คุณพ่อคุณแม่ท่านไหนมีลูกมีหลานชอบกินหวาน ต้องอ่าน!! หากไม่อยากให้เป็น 10 โรคนี้ตอนโต
ขอเสียงคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกมีหลานชอบกินของหวาน ๆ กันหน่อยค่ะ … ทราบกันหรือไม่คะว่า ของหวาน ๆ ที่เราว่าอร่อยนักอร่อยหนานั้น ทานมาก ๆ อาจส่งผลเสียให้กับร่างกายของลูกโดยที่เราไม่รู้ตัว กว่าจะมารู้ตัวอีกทีก็อาจจะสายเกินไปแล้ว ไม่ใช่แต่เด็กๆ เท่านั้นนะคะที่น่าห่วง คุณพ่อคุณแม่เองด้วยก็เช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมัยนี้ ไม่ว่าจะเป็นชา กาแฟ น้ำหวาน ขนมเค้ก คุ้กกี้ โอ้ย … ล้วนแต่หน้าตาน่าทานกันหมด ยิ่งถ้ามีโปรโมชั่นดีๆ แบบซื้อหนึ่งแถมหนึ่งด้วยแล้ว ยิ่งดีใหญ่ … ซื้อกันแบบไม่คิดเลยว่า ทานไปแล้วอาจส่งผลเสียกับสุขภาพเอาได้ง่าย ๆ ด้วยเช่นกัน
และในวันนี้ทีมงาน Amarin Baby and Kids ก็จะมาขอนำเสนอ 10 โรคร้ายอันเกิดจากการเสพติดความหวานมาฝากคุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน พร้อมเทคนิคการเลิกที่บอกเลยว่าไม่ยากอย่างที่คิด
อ่านต่อเนื้อหาเพิ่มเติม >>
5 สัญญาณบอกว่าคุณเสพติดความหวานเข้าให้แล้ว!
ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เด็กส่วนใหญ่จะชอบกินขนมหรือของหวานๆ แต่ถ้าหากหวานเกินไปล่ะ? คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ เลยใช่ไหมละคะ เพราะนั่นอาจส่งผลให้ลูกหลานของเราเป็นคนชอบเสพติดความหวาน ไปโดยปริยาย และนี่คือวิธีที่คุณพ่อคุณแม่สามารถเช็กได้เลยค่ะว่า ลูกของเราเป็นเช่นนั้นหรือไม่
- อยากทานแต่ของหวานๆ ตลอดเวลา ยกตัวอย่างเช่น หลังมื้ออาหารต้องมีของหวานล้างปาก ระหว่างวันจะต้องมีเครื่องดื่มหรือขนมหวานเอาไว้กิน
- กินหวานแบบจัดเต็ม เรียกได้ว่า ขนมนมเนย เค้กชิ้นเดียวไม่เคยพอ ต้องขอหลายๆ ชิ้น จะได้ทานอย่างจุใจ
- มีแต่เรื่องของขนมอยู่ในความคิดตลอดเวลา คิดแต่ว่าจะกินขนมอะไรดีแบบไม่เป็นอันต้องทำอะไร เป็นต้น
- รู้สึกฟินทุกครั้งที่ได้กิน ไม่ว่าจะเครียดหรือไม่ก็ตาม แค่ได้กินของหวาน ๆ เพียงน้อยนิดก็ทำให้รู้สึกเหมือนกับชีวิตนี้มีความสุข ฟิน โดยไม่สนใจสิ่งรอบตัว
- พยายามเลิกแล้วแต่ไม่สำเร็จ คุณพ่อคุณแม่อาจจะเคยพยายามให้ลูกหยุดกินแล้ว แต่ลูกก็ไม่สามารถทำได้ เวลาไม่ได้กินก็จะอาละวาด ปาข้าวของ เป็นต้น
ซึ่งอาการตามที่กล่าวมานี้นี่ละค่ะ คือสัญญาณบอกแล้วละว่า ลูกของเรากำลังเสพติดความหวานอยู่แน่ ๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นไม่ดีแน่ ๆ เพราะนั่นหมายถึงอนาคตนั้น สุขภาพของลูกอาจจะไม่ดีและเป็นโรคร้ายเหล่านี้ได้
อ่านต่อ >> 10 โรคร้ายที่มากับความหวาน
เครดิต: Girlsallaround
10 โรคร้ายมาเยือนแน่ หากลูก ชอบกินหวาน
โรคที่จะกล่าวดังต่อไปนี้ ไม่ใช่เป็นโรคใหม่นะคะ เป็นโรคที่เราพบกันเห็นได้เป็นประจำทุกวัน แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า โรคดังกล่าวนั้น มีสาเหตุมาจากการชอบกินหวานด้วยเช่นกัน จะมีโรคอะไรบ้างนั้น ไปดูกันค่ะ
1. โรคเบาหวาน เกิดจากภาวะต้านอินซูลินที่รุนแรง จะทำให้ตับอ่อนไม่สามารถรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้ต่ำลงได้ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดที่พุ่งสูงขึ้น หรือสวิงขึ้นลง จะทำให้คุณเป็นโรคเบาหวานได้ในที่สุด
2. โรคหัวใจ อาหารที่มีน้ำตาลสูง จะเป็นตัวเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ เพราะน้ำตาลมีผลต่อกระบวนการสูบฉีดของหัวใจ เพิ่มระดับไตรกลีเซอไรด์ ไขมันเลว กลูโคส และอินซูลินในกระแสเลือด
3. ไขมันพอกตับ เมื่อตับสังเคราะห์ฟรักโทสให้กลายเป็นไขมันแล้ว ก็จะนำไปเก็บไว้ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะที่ตับ
4. ไขมันในเลือดสูง เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายได้รับอาหารประเภทแป้ง และน้ำตาลมาก ๆ ก็จะทำให้เกิดการสะสมไตรกลีเซอไรด์ขึ้นในร่างกาย ทำให้ปริมาณไขมันในเลือดสูงขึ้น
5. โรคอ้วน ความหวานจะทำให้รู้สึกหิวมากขึ้น และไม่รู้สึกอิ่ม คุณจะรู้สึกว่า กินเท่าไรก็ไม่พอเสียที และมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นได้อย่างง่ายดายโดยไม่รู้ตัว
6. ความดันโลหิตสูง น้ำตาลทำให้ฮอร์โมนแคทีโคลามีน และกรดยูริกสูง ซึ่งต่างก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงทั้งสิ้น
7. ไมเกรน น้ำตาล และของหวานต่าง ๆ เป็นหนึ่งในอาหารที่กระตุ้นให้เกิดอาการไมเกรน
8. ฟันผุ น้ำตาลนั้นย่อยง่าย แบคทีเรียในช่องปากจึงสามารถเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็ว จนเป็นสาเหตุของปัญหาในช่องปากต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ฟันผุ เคลือบฟันกัดกร่อน โรคเหงือก และกลิ่นปาก
9. มะเร็ง อินซูลินเป็นฮอร์โมนที่ใช้ควบคุมการเจริญเติบโต และการเพิ่มขึ้นของเซลล์มะเร็ง การเพิ่มขึ้นของอินซูลิน และระดับอินซูลินที่ไม่คงที่ ก็อาจทำให้มีเซลล์มะเร็งเติบโตอยู่ในร่างกายของคุณได้
10. โรคกระดูกเปราะ น้ำตาลสามารถซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว ทำเกิดความไม่สมดุลในเลือด เมื่อเลือดมีความเป็นกรดมากขึ้น ร่างกายจึงต้องปรับสมดุลโดยการดึงแร่ธาตุต่าง ๆ ที่สะสมอยู่ในกระดูกมาใช้แทน
น้ำตาลก็เป็นเหมือนยาเสพติดชนิดหนึ่ง เพราะสารให้ความหวานจะเข้าไปกระตุ้นการหลั่งโดพามีน หรือฮอร์โมนแห่งความสุข ทำให้เกิดอาการเสพติด และรู้สึกอยากกินของหวานอยู่ตลอด แม้ว่าการกินของหวานจะทำให้คุณรู้สึกมีความสุข แต่การบริโภคน้ำตาลที่มากเกินไป ก็จะทำให้ร่างกายต้องทำงานหนักขึ้น และเป็นบ่อเกิดของโรคต่าง ๆได้เช่นกัน
อ่านต่อ >> เทคนิคการเลิกเสพติดความหวาน
ขอบคุณที่มา Gedgoodlife
6 เทคนิคช่วยเลิกเสพติดความหวาน
- เริ่มต้นจาก การลดปริมาณน้ำตาลที่เคยใช้เพื่อปรับสภาพลิ้นให้รับรสชาติอาหารที่ไม่หวานให้อร่อยขึ้น พยายามตัดอาหารที่หวานออกแต่ละสัปดาห์แบบขั้นบันได เช่น สัปดาห์นี้เลิกรับประทานของหวานหลังมื้อเย็น สัปดาห์ถัดไปเลิกรับประทานของหวาน 2 มื้อ หรือ 3 มื้อตามลำดับ และหากใส่น้ำตาลในชาหรือกาแฟก็ให้ใส่ให้ลดจำนวนลง เป็นต้น
- ให้ออกกำลังกาย 30 นาทีต่อรอบ 5 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งจะเป็นผลทำให้การเปลี่ยนแปลงระดับความโหยของน้ำตาลให้ลดน้อยลง
- เลิกซื้อขนมหวานเข้าบ้าน เพื่อไม่ให้ลูกหลานเกิดความรู้สึกอยาก และเป็นการลดสิ่งล่อตาล่อใจในบ้านด้วย
- เลิกซื้อขนมกรุบกรอบและอาหารจานด่วนที่เสี่ยงต่อไขมันทรานส์ เพราะขนมกรุบกรอบส่วนใหญ่มีแป้งเกินอยู่แล้ว และมักจะใส่น้ำตาลสูง และยังมีไขมันทรานส์ เช่น มาการีน หรือ เนยเทียมปะปนอยู่ ขนมกรุบกรอบทั้งหลายจึงไม่ควรมีอยู่ไว้ในบ้าน
- คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ลืมอ่านสลากอาหารและเครื่องดื่มให้เป็นนิสัย และให้คำนวณปริมาณน้ำตาลด้วยว่ามากหรือน้อย แล้วให้งดเครื่องดื่มหวานทุกชนิดไว้ก่อน โดยเฉพาะกลุ่มน้ำอัดลม และน้ำชาที่ใส่น้ำตาล ทางที่ดีดื่มน้ำเปล่าดีที่สุด
- ทำกิจกรรมอื่น เข้าสังคม พูดคุย หรือนั่งสมาธิ โยคะ เพื่อให้จิตใจผ่อนคลายไม่หมกมุ่นอยู่กับความอยากน้ำตาล
“รักลูกห่วงลูก อย่าลืมเริ่มดูแลสุขภาพของลูกกันเสียตั้งแต่ตอนนี้นะคะ”
เครดิต: ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์
อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:
- รู้ยัง! ดื่มน้ำหลังตื่นนอนดีอย่างไร บอกเลยห้ามพลาด!
- อ.เจษฎาแจงข้อเท็จจริง เรื่องน้ำมันพืชกับ ไขมันทรานส์
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่