ลิ้นบอกโรค เป็นอย่างไร แล้วจะรู้ได้ไรว่าเป็นโรคไหน อยากรู้ต้องอ่านต่อ!
“ลิ้น” เป็นมัดของกล้ามเนื้อโครงร่างขนาดใหญ่ ที่อยู่บริเวณฐานของช่องปาก มีหน้าที่รองรับอาหาร ช่วยเหลือในการเคี้ยวและการกลืน เป็นอวัยวะที่สำคัญในการรับรส บริเวณพื้นผิวของลิ้นนั้น ปกคลุมไปด้วยปุ่มรับรส โดยลิ้นสามารถเคลื่อนไหวได้อิสระ หลากหลายทิศทาง จึงช่วยในการออกเสียง นอกจากนี้ ลิ้นยังเป็นอวัยวะที่มีน้ำลายที่ช่วยสร้างความชุ่มชื้นอยู่เสมอ
หลายท่านอาจจะมองข้ามความสำคัญของลิ้น เนื่องจากเป็นสิ่งใกล้ตัว จึงปล่อยปละละเลยไป แต่หารู้ไม่ว่า “ลิ้น” นี่ละค่ะ ที่มีคุณสมบัติที่จะมาช่วยบอกโรคต่าง ๆ ให้เราได้รู้และป้องกัน
ลิ้นบอกโรค อยากรู้ต้องดูแบบไหน?
สำหรับในวันนี้ทีมงาน Amarin Baby and Kids จะมาขอนำเสนอวิธีการดูลิ้นบอกโรค ที่จะมาช่วยตรวจสุขภาพและบ่งบอกได้ พร้อมแล้วไปชมพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
ลิ้นเลี่ยนผิดปกติ
ปกติแล้วลิ้นของคนเราจะมีลักษณะตะปุ่มตะป่ำ เพราะมีตุ่มรับรสกระจายอยู่ทั่ว แต่ถ้าหากลิ้นของคุณพ่อคุณแม่ หรือว่าลูกเริ่มมีลักษณะเรียบผิดปกติ หรือที่เรียกว่าลิ้นเลี่ยน นั่นแปลว่า คุณกำลังเกิดภาวะร่างกายขาดธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 กรดโฟลิก ที่ทำให้เกิดอาการอักเสบจนตุ่มรับรสตายและหลุดลอกไปจนผิวลิ้นเรียบค่ะ ทั้งนี้อาการดังกล่าว ก็ไม่ได้เกิดจากการขาดสารอาหารเพียงอย่างเดียวเท่านั้นนะคะ ยังอาจเกิดจากการติดเชื้อยีสต์ในช่องปากได้ด้วยเช่นกัน โดยนอกจากอาการลิ้นเลี่ยนแล้ว อาจจะแสดงออกถึงอาการแสบร้อนที่ลิ้นขณะที่รับประทานอาหารที่เป็นกรดหรือมีรสชาติเค็มร่วมด้วย ทางหลีกเลี่ยงอาหารรสจัดก่อนนั่นเองค่ะ
ลิ้นเป็นสีแดงสดลักษณะคล้ายผลสตรอเบอร์รี
หากคุณพ่อคุณแม่พบว่า ลูกหรือตัวเรานั้น มีลิ้นเปลี่ยนไป โดยมีลักษณะสีแดงสดโดยไม่ทราบสาเหตุ นั่นหมายถึง คุณพ่อคุณแม่หรือลูกนั้น กำลังขาดวิตามินบี 12 และธาตุเหล็กค่ะ เนื่องจากแร่ธาตุทั้ง 2 ชนิดนี้มีความสำคัญกับตุ่มรับรสบนลิ้นเป็นอย่างมาก แต่ถ้าหากพบว่ารับประทานแล้วยังเป็นอีก อาจหมายถึงว่า คุณอาจจะกำลังเป็นโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองซึ่งเข้าไปทำให้ร่างกายของคุณไม่สามารถดูดซึมวิตามินทั้ง 2 ชนิดได้นั่นเอง
ลิ้นเป็นสีดำ หรือมีขนขึ้นที่ลิ้น
ภึงแม้ว่าลิ้นจะเปียกชื้นอยู่เสมอ ก็ไม่ได้แปลว่า จะมีขนขึ้นไม่ได้นะคะ และถ้าลิ้นของ คุณพ่อคุณแม่หรือว่าลูกมีขนลิ้นอ่อน ๆ ขึ้น นั่นแสดงว่า ลิ้นกำลังบ่งบอกถึงปัญหาของสุขภาพช่องปากที่ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพหัวใจแล้วละค่ะ โดยคุณพ่อคุณแม่อาจจะกำลังมีความเสี่ยงสูงที่่จะเป็นโรคหัวใจ นอกจากนี้การที่ลิ้นของคุณเปลี่ยนสีเป็นสีดำ ก็อาจจะเป็นสัญญาณของการติดเชื้อราที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันอันเนื่องมาจากโรคบางชนิด อย่างเช่น โรคเบาหวาน ได้เช่นกัน
ลิ้นบวม
หากจู่ ๆ พบว่าลิ้นดูใหญ่หรือบวมขึ้นโดยปราศจากสาเหตุ ให้คุณพ่อคุณแม่สันนิษฐานไว้ก่อนเลยค่ะว่า กำลังเป็นโรคไทรอยด์ชนิดขาดฮอร์โมนไทรอยด์อยู่ ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนได้เพียงพอ ทำให้ระบบเผาผลาญของคุณทำงานลดลงจนทำให้ไม่มีแรง
ลิ้นแตก
หากพบว่าลิ้นของลูกน้อยเริ่มเกิดรอยแตก แต่ไม่มีเลือดไหล คุณพ่อคุณแม่ยังไม่ต้องวิตกกังวลใจไปนะคะ ลิ้นบอกโรค และละค่ะว่ากำลังมีปัญหาอยู่ ซึ่งลิ้นแตกนั้นเป็นอาการที่เกิดขึ้นตามวัย ยิ่งถ้ามีอายุมากก็จะยิ่งพบได้ง่าย จึงไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะเป็นสัญญาณของอาการป่วยใด ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะละเลยได้นะคะ ที่ลิ้นแตกเป็นแฉกนั้นอาจทำให้เชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียนั้นอาจจะเข้าไปอยู่ตามรอยได้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกแปรงฟันและลิ้นให้สะอาด ดื่มน้ำให้เพียงพอ และหมั่นไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากอย่างน้อยทุก ๆ 6 เดือน
ลิ้นแผนที่
ลิ้นแผนที่หรือลิ้นลายแผนที่นั้นคือ อาการที่ลิ้นมีส่วนที่ขรุขระและเรียบสลับไปมาคล้ายกับแผนที่ ที่เป็นเช่นนั้นมีสาเหตุมาจากการสูญเสียตุ่มรับรสจากอาการต่าง ๆ เช่น การรับประทานของร้อนมาก ๆ หรืออาหารรสจัดเกินไป ส่วนใหญ่แล้วอาการเหล่านี้จะหายไปได้เอง แต่ต้องใช้เวลาหลายเดือนจนถึงเป็นปี ๆ ค่ะ อาการที่พบได้บ่อยก็คือ ลิ้นมีความไวต่อการรับรสเผ็ด เค็ม หรือร้อน เป็นต้น
ลิ้นมีแผลร้อนใน
อาการที่พบได้บ่อยที่สุดก็คือ ลิ้นมีแผลร้อนใน นั่นเองค่ะ สาเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเกิดได้มากมายไม่ว่าจะเป็นการเผลอกัดลิ้น การไวต่ออาหารของตุ่มรับรส ขาดวิตามิน หรือมีการติดเชื้อ เป็นต้น นอกจากนี้ โรคลำไส้อักเสบก็เป็นสาเหตุหนึ่งด้วยเช่นกัน ปกติแล้วแผลร้อนในนั้นจะหายได้เองภายใน 10 – 14 วันค่ะ
ลิ้นเป็นฝ้า
ลิ้นเป็นฝ้านั้น พบได้บ่อยในเด็กทารกและผู้สูงอายุ เกิดได้จากหลายสาเหตุ ยกตัวอย่างเช่น เชื้อราในช่องปาก การที่เซลล์เยื่อเมือกในปากเจริญเติบโตมากผิดปกติ พบได้ในคนที่สูบบุหรี่จัด จริงอยู่ที่อาจจะไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าหากเกิดขึ้นในคนที่สูบบุหรี่เป็นประจำก็อาจจะก่อให้เกิดมะเร็งช่องปากในอนาคตได้
หากพบว่าลิ้นมีลักษณะตามที่กล่าวไปแล้วนั้น อย่าชะล่าใจนะคะนั่นแสดงว่า ลิ้นบอกโรค และสุขภาพกับเราอยู่ ทางที่ดีไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจดีที่สุด ที่สำคัญ อย่าลืมดูแลและทำความสะอาดลิ้นเป็นประจำนะคะ
ขอบคุณที่มา: Kapook, doctoroz และ womenshealthmag
อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่