ป่วยรักษาฟรี ถ้าเห็นคำนี้ที่ไหน คุณพ่อคุณแม่คงมีกำลังใจเพิ่มขึ้นอีกนิด โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน หรือช่วงที่ฝนตกติดต่อกันหลายวัน ที่โรคภัยต่างๆระบาดง่ายขึ้น นอกจากต้องระวังสุขภาพของลูกน้อยหนักกว่าเดิมแล้ว สภาพอากาศที่เย็นลงกะทันหันและมีความชื้นสูงแบบนี้ ยังทำให้ผู้ใหญ่ร่างกายแข็งแรงล้มป่วยได้เหมือนกัน แถมยังเป็นซ้ำบ่อยๆด้วย
คงไม่ดีแน่ ถ้าคุณแม่ป่วยแล้วยังต้องมากังวลกับค่ารักษา ที่บางโรคอาจรักษาหลายครั้งกว่าจะหาย หรือเกิดเหตุฉุกเฉินจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล คุณแม่หมดห่วงได้
หมดห่วงหน้าฝน แม่เป็น 5 โรคฮิตหน้าฝน ป่วยรักษาฟรี
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเตือนประชาชนเรื่องสุขภาพในช่วงหน้าฝนว่า สภาพอากาศที่เริ่มเย็นลงและมีความชื้นสูงขึ้น เอื้ออำนวยต่อการเกิดโรคได้ง่ายและรวดเร็ว จึงขอเตือนประชาชนหากใครไม่อยากเจ็บป่วยก็ต้องหมั่นดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และให้ระมัดระวังป้องกันตัวเองจาก 7 โรคฮิตที่มักพบได้บ่อยในช่วงฤดูฝนได้แก่
โรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ คออักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบหรือปอดบวม เนื่องจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบวกกับเชื้อไวรัสและแบคทีเรียที่ปะปนอยู่ในอากาศชื้นจะเป็นพาหะของโรค และแพร่กระจายของเชื้อโรคง่ายและรวดเร็ว เพียงแค่ไอ จาม หรือสัมผัสน้ำมูกที่ปนเปื้อนเชื้อโรค
โรคฉี่หนู เป็นโรคติดต่อจากหนูและสัตว์เลี้ยงที่มีฟันแทะ เชื้อโรคมักปะปนอยู่ในพื้นที่มีน้ำท่วมขัง เข้าสู่ร่างกายผ่านบาดแผล เยื่อบุตา จมูก และช่องปาก
โรคน้ำกัดเท้า เกิดจากการเดินลุยน้ำสกปรกเป็นเวลานาน ทำให้เกิดเชื้อราที่ผิวหนังซอกนิ้วเท้า หากไม่รักษาจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา
โรคไข้เลือดออก มียุงลายเป็นพาหะ มักระบาดหนักในฤดูฝน ในปีนี้มีรายงานผู้ป่วยโรคดังกล่าวแล้วกว่า 5,000 คน และเสียชีวิตแล้ว 5 คน ในพื้นที่กรุงเทพฯ
โรคติดต่อของระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน บิด ไทฟอยด์ และอาหารเป็นพิษ ซึ่งเกิดจากการกินอาหารที่ปนเปื้อนของเชื้อจุลชีพ
โรคเยื่อบุตาอักเสบ เกิดจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย เยื่อบางๆรอบดวงตาผลิตเมือกออกมามาก ทำให้เกิดการระคายเคืองจนเส้นเลือดบริเวณนั้นบวมขึ้นและเกิดการอักเสบ ลูกตาจึงมีสีแดงก่ำ
โรคจากพิษของแมลงสัตว์กัดต่อย ซึ่งมักหนีมาอยู่ตามบ้านเรือนเพื่อหนีน้ำท่วม เมื่อถูกกัดอาจเกิดอาการแพ้หรือบาดเจ็บได้
อ่านต่อ โรคหน้าฝนอะไรบ้างรักษาฟรี คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
ในบรรดาโรคฮิตที่เป็นกันมากในหน้าฝน มีโรคอันตรายบางชนิดที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว และส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของกลุ่มคนที่มีร่างกายอ่อนแอ เช่นคุณแม่ตั้งครรภ์ หรือคุณแม่หลังคลอดที่พักผ่อนไม่เพียงพอ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเกิดโรคแทรกซ้อนจนถึงแก่ชีวิตได้
สำนักงานประกันสังคม เข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระจากค่าใช้จ่ายในการรักษาตัว โดยแนะนำให้คุณแม่ที่มีสิทธิผู้ประกันตน ใช้สิทธิ ป่วยรักษาฟรี ได้ตามโรงพยาบาลตามสิทธิของตัวเองได้ทันที โดยครอบคลุมโรคอันตรายในฤดูฝนทั้ง 5 ชนิด สวัสดิการสังคมดีๆ แบบนี้ น่าจะช่วยให้คุณแม่รู้สึกอุ่นใจขึ้นได้ว่าในยามป่วยก็ยังได้รับการดูแล
5 โรค ป่วยรักษาฟรี เป็นแล้วต้องรีบรักษา
เรื่องเจ็บป่วยช่วงหน้าฝนน่าจะเป็นเรื่องธรรมดา หลายคนคิดว่าเป็นแล้วหายเองได้ ไม่ต้องไปหาหมอ ความคิดแบบนี้อาจไม่ถูกต้องนัก เพราะเชื้อโรคต่างๆพัฒนาตัวเอง จึงมีความแข็งแรงและทนต่อสภาพแวดล้อมผันผวนได้มากขึ้น ยิ่งคุณแม่ใช้สิทธิ ป่วยรักษาฟรี ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจและรีบรักษาให้หายเร็วที่สุด จะได้ไม่นำโรคร้ายไปติดลูกน้อยด้วย
โรคอันตรายหน้าฝน ที่ได้รับสิทธิป่วยรักษาฟรี มีอะไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ
โรคไข้เลือดออก เป็นหนึ่งในโรคที่ระบาดมากที่สุดในช่วงหน้าฝน และเป็นได้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ แถมยังเป็นซ้ำได้ตลอดชีวิต มียุงลายตัวเมียเป็นพาหะนำเชื้อไวรัสเดงกี-1, เดงกี-2, เดงกี-3 หรือเดงกี-4 ไปแพร่กระจาย ซึ่งไม่ว่าจะได้รับเชื้อไวรัสตัวไหนก็เป็นโรคไข้เลือดออกได้ทั้งสิ้น แต่จะไม่เป็นซ้ำจากเชื้อตัวเดิม
หากสังเกตอาการแรกเริ่ม แล้วรีบเข้ารักษาทันทีก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว คุณแม่ป่วยด้วยโรคนี้ เริ่มต้นจะมีอาการคล้ายคนเป็นไข้หวัด มีไข้ลอยๆ ( 2 – 7 วัน) ตัวร้อน ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน แต่จะไม่มีน้ำมูก หรือไอจาม มีจุดแดงตามตัว ในกรณีรุนแรงอาจมีเลือดออก เลือดกำเดาไหล หรือถ่ายเป็นเลือด มีอาการตับโต และเข้าสู่ภาวะช็อกเมื่อระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นเพียง 1 – 3 ในเท่านั้น
MUST READ : อาการ ไข้เลือดออก ระบาดหนัก กับโรคใกล้ตัวที่ต้องระวัง
MUST READ : แม่ท้องระวัง ไข้มาลาเรีย เป็นแล้วอันตรายถึงชีวิตทั้งแม่และลูก
MUST READ : โรคมือเท้าปากในผู้ใหญ่ คุณพ่อ คุณแม่ ก็ติดลูกน้อยได้
โรคมาลาเรีย มียุงก้นปล่องเพศเมียเป็นพาหะ เมื่อปล่อยเชื้อเข้าสู่กระแสเลือด 30 นาที เชื้อจะเจริญเติบโตทันที ทำให้มีไข้สูง หนาวสั่น เหงื่อออกมาก ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ท้องเสีย เลือดจาง หรืออุจจาระเป็นเลือด ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง และสังเกตค่อนข้างยาก จึงอาจได้รับการรักษาล่าช้า จนมีโรคแทรกซ้อน เช่น มาลาเรียขึ้นสมอง บวมน้ำ และภายในล้มเหลว
หากคุณแม่ตั้งครรภ์สังเกตว่าตัวเองติดเชื้อมาลาเรียต้องรีบพบแพทย์ทันที เพราะแม้โรคนี้จะไม่ติดต่อจากคนสู่คน แต่ส่งต่อจากแม่สู่ทารกในครรภ์ได้ หากรุนแรงอาจทำให้คลอดก่อนกำหนด แท้งลูก ทารกแรกเกิดมีน้ำหนักน้อยกว่าปกติ และทำให้ลูกในครรภ์และคุณแม่เสียชีวิตได้
อ่านต่อ จะใช้สิทธิรักษาฟรี กรณีป่วยฉุกเฉินต้องทำอย่างไร คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
โรคมือเท้าปาก เป็นโรคติดต่อจากเชื้อไวรัส ทำให้มีตุ่ม ผื่น และแผลอักเสบตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า และช่องปาก ควบคู่กับการมีไข้สูง ไอ มีเสมหะ ทำให้เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย และเจ็บปวดจากแผลในปาก ส่วนใหญ่จะระบาดในกลุ่มเด็กเล็ก ขณะที่ผู้ใหญ่ก็ติดได้ แถมมีอาการรุนแรงกว่าถ้ามีโรคแทรกซ้อน เช่นเล็บมือเท้าหลุด ภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และภาวะสมองอักเสบ
โรคมือเท้าปากไม่มียารักษาเฉพาะโรค ทำได้เพียงการรักษาตามอาการ ที่สำคัญคือเมื่อเป็นแล้วต้องแยกตัวออกจากผู้อื่น เพราะสามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ คุณแม่จึงควรรีบรักษาให้หายเร็วๆ ก่อนที่จะไปติดลูกน้อย
โรคหวัด หรือโรคไข้หวัดธรรมดา เป็นโรคธรรมดาๆ ที่ใครก็ป่วยได้ตลอดชีวิต เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดที่ทำให้เกิดการอักเสบของอวัยวะระบบทางเดินหาย ใจ อาการส่วนใหญ่ไม่รุนแรง มีไข้ต่ำๆ คัดจมูก ไอ ตาม น้ำมูกใส เจ็บคอ หรือท้องเสียได้ ส่วนใหญ่จะค่อยๆ หายเองภายใน 10-15 วัน แต่ถ้าน้ำมูกเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเขียว ปวดหู หรือหายใจหอบเหนื่อยภายใน 1 สัปดาห์ควรรีบพบแพทย์
โรคฉี่หนู เกิดจากติดเชื้อแบคทีเรียจากการสัมผัสดิน น้ำ อาหารที่ปนเปื้อนปัสสาวะ เลือด หรือเนื้อเยื่อของสัตว์ติดเชื้อ หลังจากผู้ป่วยติดเชื้อ 5-7 วันจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน มีไข้สูง ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บช่องท้อง ตาแดง มีผื่นขึ้น และท้องเสีย หากมีอาการรุนแรงอาจส่งผลต่ออวัยวะภายในต่าง ๆ เช่น สมอง หัวใจ ตับ ไต หรือปอดได้
ส่วนมากจะไม่พบการติดต่อจากคนสู่คนนัก แต่มีความเป็นไปได้ หากคุณแม่ท้องเป็นโรคฉี่หนู ลูกน้อยในครรภ์จะติดโรคนี้จนทำให้แท้ง หรือถ้าคลอดออกมาก็จะมีอาการป่วยเหมือนผู้ใหญ่
ประกันสังคมเชิญชวนคุณแม่ ใช้สิทธิป่วยรักษาฟรี
นายสุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม แนะนำว่า หากผู้ประกันตนเจ็บป่วยสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลตามสิทธิการรักษาพยาบาลที่เลือกไว้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินไม่สามารถเข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลตามสิทธิได้ สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดก่อน หลังจากนั้น ให้ญาติหรือผู้เกี่ยวข้องรีบแจ้งโรงพยาบาลตามสิทธิโดยด่วน เพื่อรับตัวไปรักษาต่อและรับผิดชอบค่าใช้จ่าย โดยนับตั้งแต่เวลาที่โรงพยาบาลได้รับแจ้งจนกว่าจะสิ้นสุด
ส่วนค่ารักษาที่เกิดขึ้นก่อนหน้า สำนักงานประกันสังคมจะรับผิดชอบที่เกิดขึ้นใน 3 วันแรก (72 ชั่วโมง) ไม่นับรวมวันหยุดราชการ ตามเกณฑ์และอัตราที่กำหนด
เมื่อคุณแม่เจ็บป่วย สามารถเดินทางไปยังโรงพยาบาลตามสิทธิของตนเอง เมื่อไปถึงเพียงยื่นบัตรประชาชนให้กับเจ้าหน้าที่ก็ได้สิทธิเข้ากับการรักษาในทันที โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หากไม่ทราบสามารถตรวจสอบโรงพยาบาลตามสิทธิ ป่วยรักษาฟรี ได้ที่ Call center 1506 หรือผ่านระบบ SSO E-SERVICE ตามลิงค์นี้ https://www.sso.go.th/wpr/main
กรณีที่เจ็บป่วยฉุกเฉินสามารถเข้ารับการรักษาตามสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุด หลังจากนั้นให้รีบโทรแจ้งโรงพยาบาลตามสิทธิ์เพื่อรับตัวไปรักษาต่อจนหาย ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ คุณแม่ต้องสำรองจ่ายล่วงหน้าแล้วยื่นเรื่องเบิกสิทธิ ป่วยรักษาฟรี กับสำนักงานประกันสังคมที่ตนสังเกตภายหลัง ใช้ได้ทั้งกรณีเป็นผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.sso.go.th/hospital/content.jsp?lang=th&cat=868&id=3645)
**กรณีเจ็บป่วยหรือประสบอันตรายฉุกเฉินผู้ประกันตนสามารถขอรับค่าบริการทางการแพทย์ได้โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง**
วิธีการเบิกสิทธิประโยชน์กรณีฉุกเฉิน
- ทดรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลไปก่อน
- ขอใบรับรองแพทย์ระบุเหตุผลของการฉุกเฉินหรือมีการเจ็บป่วยฉุกเฉิน/อุบัติเหตุ ถึงอาการที่เกิดขึ้นว่ามีอย่างไรบ้าง
- ขอใบเสร็จรับเงินแสดงค่าใช้จ่าย โดยละเอียดเบิกคืนได้กับสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขา ตามอัตราที่ประกาศได้ทุกแห่งทั่วประเทศ
แม้วันนี้ หน้าที่สำคัญของแม่ทุกคนคือการดูแลลูกอย่างดี แต่ต้องไม่ลืมดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจของตัวเองให้แข็งแรงด้วย เพราะเมื่อลูกน้อยยังเป็นรอยยิ้มหวานๆ ของแม่ เขาก็พร้อมจะมีความสุขตามไปด้วย แต่ถ้าเลี่ยงจะป่วยไม่ได้ อย่างน้อยสวัสดิการสังคมก็ช่วยให้อุ่นใจได้ว่ายังมีคนดูแลคุณแม่อยู่เสมอ
บทความน่าสนใจอื่นๆ
3 โรคที่แม่ป่วย ต้องระวัง อยู่กับลูกอย่างไรไม่ให้ลูกติดเชื้อ
ดูแลตัวเองหลังคลอด ไม่มากพอนอนน้อย อาจป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง
3 โรคนี้เป็นแล้ว! หยุด ให้นมลูก ทันที พร้อมรู้อีก 7 โรค! ไม่ต้องหยุดให้นม
ขอบคุณข้อมูลจาก
www.khaosod.co.th , www.honestdocs.co.th,www.sso.go.th, www.pobpad.com
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่