AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ไข้ดำแดง คืออะไร น่ากลัวแค่ไหน พ่อแม่ต้องรู้

ไข้ดำแดง …เป็นโรคที่ไม่พบง่ายนัก ส่วนใหญ่มักเกิดในกลุ่มเด็กนักเรียน แต่ก็ไม่ใช่โรคใหม่แต่อย่างใด ซึ่งเมื่อต้นปีพบมีผู้ป่วยกว่า 200 ราย ส่วนใหญ่อายุ 1-14 ปี โดยกรมควบคุมโรคแนะนำ วิธีสังเกตอาการ หากลูกมีผื่นคล้ายกระดาษทรายใช่โรคดำแดง แน่นอน

นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า โรคนี้เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ชื่อ “Group A” hemolytic streptococci ก่อให้เกิดโรคหลายชนิด เช่น คออักเสบ โรคติดเชื้อทางผิวหนัง เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค สถานการณ์ของโรคไข้ดำแดงในปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค.-16 ก.พ.2560 มีผู้ป่วยแล้ว 243 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ในจำนวนผู้ป่วยทั้งหมดเป็นเด็กช่วงอายุ 1-14 ปี ถึง 224 ราย หรือร้อยละ 92 ส่วนในปี 2559 ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยทั้งสิ้น 1,527 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิตเช่นกัน

ไข้ดำแดง คืออะไร น่ากลัวแค่ไหน พ่อแม่ต้องรู้

ไข้ดำแดง (Scarlet fever) หรือชื่อโบราณ คือ Scarlatina ซึ่งคนไทยสมัยก่อนเรียกกันว่า “โรคไข้อีดำอีแดง” เป็นโรคติดต่อเฉียบพลัน อาการจะปรากฏหลังจากผู้เป็นได้สัมผัสกับ “พาหะ” หรือผู้ป่วย 1 -10 วัน ซึ่งโรคนี้จะเป็นอยู่นาน 3 สัปดาห์

โรคไข้ดำแดงเกิดจากเชื้อ “Group A” hemolytic streptococci ซึ่งเป็นเชื้อเดียวกันที่ทำให้เกิดโรค “คออักเสบ” ตำแหน่งที่มีการติดเชื้อในโรคไข้ดำแดงที่สำคัญคือ เยื่ออ่อนของกระบอกเสียง ซึ่งเป็นที่ขับพิษของเชื้อที่อาจเป็นอันตรายต่ออวัยวะอื่น ๆ ของร่างกาย

อาการของเด็กที่ป่วยเป็น ไข้ดำแดง

ไข้ดำแดง เป็นการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจตอนบน ร่วมกับการออกผื่นของผิวหนัง จากเชื้อ “Group A” hemolytic streptococci  ในผู้ป่วยที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อชนิดนี้

โดยผื่นที่เกิดจากโรคนี้ จะขึ้นภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังเริ่มมีไข้ แต่อาจพบผื่นเป็นอาการแรกก็ได้ ผื่นชอบขึ้นบริเวณรอบคอ แล้วกระจายไปทั่วตัวและแขนขา ลักษณะของผื่น เป็นเม็ดหยาบ ๆ คล้ายกับกระดาษทราย ลักษณะของผื่นเป็นตุ่มเล็ก ๆ มองคล้ายหนังห่าน ผื่นมักไม่ขึ้นที่ใบหน้า แต่อาจพบลักษณะแก้มแดง และรอบปากซีด และที่ข้อพับต่าง ๆ เช่น ข้อศอก รักแร้ หรือขาหนีบตรงรอยข้อพับ จะดูมีสีเข้มมากขึ้นกว่าสีผิวในบริเวณอื่น ๆ

ผื่นจะขึ้นอยู่ 3-4 วัน หลังจากนั้นจึงเริ่มลอกเป็นขุยหรือเป็นแผ่น เริ่มลอกจากใบหน้า ลำคอ ลงมาเรื่อยๆ ต่อจากนั้น จึงเห็น มือ เท้า ปลายมือ ปลายเท้า และเล็บ ลอกตามมา

และเมื่อตรวจในลำคอ จะพบว่ามีคออักเสบร่วมด้วย ที่ลิ้นและต่อมรับรสบนลิ้น จะเห็นชัดเจนโดยเฉพาะบริเวณปลายลิ้นจะนูนแดง เมื่อผิวลอกแล้ว มักเห็นว่าที่ลิ้นตรงปลายเป็นลักษณะคล้ายผิวของสตรอเบอร์รี่ (Strawberry tongue)

อ่านต่อ >> การติดต่อของโรคไข้ดำแดงและวิธีการรักษา” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

การติดต่อของโรคไข้ดำแดง

เมื่อเชื้อโรคเข้าสู่คนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่งทางอากาศหรือโดย ละอองน้ำมูก น้ำลายของผู้เป็นโรค และอาจแพร่สู่ผู้อื่นได้ตั้งแต่วันแรกที่อาการปรากฏ หรือหลังจากที่หายจากโรคไปแล้วเป็นเดือน บางคนเป็นพาหะนำโรคโดยที่ตนเองไม่เป็นโรคเลยก็ได้

ซึ่ง ผื่น ของโรคไข้ดำแดง จะเริ่มตรงทรวงอกและหลังส่วนบน ต่อมาที่หลังส่วนล่าง แขน หน้าท้อง และขา ส่วนมากผื่นจะไม่ขึ้นที่ใบหน้า แต่ใบหน้าจะแดง ยกเว้นรอบๆ ริมฝีปากจะเป็นสีขาวซีด ผื่นสีแดงจะกลายเป็นซีดเมื่อใช้นิ้วกด ส่วนใหญ่พบผื่นเป็นตุ่มพุพองเล็ก ๆ เมื่อผื่นค่อย ๆ หายไปผิวหนังก็จะเริ่มลอก

และในต่อมน้ำเหลืองที่คอโตมากบางครั้งพบว่าเป็นฝีโรคแทรกซ้อน ที่พบบ่อยในเด็กที่ไม่ได้รับการรักษาได้แก่ โพรงจมูกอักเสบ หูตอนกลางอักเสบ ปุ่มกกหูอักเสบ  หรือโรคแทรกซ้อนร้ายแรงได้แก่ ไขข้ออักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบหัวใจและไตถูกทำลายความรุนแรงของโรคลดน้อยลงมาก จึงทำให้อันตรายตายลดลงด้วย

ใครเสี่ยงต่อการเกิดโรคไข้อีดำอีแดงบ้าง?

เมื่อไรที่ควรพาลูกพบแพทย์

1. มีอาการไข้ เจ็บคอ โดยเฉพาะเมื่อมีผิวหนังขึ้นผื่นร่วมด้วย
2. เมื่อได้การรักษาแล้ว กลับเกิดอาการข้างเคียงแทรกซ้อนตามมา เช่น ต่อมน้ำเหลืองที่บริเวณลำคอโตขึ้น เจ็บ และปวดหู หรือ กลับมามีไข้อีก ไอ หายใจเร็ว (ซึ่งเป็นอาการของโรคปอดบวม)
3. เมื่อมีอาการ เหนื่อยง่าย ปวดข้อ มีตุ่ม หรือก้อน ขึ้นใต้ผิวหนัง หรือมีลักษณะคล้ายลมพิษขึ้น (เป็นอาการของโรคไข้รูมาติก)
4. มีอาการบวม ปัสสาวะมีสีแดง/สีเลือด (มีเลือดปน) ซึ่งเป็นอาการของไตอักเสบ

วิธีการรักษาโรคไข้ดำแดง

การติดเชื้อ Group A hemolytic streptococci เป็นโรคที่ต้องให้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการเกิดโรคไข้รูมาติกเฉียบพลัน และเพื่อทำให้อาการของผู้ป่วยหายเร็วขึ้น อีกทั้งป้องกันการติดเชื้อระบาดไปสู่ผู้อื่น

ในเด็กที่มีอาการของโรคไข้ดำแดง ชัดเจนนั้น คถณหมอควรให้ยาปฏิชีวนะทันที แต่สำหรับผู้ที่อาการไม่ชัดเจน ต้องรอผลเพาะเชื้อจากสารคัดหลั่งในลำคอ หรือผลการตรวจแอนติเจน/สารก่อภูมิต้านทานสำหรับเชื้อ Group A hemolytic streptococci นี้ก่อน ส่วนการหาสารภูมิต้านทาน หรือ แอนติบอดี้ นั้นจะต้องใช้เวลานาน เพราะแอนติบอดี้ จะขึ้นในเลือดจนมีปริมาณเพียงพอให้ตรวจพบได้ ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งที่ร่างกายจะตอบสนองต่อการติดเชื้อ และต้องตรวจ 2 ครั้งห่างกันประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้แน่ใจว่า แอนติบอดี้ครั้งที่ 2 ขึ้นจากการติดเชื้อครั้งใหม่ เนื่องจากการติดเชื้อครั้งก่อนๆ อาจทำให้มีแอนติบอดี้ขึ้นได้ระดับหนึ่ง และยังคงระดับสูงกว่าปกติอยู่นาน

ในผู้ป่วยที่รักษาได้ยาปฏิชีวนะครบ 10 วัน และอาการต่างๆของเด็กกลับเป็นปกติดีแล้ว ไม่ต้องมีการติดตามผลรักษา ยกเว้นเมื่อมีภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียงตามมา แต่หากเด็กยังมีอาการผิดปกติต่อเนื่อง หรือกลับมามีอาการผิดปกติอีก คุณพ่อคุณแม่จึงควรต้องรีบนำเด็กกลับมาพบแพทย์ทันที

อ่านต่อ >> “วิธีการป้องกันโรคไข้ดำแดง” คลิกหน้า 3

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ภาวะแทรกซ้อนของไข้ดำแดง

สำหรับโรคไข้ดำแดง เชื้ออาจลุกลามไปยังบริเวณใกล้เคียงทำให้หูชั้นกลางอักเสบ ต่อมน้ำเหลืองที่คออักเสบ จมูกอักเสบ ไซนัสอักเสบ ฝีทอนซิล ปอดอักเสบ และเชื้ออาจแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ข้ออักเสบชนิดติดเชื้อเฉียบพลัน กระดูกอักเสบ นอกจากนี้ยังมีโรคแทรกซ้อนที่สำคัญ คือ ไข้รูมาติก และหน่วยไตอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งมักจะเกิดหลังต่อมทอนซิลอักเสบประมาณ 1-4 สัปดาห์ ซึ่งการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะเป็นเวลา 10 วัน จะช่วยลดการเกิดของภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ได้

หลังจากไข้อีดำอีแดงหายไปประมาณ 1-2 เดือน อาจมีโรคไตหรือโรคไข้รูมาติกตามมาได้

วิธีป้องกันไข้ดำแดง

เนื่องจากยังไม่มีวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อสเตรปโตค็อกคัสกลุ่มเอ การป้องกันการติดเชื้อจึงสามารถทำได้โดยการปฏิบัติตามแนวทางป้องกันโรคติดเชื้อผ่านการสัมผัสและฝุ่นละออง ดังนี้

ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันเชื้อ Group A hemolytic streptococci แต่กำลังศึกษาและพัฒนาวัคซีนอยู่ ทั้งนี้โรคไข้ดำแดง มีอาการคล้ายกับโรคอื่น ๆ อีกหลายโรค คือมีไข้และผื่น หากคุณแม่ไม่แน่ใจว่าลูกจะเป็นโรคนี้ หรือไม่ควรพามาพบกุมารแพทย์ที่โรงพยาบาล เพื่อทำการรักษาอย่างทันท่วงทีนะคะ

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก : http://healthmeplease.com , www.thaipost.net , www.thainannyclub.com , haamor.com