์และคลอดบุตร ควรให้ลูกได้รับการฉีดวัคซีนภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด[4]
เมื่อป่วยจากไวรัสตับอักเสบ หากได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด และผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างถูกต้อง ก็สามารถรักษาให้หายขาดจากโรคได้ค่ะ …ด้วยความใส่ใจและห่วงใย
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อบทความเรื่องอื่นที่น่าสนใจคลิก
โรคมะเร็งในเด็ก ภัยร้ายที่ไม่ควรมองข้าม
โรคเอ๋อ ในเด็ก สาเหตุ อาการ การป้องกัน
ลูกมีกลิ่นปาก สัญญาณบอกโรคที่ต้องระวัง!
ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก
[1][2][3]ไวรัสตับอักเสบบี.www.bumrungrad.com