มือเท้าปาก โรคติดต่อที่เป็นฝันร้ายของพ่อแม่ ครั้งเดียวก็เกินพอ แต่สำหรับคุณแม่ท่านนี้ ลูกเป็นมาแล้วถึงสามครั้ง!!
ไม่มีอะไรหรอกที่จะเป็นฝันร้ายของคุณพ่อคุณแม่ได้มากไปกว่า การที่พบว่าลูกของตัวเองนั้นป่วยและไม่สบาย … จริงอยู่ที่การป่วยไม่สบายนั้นเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก ๆ แต่บางครั้งเรื่องปกตินี้ก็อาจจะไม่ปกติเลยก็ได้ หากพบว่าลูกของตัวเอง ต้องป่วยเป็นโรคมือเท้าปากซ้ำ ๆ กันติดต่อกันนาน 3 เดือน
เช่นเดียวกับคุณแม่ท่านนี้ ที่แชร์เรื่องราวของตัวเองผ่านเว็บดังอย่าง Pantip โดยคุณแม่สมาชิกเพจนามว่า ExileMichi Tanaka ได้แชร์ประสบการณ์ลูกเป็นโรคมือเท้าปากรอบที่ 3 ว่า
รอบนี้เป็นรอบที่ 3 แล้วที่น้องป่วยเป็น โรคมือเท้าปาก ระยะเวลาในการติด 3 เดือนที่ผ่านมานี้ เป็นทุกเดือน
สาเหตุการป่วย มาจากเนอสเซอรี่ ที่น้องไปเรียนทุกวัน ติดมาจากเพื่อนที่ รร. พอเพื่อนหาย ลูกเราติด พอลูกเราหาย เด็กคนอื่นเป็นต่อ ลูกเราก็เอาติดมาอีก เป็นอยู่แบบนี้ 3 เดือนติด ๆ กัน ภายใน1 เดือน จะได้ไปเรียนจริง ๆ แค่ 1-2 อาทิตย์ ที่เหลือ นอน รพ. หายก็รักษาตัวต่อที่บ้าน จนกว่าจะแน่ใจว่าหายดี
แต่…. มีผู้ปกครองบ้างคน ที่เวลาลูกป่วยชอบเอาลูกมาส่ง รร. ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่มีคนดู ต้องทำงาน ภาระนั้นจึงตกมาเป็นของ ครู
อ่านต่อเรื่องราวของคุณแม่ กับอาการที่พบว่าลูกเป็นมือเท้าปากอีกครั้ง คลิก!
รอบนี้เราไม่ยอมแล้ว ยังไง ๆ ก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่องไปเลย เพราะรอบที่แล้ว เห็นใจทางรร. ว่าถ้าปิด รร. ไม่ได้ รบกวน เสาร์อาทิตย์ ที่ รร. หยุด ช่วยทำความสะอาดด้วยนะค่ะ แต่การทำความสะอาดนั้นบอกไม่ได้ ว่าทำสะอาดมากแค่ไหน…
คืนวันเสาร์ พาครอบครัวออกไปทานข้าวปกติ กลับเข้ามาบ้าน ก็พาน้องไปล้างมือ และดูรอบยุงกัดว่ามีมั้ย แต่ก้มลงดู ต้องตกใจ เพราะฝ่าเท้าน้อง เต็มไปด้วย ตุ่มแดง ๆ เต็มเท้า มือ ไปหมด เลยรีบส่องไฟดูปาก มันใช่เลย! มันมาอีกแล้ว โรคนี้ไม่มีวัคซีนรักษา เด็กที่เป็นแล้วจะเป็นอีก เด็กที่ไม่เป็นก็ไม่เป็นจริง ๆ ก็มี โรคนี้รักษาตามอาการ ใช้ยาฆ่าเชื้อไม่ได้ รักษาจนกว่าจะดีขึ้น ซึ่งโรคนี้ ทรมานสำหรับเด็กอย่างมาก
วันต่อมาคุณแม่จึงได้โทรติดต่อไปยังโรงเรียน เพื่อถามว่ามีเด็กในโรงเรียนเป็นโรคดังกล่าวหรือไม่ ครูพี่เลี้ยงของลูกจึงตอบว่า มีเด็กก่อนหน้านี้เป็นหนึ่งคน ซึ่งคุณแม่ก็ได้สอบถามถึงมาตรการการป้องกันของทางโรงเรียน เพื่อให้มั่นใจว่า โรงเรียนนั้นได้มีมาตรการรักษาและป้องกันที่ดีจริง ๆ
โดยทีมงาน Amarin Baby and Kids ก็ได้เสาะหาข้อมูลและมาตรการป้องกันโรคมือ เท้า ปาก จะมีวิธีการอย่างไรบ้างนั้น ไปชมกันเลยค่ะ
อ่านต่อ โรคมือเท้าปากติดต่ออย่างไร และจะป้องกันได้อย่างไร คลิก
เครดิต: Pantip
การแพร่ระบาดของโรค มือเท้าปาก
หลังจากที่พบว่า มีเด็กที่มีอายุระหว่าง 1 – 3 ปีจำนวนกว่า 2.4 หมื่นรายป่วยเป็นโรค มือ เท้า ปาก นั้น ทำให้ นายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้กล่าวว่า จากสภาพอากาศในช่วงฤดูฝน ที่มีความชื้นสูงนั้น เหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อโรคต่าง ๆ เป็นอย่างมาก ซึ่งโรคที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษในช่วงนี้ก็ได้แก่ โรคมือเท้าปาก และกลุ่มอายุที่ต้องเฝ้าระวังนั้นก็คือเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งมีระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำ ประกอบกับการที่เด็กอยู่ร่วมกันมาก ๆ ด้วยนั้น ทำให้โอกาสการแพร่ระบาดของโรคมือเท้าปากเกิดขึ้นได้ง่าย
นายแพทย์โสภณ กล่าวต่อว่า โรคมือ เท้า ปาก จะติดต่อจากการได้รับเชื้อทางปากโดยตรง ซึ่งเชื้อไวรัสจะติดมากับมือ หรือของเล่นที่เปื้อนน้ำมูก น้ำลาย น้ำจากแผลตุ่มพองหรืออุจจาระของผู้ป่วย หรือติดต่อจากการ ไอ จาม รดกัน โดยอาการของโรค มือเท้าปาก จะเริ่มด้วยอาการไข้ อ่อนเพลีย เจ็บปากและเบื่ออาหาร มีแผลอักเสบ ที่ลิ้น เหงือก และกระพุ้งแก้ม อาจเกิดตุ่มผื่นแดง ไม่คันที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ก้น หรือหัวเข่า แต่เวลากดจะเจ็บ ต่อมาจะแตกออกเป็นหลุมตื้น ๆ โดยทั่วไปอาการจะดีขึ้นและสามารถหายเป็นปกติได้ภายใน 7-10 วัน แต่หากเด็กมีอาการแทรกซ้อนเช่น ไข้สูง ซึม อาเจียน หอบ ต้องรีบนำเด็กกลับไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลทันที
อ่านต่อวิธีการป้องกันโรคมือเท้าปากได้ที่หน้าถัดไป
การป้องกันโรคมือเท้าปาก
ในด้านการป้องกันโรคมือเท้าปากนั้นก็ได้ขอความร่วมมือศูนย์เด็กเล็ก สถานรับเลี้ยงเด็ก และโรงเรียนอนุบาล ปฏิบัติตามมาตรการ ดังนี้
1. ตรวจคัดกรองเด็กเป็นประจำทุกวันในตอนเช้า
2. แยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ โดยให้ผู้ปกครองรับกลับบ้าน
3. หลีกเลี่ยงไม่ให้เด็กป่วยเล่นคลุกคลีกับเด็กปกติและเมื่อป่วยควรพักรักษาอยู่ที่บ้าน
4. ให้เด็กล้างมือบ่อย ๆ หรือทุกครั้งที่สัมผัสสิ่งสกปรกปนเปื้อนเชื้อโรค ได้แก่ ก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องส้วม ก่อนและหลังทำกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ
5. ทำความสะอาดอุปกรณ์ เครื่องมือ ของใช้ ของเล่น ภายในศูนย์ฯ และโรงเรียนเป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกครั้งที่พบมีเด็กป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปาก
6. หากพบเด็กป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปาก ให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้านทันที ส่วนในกรณีที่เป็นพื้นที่ที่มีการระบาดหากพบตุ่มในปากโดยยังไม่มีอาการอื่น ให้เด็กหยุดเรียนอยู่บ้านได้เลยและหากพบเด็กป่วยเป็นจำนวนมาก ควรพิจารณาปิดห้องเรียนที่มีเด็กป่วย หรือปิดโรงเรียนระดับชั้นเด็กเล็ก
เนื่องจากโรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน แพทย์จึงสามารถรักษาได้ตามอาการเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ลูกตัวร้อน ก็ให้เช็ดตัวและให้ทานยาลดไข้ ลูกเจ็บแผลในปากก็ให้ทานยาชา เป็นต้น อย่างไรก็ตามโรคนี้มักไม่รุนแรง และไม่มีอาการแทรกซ้อน แต่เชื้อไวรัสบางชนิด ก็อาจทำให้มีอาการรุนแรงได้ เช่นกัน
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนที่มีข้อสงสัยอะไร ก็สามารถติดต่อสอบถามไปยังสายด่วนกรมควบคุมโรคได้ที่เบอร์ 1422 นะคะ
เครดิต: สสส.
อ่านต่อเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่