โดนเห็บกัด …สำหรับหมา แมว ก็คงเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้ามนุษย์อย่างเรา โดยเฉพาะเด็กๆตัวเล็กๆ หากโดนเจ้าเห็บหรือหมัดกัด ก็อาจส่งผลร้ายต่อร่างกายได้ โดยเยเพราะเด็กที่แพ้
เช่นเดียวหนูน้อย Evelyn จากรัฐ Oregon ที่อยู่ดีๆ ก็เกิดล้มป่วย ซึ่งเมื่อช่วงเย็นวันนั้นหลังจากที่หนูน้อย Evelyn อาบน้ำเสร็จเธอรู้สึกเหนื่อยมาก ไม่อยากแม้แต่จะยืน ซึ่งพ่อแม่ก็คิดว่าอาจเป็นเพราะ ลูกน้อยเล่นจนเหนื่อยเกินไปเมื่อตอนกลางวัน ก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก…
ระวัง ลูก โดนเห็บกัด เสี่ยงเป็นอัมพาตชั่วคราวได้!
แต่คาดไม่ถึงว่า เช้าวันต่อมาพอหนูน้อยตื่นขึ้นอาการก็ไม่ดีขึ้นเลย แถมเป็นหนักกว่าเดิมอีกด้วย ซึ่งหนูน้อย Evelyn ไม่สามารถยืนด้วยแรงของตัวเองได้ ต้องให้ผู้เป็นพ่อคอยประคองเธอไว้ ไม่อย่างนั้นหนูน้อยก็จะล้มลงทันที ซึ่งนั้นก็ทำให้ตัวเธอตกใจกับอาการที่ตัวเองเป็นจนร้องไห้โฮออกมา เมื่อพ่อแม่เห็นเข้าก็ตกใจตามไปด้วย
โดยผู้เป็นพ่อของ Evelyn เองก็ป่วยเป็นโรคมะเร็งอยู่ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุ และเมื่อเห็นลูกสาวยืนไม่ได้แบบนี้ จึงคิดว่าลูกอาจจะเป็นโรคแบบเดียวกันหรือเปล่า? ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ทั้งสองจึงรีบพาหนูน้อยไปหาหมอ
เมื่อคุณหมอตรวจดูแล้ว ก็บอกว่า : “ไม่ต้องกังวล อาการแบบนี้เคยเกิดกับเด็กคนอื่นๆเหมือนกัน”
โดยคุณหมอวินิจฉัยว่า อาการเป็นอัมพาตชั่วคราวของหนูน้อย Evelyn นี้มีสาเหตุมาจาก “เห็บ” ซึ่งหลังจากที่คุณหมอตรวจดูบริเวณศีรษะของหนูน้อย ก็เจอเห็บเข้าหนึ่งตัว เมื่อหยิบเอาเจ้าตัวนี้ออกจากหนังศีรษะของหนูน้อย Evelyn แล้ว อาการกึ่งอัมพาตของหนูน้อยก็หายไปอย่างรวดเร็วทันที
ชมคลิป >> “หนูน้อย Evelyn กับอาการเมื่อโดนเห็บกัด จนเป็นอัมพาตชั่วคราว และวิธีจัดการเมื่อถูกเห็บกัดที่ถูกต้อง (ไม่ควรเอามือหยิบ) ” คลิกหน้า 2
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : eyeopenertv.com
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
ขอบคุณคลิปวีดีโอจาก : Lady Lara
ด้านพ่อแม่ของหนูน้อย Evelyn อดสงสัยเป็นอย่างมากไม่ได้ เพราะเขตที่พวกเขาอาศัยอยู่ไม่ควรจะมีเห็บ ซึ่งเจ้าตัวนี้มาเกาะบนหัวลูกสาวพวกเขาได้อย่างไรกัน ก็ไม่มีใครตอบได้ แต่ในเมื่อลูกน้อยของเขาปลอดภัยแล้วก็สบายใจได้ และตอนนี้หนูน้อยก็แค่มีอาการคันบริเวณที่ถูกกัดเท่านั้น ส่วนอาการอย่างอื่นปกติดีหมด
รูปลักษณะของเห็บ
สำหรับเห็บตัวเมีย จะอ้วนกลมคล้ายเม็ดมะละกอ ส่วนตัวผู้จะสีออกน้ำตาลแดงมองเห็นขาชัดเจนกว่า ส่วนตัวที่เรามักเห็นกันตัวเล็ก ๆ นั้นก็คือเห็บเช่นกันแต่เป็นช่วงที่ยังไม่โตเต็มวัย ซึ่งเห็บเป็นปรสิตที่พบเห็นได้บ่อยมาก มันจะเกาะอยู่ที่บนผิวหนังสุนัข มักไม่กระโดดและไม่เคลื่อนที่
เห็บ ตัวเล็กแต่อันตรายมาก!
เห็บมีหลายชนิด บางชนิดเป็นพาหะนำโรคได้ เช่น โรคไทฟัส โรคไข้ กลับซ้ำ โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นต้น เห็บกินเลือดของสัตว์พวกสัตว์เลื้อยคลาน นก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเป็นอาหาร คนก็เป็นเหยื่อของเห็บด้วยเช่นกัน
ส่วนมากเห็บที่ กัดคนมาจากสัตว์เลี้ยง เช่น แมว สุนัข หรือมาจากบริเวณพงหญ้าหรือพุ่มไม้ที่เห็บ หลบอยู่ เมื่อได้กลิ่นเหงื่อหรือความร้อนจากอุณหภูมิของร่างกาย เห็บจะกระโดดเกาะคน แล้วคลานหาบริเวณที่ปลอดภัยเพื่อดูดเลือด เช่น บริเวณซอกพับ รักแร้ ไรผม มักกินเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมง เห็บมีส่วนของปากที่งับบนผิวหนังคนเพื่อดูดเลือด เมื่ออิ่มเห็บจะคลายปากและหลุดไปเอง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ถึง 7 วัน
อาการเมื่อโดนเห็บกัด
สำหรับคนที่โดนเห็บกัดมักจะไม่เจ็บ ไม่มีอาการ เนื่องจากเห็บปล่อยสารที่ทำให้ชา และทำให้เลือดไม่แข็งตัว ส่วนใหญ่คนที่ถูกเห็บกัดจะสังเกตเห็นเห็บติดอยู่ที่ผิวหนัง ขณะอาบน้ำหรือเกา หลังเห็บหลุด (ทั้งหลุดเองเมื่อดูดเลือดอิ่มหรือจากการดึงออก) อาจเกิดปฏิกิริยาที่ผิวหนังเป็นตุ่มแดงคันบริเวณที่ถูกกัด ต่อมาตุ่มอาจใหญ่เป็นปื้น หรือก้อนนูนได้ ตุ่มพวกนี้แหละที่เป็นปัญหาให้มาพบหมอเพราะคันเหลือเกิน และเป็น ตุ่มอยู่นานหลายเดือนหรือเป็นปี
ซึ่งถ้าเด็กหรือผู้ใหญ่โดนกัด และไม่ได้สนใจอาการรอยแดงตั้งแต่เนิ่นๆ อาการอาจจะหนักขึ้นได้ ซึ่งผู้ที่โดนเห็บกัดอาจมีอาการแขนขาไร้เรี่ยวแรงใน 2-7 วัน อาจจะรุนแรงถึงขนาดหายใจไม่ออก และเสียชีวิตได้
และเนื่องจากเห็บจะอาศัยอยู่ตามพื้นหญ้า ต้นไม้ ที่เด็กๆชอบเข้าไปเล่นก็อาจจะโดนกัดหรือผู้ใหญ่ไปข้างนอกแล้วกลับเข้าบ้านก็อาจจะพาพวกมันกลับมาด้วย เพราะฉะนั้นเวลากลับถึงบ้านลองตรวจดูเสื้อผ้ากระเป๋าสักหน่อยว่ามีเห็บติดมาหรือไม่ ถ้าที่บ้านมีสัตว์เลี้ยงอย่างน้องหมา หรือน้องแมว ยิ่งต้องสังเกตเป็นพิเศษ เพราะพวกเขาจะชอบไปเล่นตามต้นไม้พงหญ้ามากกว่าเด็กๆ เสียมากกว่านะคะ
ซึ่งถ้าโดนเห็บกัด ห้ามใช้มือบีบเด็ดขาด!! เพราะจะทำให้เชื้อโรคในตัวมันเข้าสู่ผิวนัหง ซึ่งจะเป็นอันตรายมาก!!! ถ้าปากของเห็บติดอยู่ที่ผิวหนังจะทำให้เกิดอาการอักเสบ ซึ่งด้านล่างนี้เป็นคลิปวิธีการกำจัดเห็บที่มีประโยชน์ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรดูไว้ เพื่อใช้รับมือเมื่อลูกน้อยหรือคนในบ้านโดนเห็บกัดกันค่ะ
ขอบคุณคลิปวีดีโอจาก : TickEncounter Resource Center
อ่านต่อ >> “วิธีการรักษาและป้องกันเห็บกัด” คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
วิธีจัดการเมื่อถูกเห็บกัด
จากคลิป วิธีที่ดีที่สุดจะเอาเห็บออกจากผิวหนังคือ การใช้แหนบถอนขนคีบเห็บส่วนที่ใกล้ ผิวหนังมากที่สุดแล้วค่อยๆ ดึงออก ห้ามใช้บุหรี่จี้หรือใช้น้ำยาล้างเล็บ ขี้ผึ้ง สบู่เหลว สารพวกนี้จะทำให้เห็บระคายเคืองและปล่อยสารพิษเข้าไปในแผลที่มันกัดได้ ไม่บิด หรือกระชาก ไม่ควรบีบขยี้หรือเจาะตัวเห็บ เพราะจะทำให้ของเหลวจากตัวเห็บ ซึ่งอาจมีเชื้อโรคถูกปล่อยออกมา หลังจากเอาเห็บออกแล้ว ควรล้างมือ และผิวหนัง บริเวณที่ถูกกัดด้วยสบู่ให้สะอาดถ้าเห็นส่วนของปากเห็บติดอยู่ที่ผิวหนังให้ปล่อยเอาไว้ ร่างกายจะพยายามกำจัดออกมาเอง อย่าพยายามแกะ หรือแคะออก เพราะจะทำให้ผิวหนังเป็นแผลติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้
การรักษาตุ่มคันจากเห็บกัด
ถ้าตุ่มอักเสบไม่มาก ใช้ยาในกลุ่ม สเตียรอยด์ลดการอักเสบ ทาสม่ำเสมอ เช้าและเย็นผื่นก็จะดีขึ้น ถ้าอักเสบมาก เรื้อรัง ตุ่มใหญ่เป็นก้อน ต้องใช้วิธีฉีดยาสเตียรอยด์ เฉพาะที่บางรายอาจต้องตัดตุ่มที่อักเสบออก เพราะมีการอักเสบเรื้อรังไม่หาย เนื่องมาจากปฏิกิริยาของร่างกายที่มีต่อส่วนปากของเห็บที่ติดอยู่ในผิวหนังนั่นเอง
ในประเทศไทยไม่พบโรคที่มีเห็บเป็นพาหะ แต่ “ไร” ซึ่งมีลักษณะที่มองด้วยตาเปล่า อาจคล้ายเห็บ สามารถเป็นพาหะนำเชื้อแบคทีเรียทำให้เกิดโรคไข้รากสาดใหญ่หรือ สครับไทฟัส ไม่มียาสำหรับป้องกันการเกิดโรคหลังไรกัด ดังนั้นผู้ที่ถูกไรกัด ควรสังเกต ตัวเองว่าเป็นไข้หลังจากถูกไรกัดหรือไม่ โดยทั่วไประยะฟักตัวของโรค (ตั้งแต่ไรกัดจน ถึงไข้ขึ้น) ประมาณ 10-12 วัน
วิธีป้องกันเห็บกัด
ควรกำจัดให้รวดเร็วเพื่อลดเวลาที่จะได้รับเชื้อโรคที่จะติดมาจากเห็บ
- การควบคุมเห็บบนตัวสุนัข ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์หลายชนิดที่ให้ผลได้ดี เช่น
- แบบสเปรย์ วิธีนี้จะให้ผลในการกำจัดเห็บได้ดีและรวดเร็ว โดยต้องทำการพ่นไปให้ทั่วตัวสุนัข ตามขนาดน้ำหนักตัว แต่ค่อนข้างยุ่งยากในการพ่นและมีกลิ่นฉุน แต่หากสุนัขมีเห็บเยอะ วิธีนี้เหมาะสมที่สุดและช่วยประหยัดเงินได้มากกว่า ตัวอย่างเช่นสเปรย์ของยี่ห้อ Frontline
- แบบหยดหลัง วิธีนี้ใช้ง่ายและสะดวก เพียงหยดตัวยาในหลอดลงกลางหลังคอของสุนัข โดยแหวกขนเพื่อให้ตัวยาสัมผัสกับผิวหนังให้มากที่สุด เหมาะสำหรับกรณีใช้ป้องกันหรือในกรณีที่มีเห็บน้อยๆ ตัวอย่างเช่นยาหยดหลังของยี่ห้อ Frontline, Revolution, Advantix, Proticall เป็นต้น
- แบบอื่น ๆ เช่น ยาแบบผสมน้ำราดตัว (ซึ่งมีขอบเขตความปลอดภัยต่ำกว่า) ส่วนแบบแป้งหรือแชมพู อาจมีประสิทธิภาพที่ต่ำกว่า
ถ้ามีเห็บมากจริง ๆ และถ้าการใช้เพียงวิธีเดียวไม่ได้ผล อาจใช้หลายวิธีร่วมกันได้ เช่นแบบสเปรย์หรือหยดหลัง ร่วมกับแบบผสมน้ำราด ร่วมกับอาบน้ำด้วยแชมพูกำจัดเห็บ เป็นต้น
ในปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์ออกมาหลายยี่ห้อหลายรูปแบบ ซึ่งก็มีความจำเป็นที่จะต้องเลือกใช้แบบที่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย โดยอาจต้องศึกษาวิธีใช้ให้ถูกต้องและปลอดภัย หรืออาจต้องปรึกษาจากสัตวแพทย์
- การควบคุมเห็บที่อยู่ตามสิ่งแวดล้อม อย่างที่ได้อธิบายมาแล้วในหัวข้อวงจรชีวิตของเห็บ ที่จะเคลื่อนลงมาที่พื้น 3 ครั้งใน 1 วงจรชีวิต ดังนั้นตามสิ่งแวดล้อมรอบๆ ที่สุนัขอยู่อาจมีเห็บอยู่ได้ จึงจำเป็นที่จะต้องกำจัดที่สิ่งแวดล้อมด้วย มีผลิตภัณฑ์ในหลายๆ แบบ โดยอาจต้องศึกษาวิธีใช้ให้ถูกต้องและปลอดภัย หรืออาจต้องปรึกษาจากสัตวแพทย์เช่นกัน
- จำเป็นต้องควบคุมและกำจัดเห็บกับสุนัขทุกตัวที่เลี้ยงไว้บริเวณเดียวกันหรือใกล้เคียง เพื่อตัดวงจรเห็บให้หมดไป และป้องกันการติดซ้ำจากตัวที่ยังคงมีเห็บอยู่
- ควรหลีกเลี่ยงสิ่งแวดล้อมที่มีเห็บ เช่น ถ้าเป็นไปได้ งดให้น้องหมาออกวิ่งนอกบ้านหรือตามพื้นดินพื้นหญ้านอกบ้านหรือแม้แต่ในสนามหญ้าในบ้านเอง เพราะบางครั้งอาจมีสุนัขบริเวณหน้าบ้านที่มีเห็บผ่านมาและปล่อยเห็บลงมาตามพื้น ซึ่งจะติดมาที่สุนัขของเราได้
และที่สำคัญระวัง อย่าให้ลูกไปเดินในบริเวณที่รกๆ ถ้าจำเป็นต้องไป อาจใช้ยาทาป้อง กันแมลงทาบริเวณแขนขาก่อน เห็บก็จะไม่กล้ำกลายมาใกล้ได้
อ่านต่อ “บทความอื่นน่าสนใจ” คลิก!
- ติดเชื้อในกระแสเลือด เพราะจูบหมาแมว และปล่อยให้เลียปาก
- 12 วิธีกำจัดแมลง และสัตว์ร้ายใกล้ลูกน้อย
- ไรฝุ่น สาเหตุภูมิแพ้ อันตรายใกล้ตัวที่มองไม่เห็น!!
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.tm.mahidol.ac.th , pet.kapook.com