ไม่ว่าจะด้วยอาหารการกิน หรือพฤติกรรมของคนไทยในปัจจุบัน ส่งผลให้มีอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเพิ่มมากขึ้นทุก ๆ ปี แพทย์เผย 5 โรค มะเร็งที่คนเป็นมากที่สุด จะได้แก่อวัยวะส่วนใดบ้าง และจะมีวิธีสังเกตอาการอย่างไร วันนี้เราเตรียมคำตอบเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ
นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติได้เปิดเผยว่า สถานการณ์ของโรคมะเร็งในภาพรวมนั้น พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มมากขึ้นทุกปี ทั้งในเพศหญิงและเพศชายเฉลี่ยอยู่ที่ 130,000 รายต่อปี และยังคงเป็นโรคที่ครองสถิติการเสียชีวิตเป็นอันดับหนึ่งของคนไทย
นายแพทย์วีรวุฒิ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า โรคมะเร็งนั้นเป็นกลุ่มของโรคที่เกิดจากเซลล์ของร่างกายมีความผิดปกติที่ DNA หรือสารพันธุกรรม ส่งผลให้เซลล์ที่การเจริญเติบโต และแบ่งตัวเพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์มากกว่าปกติ ทำให้เกิดก้อนเนื้อผิดปกติลุกลามไปยังเนื้อเยื่อข้างเคียง หลอดเลือด หลอดน้ำเหลืองและในที่สุดก็ทำให้เกิดการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ส่งผลให้การทำงานของอวัยวะนั้นผิดปกติ
สำหรับ 5 อันดับโรคมะเร็งที่คนเป็นมากที่สุดนั้น สามารถแบ่งได้เป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยในแต่ละเพศคือ
- โรคมะเร็งที่พบบ่อยในเพศชาย ได้แก่
- มะเร็งตับและท่อน้ำดี
- มะเร็งปอด
- มะเร็งสำไส้ใหญ่และทวารหนัก
- มะเร็งต่อมลูกหมาก
- มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
- โรคมะเร็งที่พบบ่อยในเพศหญิง ได้แก่
- มะเร็งเต้านม
- มะเร็งปากมดลูก
- มะเร็งตับ
- มะเร็งปอด
- มะเร็งลำไส้ใหญ่
อะไรคือปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง คลิกอ่านได้ที่หน้าถัดไป
เครดิต: TV Pool Online และสำนักข่าวทีนิวส์
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ปัจจัยหลักคือ
- ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมภายนอกร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น สารก่อมะเร็งที่ปนเปื้อนมาในอาหาร อากาศ เครื่องดื่ม ยารักษาโรค รวมทั้งการได้รับรังสี เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรียและพยาธิบางชนิด
- ปัจจัยจากพฤติกรรมที่ทำเป็นประจำทุกวัน เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงหรือเค็มจัด อาหารที่มีส่วนผสมดินประสิวและไหม้เกรียมเป็นประจำ
- ปัจจัยทางพันธุกรรม เช่น ความผิดปกติของยีน และความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น
อย่างน้อยก็นับว่าเป็นข่าวดี ที่ปัจจุบันแพทย์สามารถรักษามะเร็งหลายชนิดให้หายได้ และทำให้ผู้ป่วยมะเร็งมีอัตรารอดชีวิตที่ยาวนานมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งและระยะของมะเร็งที่พบ
ถ้าหากพบมะเร็งในระยะแรกก็ย่อมมีการตอบสนองต่อการรักษาหรือมีโอกาสหายขาด มากกว่าระยะลุกลาม หรือระยะสุดท้ายได้ ดังนั้น การตรวจค้นหามะเร็งระยะเริ่มแรกจึงมีความสำคัญ
คลิกอ่าน 7 สัญญาณบอกของโรค มะเร็งที่คนเป็นมากที่สุด ได้ที่หน้าถัดไป
เครดิต: Healthyhitech
7 สัญญาณที่ควรสังเกตให้ดี
1. ระบบขับถ่ายเปลี่ยนไป ระบบขับถ่ายในที่นี้หมายถึง ระบบทางเดินอาหารนับตั้งแต่ช่องปาก การกลืนอาหารผ่านหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ จนกระทั่งลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย และรูทวารหนัก ไปจนถึงระบบขับถ่ายปัสสาวะ สัญญาณที่บ่งบอก คือ อาการท้องผูกสลับกับท้องเดินเรื้อรัง อาจจะเป็นโรค “มะเร็งลำไส้ใหญ่” และทวารหนักได้ หรือรายที่มีอาการทางปัสสาวะขัดเรื้อรัง ต้องเบ่งแรง อาจจะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้
2. แผลไม่รู้จักหาย เป็นอาการที่พบบ่อย ๆ และเป็นได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น แผลบริเวณช่องปาก ผิวหนัง หรือบางรายปวดบริเวณกระเพาะหลังรับประทานอาหาร หรือปวดแบบมีแผลในกระเพาะ สัญญาณที่บ่งบอกคือ
- แผลเรื้อรังในช่องปาก เช่น คนที่ชอบดื่มสุรา สูบบุหรี่มาก ๆ เป็นแผลในปากบ่อย ๆ หรือกินหมก แผลเรื้อรังนานเกิน 2 สัปดาห์ อาจจะเป็นมะเร็งช่องปากได้
- แผลเรื้อรังบริเวณผิวหนัง อาจะเป็นมะเร็งผิวหนัง
- แผลเรื้อรังในกระเพาะอาหาร อาจะเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้
3. ร่างกายมีก้อนตุ่ม ซึ่งอาจจะเป็นการพบตุ่มตามผิวหนัง เช่น ไฟ หูด ก้อนบริเวณเต้านม หรือในช่องปาก สัญญาที่บ่งบอกคือ
- พบก้อนที่รักแร้ ขาหนีบ คอ เรื้อรังอาจจะเป็น มะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้
- พบก้อนที่เต้านม ถ้าก้อนนั้นโตขึ้นก็จะขรุขระติดแน่นกับแผ่นหน้าอก อาจเป็นมะเร็งเต้านมได้
- พบตุ่มก้อนผิวหนัง อาจจะเป็นมะเร็งเนื้อเยื่อพังผืดได้
- พบตุ่มก้อนในช่องปาก เช่น ที่เหงือก กรามบน หรือกรามล่าง หรือก้อนโคนลิ้น อาจจะเป็นมะเร็งในช่องปากได้
4. กลืนกินอาหารลำบาก ไม่ว่าจะเป็นการกลืนน้ำ ของเหลว อาหารอ่อน อาหารแข็ง มีอาการกลืนอาหารลำบาก ทำให้รู้สึกหงุดหงิด สัญญาณที่บ่งบอกได้แก่
- กลืนอาหารไม่ลงหรือติดขัด อาจเป็นมะเร็งหลอดคอหรือมะเร็งหลอดอาหาร
- ท้องอืด ปวดท้องเรื้อรัง อาจะเป็นมะเร็งระบบทางเดินอาหาร ตั้งแต่ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ และรูทวารหนักได้
- น้ำหนักลด เบื่ออาหารไม่ทราบสาเหตุ เป็นต้น
5. ทวารหนักมีเลือดไหล ยกตัวอย่างเช่น จากช่องคลอด รูทวารหนัก ลำไส้ใหญ่ ปลายท่อปัสสาวะ รูจมูก รูหัวนม สัญญาณที่บ่งบอกได้แก่
- เลือดออกหรือตกขาวผิดปกติทางช่องคลอด อาจะเป็นมะเร็งปากมดลูก
- ถ่ายเป็นเลือด อาจเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
- ปัสสาวะเป็นเลือด อาจเป็นมะเร็งระบบทางเดินปัสสาวะ
- เลือดกำเดาออกเรื้อรัง อาจเป็นมะเร็งโพรงจมูก
- เลือดออกทางหัวนม อาจเป็นมะเร็งเต้านมม
6. ไฝ หูด เปลี่ยนไป เช่น โตเร็วขึ้น มีเลือดออก สีเปลี่ยนไป อาจเป็นมะเร็งผิวหนัง
7. ไอและเสียงแหบเรื้อรัง เช่น ไอเรื้อรังเกินกว่า 2 สัปดาห์ เสียงแหบเรื้อรัง อาจเป็นมะเร็งปอด มะเร็งหลอดคอหรือมะเร็งกล่องเสียง เป็นต้น
ไม่อยากเป็นโรคมะเร็งต้องรู้จัก 5 ทำ 5 ไม่ คลิกที่นี่!
มาถึงตอนนี้แล้วการดูแลและรักษาตัวเองให้ห่างไกลจากโรคมะเร็งนั้น สามารถทำได้ด้วยสูตร “5 ทำ 5 ไม่”
” 5 ทำ “ ได้แก่
1. ออกกำลังกายเป็นนิจ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ๆ ละ 30 นาที แบบต่อเนื่อง
2. ทำจิตใจให้แจ่มใส เดินทางสายกลาง ยึดเศรษฐกิจพอเพียง
3. รับประทานผักและผลไม้ จากการวิจัยพบว่า ผักและผลไม้นั้น มีสารต้านทานมะเร็ง อันได้แก่ ขิง ชาเขียว องุ่นแดง น้ำผึ้ง กระเทียม มะเขือเทศ แครอท กะหล่ำปลี และบล็อคโคลี เป็นต้น
4. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง ปิ้ง ย่าง ทอด และอาหารหมักดอง
5. หมั่นตรวจเช็คร่างกายอยู่เป็นประจำ
” 5 ไม่ “ ได้แก่
- ไม่สูบบุหรี่ งดสูบบุหรี่ทุกรูปแบบ และพยายามหลีกเลี่ยงการสูดเอาควันบุหรี่จากผู้อื่น
2.ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้ใส่ถุงยางอนามัย
3.ไม่มั่วสุรา ไม่ดื่มสุราทุกรูปแบบ เพราะเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งตับสูง
4.ไม่ตากแดดจัด รังสีอัลตราไวโอเลต เป็นปัจจัยทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้
5.ไม่กินปลาน้ำจืดดิบ ปลาน้ำจืดที่มีเกล็ด เช่น ปลานิล ปลาตะเพียน ปลาซิว ปลาสร้อย ปลาขาว ปลาเกล็ดขาว โดยเฉพาะกินดิบ ๆ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะพบพยาธิอันเป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็งได้
มาถึงตอนนี้ เราก็รู้จักกับมะเร็งและ 7 สัญญาณบอกของโรคกันแล้ว ดังนั้น อย่าลืมคอยสังเกตุตัวเองและคนรอบข้างให้ดี และอย่าลืมปฏิบัติตามสูตร ” 5 ทำ 5 ไม่ ” กันด้วยนะคะ
เครดิต: สสส.
อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่