เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงบอกผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อตัวเองเกือบเอาชีวิตไม่รอด สาเหตุเพียงเพราะ ” ปวดประจำเดือน ” เรื่องราวจะเป็นอย่างไร พร้อมวิธีปฏิบัติตัวอย่างไรขณะมีประจำเดือนนั้น หาคำตอบได้ที่นี่!
หนึ่งในสมาชิกเฟซบุ๊กนามว่า Anittha Thiangthaisong ได้โพสต์เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงกับตัวเอง เพื่อเป็นการเตือนผู้หญิงทุก ๆ คนว่า ” ไม่ควรเครียดระหว่างมีประจำเดือน ” ว่า
มาแชร์ประสบการณ์ เจอกับตัวจริง ๆ ไม่ใช่เล่น ๆ เลยนะ
#ฝากเตือนชะนีที่อยู่ในช่วงสงครามหนูแดง
ปกติจะปวดท้องเมนส์ประจำแต่ครั้งนี้มันอันตรายที่สุด ซึ่งผู้หญิงส่วนใหญ่จะรู้ดีว่าเวลาเป็นประจำเดือนหรือเมนส์ มันทรมานแค่ไหน ยิ่งถ้ามีอาการปวดท้องด้วยแล้ว อารมณ์จะเหมือนเอาลูกนิมิตมาวางทับท้องเลยค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า วันนี้เราขับรถกลับบ้านคนเดียว ด้วยระยะทางที่ไกลจากโคราช-ชุมพวง ขับมาได้สัก 50 กม. เริ่มมีอาการปวดท้องเมนส์เป็นระยะ จนทนไม่ไหวเลยแวะปั๊มเพื่อจะทานยา
หลังจากนั้นก็นั่งพักผ่านไปเกือบ 15 นาที คือร่างกายไม่ไหวแล้ว หน้ามืด เท้าชา และมือชา มันชาจนโทรศัพท์ที่ถืออยู่หลุดมือแบบไม่รู้สึก เลยขอความช่วยเหลือจากคนแถวนั้น ขอให้เค้าซื้อยาดมมาให้ แต่ก็ไม่ดีขึ้น จนต้องล้มตัวลงนอนบนม้านั่งหน้าเซเว่น ความรู้สึกคือมันชาทั้งตัวและมีอาการปวดท้องมาก ตอนนั้นคือทุกอย่างมันมัวไปหมด หูอื้อ ตัวชา แล้วภาพก็ตัด รู้สึกตัวอีกทีคือมีคนอุ้มเรามาวางที่เบาะรถสองแถว มีน้าผู้หญิงคอยบีบมือ เอายาให้ดม ตอนนั้นเราหายใจฝืด ปวด เกร็งทั้งตัว แล้วพลเมืองดีก็พามาส่งที่อนามัย
เท่าที่จำได้คือมีหมอวิ่งขึ้นมาประคองตัว วัดความดัน บีบมือเราแล้วบอกให้เราหายใจลึก ๆ แล้วได้ยินเสียงหมอบอกว่า “ความดันต่ำมาก มีสภาวะ2โรคในเวลาเดียวกัน” จากที่ชาเริ่มจะช็อคละ เราหายใจเร็วขึ้น เกร็งมากขึ้น ปวดมากขึ้น จนหมอต้องให้น้ำเกลือ แล้วเราก็เบลอไม่รู้เรื่องอีก แล้วสักพักก็มีรถพยาบาลมารับตัวไปรักษาต่อที่ รพ. ช่วงเวลาที่เดินทางจากอนามัยตลาดแค มาที่ รพ . พิมาย จะได้ยินเสียงหมอเรียกเป็นระยะ เราก็ลืมตามาดูบ้าง แต่ก็หลับไปอีก ลืมตาอีกทีอยู่ รพ. แล้วจ้า ตอนนี้ลมหายใจขัดแล้ว หมอก็บอกให้เราหายใจช้า ๆ ลึก ๆ แต่เราทำไม่ได้ ยิ่งหายใจก็ยิ่งเกร็ง อาการปวดท้องเมนก็ยังอยู่ หายใจก็ไม่ค่อยออก ตัวก็เกร็ง ตอนนั้นภาพพ่อแม่ลอยมาละ เหนื่อยที่สุดในชีวิตก็วันนี้แหละ จะหลับก็กลัวว่าจะไม่ฟื้น คิดว่าจะตายเลยด้วยซ้ำ ความดันตอนนั้นต่ำบ้าง สูงบ้างไม่คงที่ ความหายใจไม่ออก เลยบอกน้าคนที่ช่วยไว้ว่า “เหนื่อย หายใจไม่ออก” น้าผู้หญิงก็ไปตามหมอ หมอก็เอาถุงใส่แกง มาครอบจมูก แล้วตัดปลายถุงนิดนึง ตอนแรกงงว่ามาครอบทำไม? หลังจากนั้นเราก็เหนื่อยไม่ไหวแล้ว หลับตาลงน้ำตาไหล สักพักได้ยินเสียงหมอบอกน้าผู้หญิงประมาณว่า “ออกซิเจนในปอดมีมากเกินไป ต้องให้น้องเอาก๊าซคาร์บอนฯเข้าปอดบ้างอาการชักเกร็งไม่มียารักษา ต้องรักษาด้วยการหายใจของตัวผู้ป่วย” ความรู้สึกตอนแรกอยากได้เครื่องช่วยหายใจมากกกก เพราะมันหายใจไม่ออก แต่พอได้ยินหมอพูดแบบนั้น เราถึงรู้ว่าต้องทำยังไง เริ่มหายใจช้า ๆ ลึก ๆ ตามที่หมอบอก
แต่กว่าจะจูนลมหายใจให้เป็นปกติมันทรมานเว่ออ ดิ้นไปดิ้นมา พยายามหายใจช้า ๆ แต่มันก็ยาก เหมือนมันใจจะขาด สักพักก็หลับค่ะ! มารู้สึกก็ตอนมีหยดน้ำในถุงที่ครอบจมูกมันหยดลงบนหน้า ความรู้สึกตอนนั้นคือ ไม่ตายแล้ว โล่งมากกกก+ เป็นปกติขั้นสุด อะไรที่เคยปวด อะไรที่เคยชา อะไรที่เคยเกร็งเป็นปกติหมดเลย สักพักพ่อแม่เราก็เดินมา อื้อหืออ…วินาทีนั้นอยากลุกไปกอด แต่ติดเข็มน้ำเกลือ! แล้วหมอก็มาบอกว่า “เกิดจากเรา เครียดระหว่างมีประจำเดือน มา ร่างกายมันเพลียกับการเสียเลือดประจำเดือนแล้ว บวกกับสภาวะเครียดทำให้เราปวดและเกร็งตามที่เห็น” #ถึงบางอ้อเลยค่ะ เพราะก่อนที่จะน็อคเราก็เครียดมาทั้งเดือนจริง ๆ
เจ้าของโพสต์ยังได้แนะนำถึงวิธีการปฏิบัติตัวในระหว่างที่ ปวดประจำเดือน เอาไว้ว่า
#แนะนำ1 เวลาปวดท้องเมนมาก ๆ พยายามหายใจช้า ๆ ลึก ๆ ร่างกายจะไม่ชักเกร็ง
#แนะนำ2 ถ้ามีอาการชักเกร็งหรือพบเห็นใครที่มีอาการแบบนี้ ให้เค้าหายใจลึก ๆ ใช้ถุงครอบจมูกไว้ ตัดมุมถุงให้มีรูเล็กน้อยเพื่อให้ร่างกายได้ก๊าซคาร์บอนฯบ้าง
#แนะนำ3 อย่าเครียดช่วงเมนส์มา! จริง ๆ แล้วไม่ต้องเครียดจะดีที่สุดนะจ้ะ
คลิกอ่านสาเหตุของการปวดประจำเดือนได้ที่นี่!
เครดิต: Anittha Thiangthaisong
สาเหตุของอาการ ปวดประจำเดือน
อาการปวดท้องประจำเดือน หรือปวดท้องเมนส์ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ซึ่งก็มีทั้งสาเหตุที่เป็นอันตรายและไม่เป็นอันตราย ดังนั้น เมื่อมีอาการปวดท้องในวันที่ประจำเดือนมาจึงไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะนั่นอาจเป็นเพราะสาเหตุของปัญหาสุขภาพดังต่อไปนี้
1. มดลูกหดตัวแรงกว่าปกติ โดยปกติแล้ว ในขณะมีประจำเดือน ผนังมดลูกจะสร้างสารชนิดหนึ่งขึ้นมาชื่อว่า พรอสตาแกลนดิน ซึ่งสารตัวนี้จะทำให้มดลูกมีการหดตัว ก่อให้เกิดอาการปวดท้องเบา ๆ แต่ถ้าหากสารพรอสตาแกลนดินมีปริมาณมากกว่าปกติ ก็จะก่อให้เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง และในบางรายก็อาจจะมีไข้ ที่เรียกกันว่าไข้ทับระดู แต่ทั้งนี้อาการปวดท้องประจำเดือนจากกรณีนี้ จะไม่เป็นอันตรายมากนัก เพียงแต่หากมีไข้สูงก็ควรทานยาลดไข้และดูแลตนเองให้มากขึ้นเท่านั้น
2. มีโรคร้ายแอบแฝง อาการปวดท้องประจำเดือน บางครั้งก็ไม่ใช่อาการปวดแบบธรรมดา แต่อาจเป็นอาการข้างเคียงจากภาวะแอบแฝง จำพวกโรคร้ายแรงต่าง ๆ เช่น ช็อกโกแลตชีส มะเร็งรังไข่ หรือการติดเชื้อต่าง ๆ ในช่องคลอด ซึ่งภาวะเหล่านี้จะส่งผลให้เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงมาก และอาจมีทำให้มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตกขาวมีกลิ่นเหม็น เลือดประจำเดือนมีสีแปลกไปจากปกติ และมีอาการคัน เป็นต้น โดยหากมีอาการแบบนี้ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
ปวดประจำเดือน แบบไหนถึงเรียกว่าปกติ
- ปวดประจำเดือนไม่มาก แค่พอรำคาญ
- ปวดแบบทนได้ ไม่ถึงกับต้องรับประทานยาแก้ปวดใด ๆ
- เกิดขึ้นแค่ 1 – 2 วันแรกของการที่ประจำเดือนมา แต่หลังจากนั้นก็หายเป็นปกติ
- ปวดประจำเดือนทุกครั้งที่มา แต่พอหลังจากที่ทานยาแล้วก็ดีขึ้นจนสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ
อ่านปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการปวดประจำเดือนพร้อมวิธีแก้ปวดได้ที่หน้าถัดไป
อะไรคือปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ ปวดประจำเดือน?
- การที่มีประจำเดือนเร็ว ยกตัวอย่างเช่น การมีประจำเดือนครั้งแรกเมื่ออายุน้อยกว่า 12 ปี
- การไม่มีบุตร ทำให้รังไข่ต้องทำงานตลอดเวลาและมีรอบประจำเดือนมากกว่าคนที่มีลูก ซึ่งจะได้หยุดพักการมีประจำเดือนไปในช่วงตั้งครรภ์ไปจนถึงหลังคลอดอีกสักระยะหนึ่ง
- ประจำเดือนมามากและนาน
- การใส่ห่วงอนามัย
- การสูบบุหรี่
- ความอ้วน
- การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
- การมีเนื้องอกมดลูก
วิธีแก้ ปวดประจำเดือน
- ประคบร้อนด้วยกระเป๋าน้ำร้อนหรือถุงน้ำร้อน เพราะความร้อนมีคุณสมบัติทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย การเอากระเป๋าหรือถุงน้ำร้อนวางบริเวณที่ปวด ก็จะสามาระช่วยบรรเทาอาการลงได้เป็นอย่างดี
- ดื่มน้ำอุ่นให้มาก การดื่มน้ำมาก ๆ ในขณะที่มีประจำเดือนนั้น สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังส่งผลทำให้ตับสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถควบคุมปริมาณของฮอร์โมนเอสโตรเจนให้อยู่ในระดับปกติได้ แต่ทั้งนี้ ต้องดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำที่อุณหภูมิห้องเท่านั้นนะคะ เพราะถ้าขืนดื่มน้ำเย็นเข้าไปละก็ จะยิ่งทำให้เลือดจับตัวกันเป็นก้อนและขับถ่ายออกมาได้ยาก และยิ่งส่งผลให้อาการปวดรุนแรงขึ้น
- รับประทานยาแก้ปวด
- นอนตะแคงข้าง จะนอนตะแคงด้านไหนนั้นขึ้นอยู่กับระดับมดลูกของแต่ละบุคคลด้วยนะคะ ดังนั้น เวลาปวด ลองนอนตะแคงดูทั้งสองข้างค่ะ แล้วสังเกตดูว่านอนข้างไหนแล้วรู้สึกว่าอาการปวดน้อยลง ก็ให้นอนตะแคงด้านนั้น
นอกจากที่กล่าวไปแล้วในข้างต้นถึงวิธีแก้ปวดประจำเดือนนั้น ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่จะไม่ทำให้อาการปวดนั้นแย่ลงก็คือ การทำจิดใจให้สบาย ไม่หงุดหงิด และที่สำคัญต้องไม่เครียดด้วยนะคะ มิเช่นนั้น อาจจะส่งผลให้เกิดอาการเกร็งเช่นเดียวกับเจ้าของโพสต์ได้
เครดิต: Honestdocs และ Medthai
อ่านเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่