AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ไขข้อสงสัย! ใส่ผ้าอนามัยนานๆ เสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูกจริงหรือ?

คุณแม่ๆ และคุณผู้หญิงหลายคนอาจเคยได้ยินว่า หาก ใส่ผ้าอนามัยนาน ๆ จะทำให้เป็นมะเร็งปากมดลูกได้ ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นจริงหรือไม่ Amarin Baby & Kids มีคำตอบมาฝากค่ะ

ก่อนหน้านี้ผู้เขียนเคยเห็นบทความที่แชร์ต่อๆ กันในโลกอินเตอร์เน็ตว่า ในช่วงที่ผู้หญิงกำลังมีประจำเดือน หากไม่เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ เลือดเป็นอาหารของเชื้อแบคทีเรีย อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกได้ อย่างไรก็ตาม ข้อความดังกล่าวเป็นจริงหรือไม่ ไปหาคำตอบจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กันค่ะ

มะเร็งปากมดลูก เกิดจากอะไร?

อันดับแรก คุณแม่ๆ และคุณผู้หญิงควรรู้ก่อนว่าสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดมะเร็งปากมดลูกนั้นว่าจากอะไร ซึ่ง มะเร็งปากมดลูก เกิดจากการติดเชื้อ HPV (Human Papilloma Virus) และส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดมาจากเพศสัมพันธ์ ผ่านการสัมผัสผิว หรือเยื่อบุของอวัยวะเพศ หรือการที่ปากมดลูกมีรอยถลอก หรือแผลที่ทำให้เชื้อเข้าไปได้

ปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อ HPV ที่ก่อโรคมะเร็งปากมดลูก

นอกจากการติดเชื้อ HPV แล้ว ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ได้แก่

Good mom know : มะเร็งปากมดลูกนั้นมีสาเหตุสำคัญมาจากการติดเชื้อไวรัส 99.7% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งจะตรวจพบไวรัสชนิดหนึ่งที่เรียกว่า เอชพีวี (Human Papillomavirus) 

วิธีป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก

สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ตามสถานพยาบาล หรือโรงพยาบาลต่างๆ แม้จะป้องกันได้ไม่ 100 % แต่ก็เป็นหนทางหนึ่งที่ดีสำหรับการป้องกันในขณะนี้

⇒ Must read : แพทย์แนะหญิงไทย ตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก ทุกสามปี
 ⇒ Must read : ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกฟรี! ปี 2560 นี้
 ⇒ Must read : 10 สัญญาณเตือน มะเร็งปากมดลูก

อ่านต่อ >> “ข้อสรุป ใส่ผ้าอนามัยนาน เสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูกจริงหรือ?” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 


ซึ่งเรื่องความเชื่อที่ว่าใส่ผ้าอนามัยแผ่นเดิมเป็นเวลานาน ๆ โดยไม่เปลี่ยนแผ่นใหม่แล้วจะทำให้เป็นโรคมะเร็งปากมดลูกนั้น เป็นความเชื่อที่ผิดโดยสิ้นเชิง…

เพราะจริง ๆ แล้วสาเหตุการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกนั้นไม่ได้เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งแพทย์หญิงธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล ได้อธิบายถึงเรื่องดังกล่าวใน ทวิตเตอร์ @thidakarn ไว้ว่า การใส่ผ้าอนามัยนานเกินไปจะทำให้เชื้อแบคทีเรียเพิ่มมากขึ้น และทำให้เกิดการติดเชื้อได้ แต่ไม่ได้ก่อให้เกิดโรคมะเร็งแต่อย่างใด

นอกจากนี้จากการตรวจสอบก็ยังไม่พบว่ามีงานวิจัยใดออกมาระบุชัด ๆ ว่าการใส่ผ้าอนามัยนานเกินไป จะทำให้เป็นโรคมะเร็งปากมดลูก ทั้งนี้ก็เป็นเพราะว่าโรคมะเร็งปากมดลูก มีสาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส HPV ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น จึงไม่เกี่ยวกับการใส่ผ้าอนามัยนานเกินไป

จะเกิดอะไรขึ้น? หากใส่ผ้าอนามัยเป็นเวลานานโดยไม่ได้เปลี่ยน!

อย่างไรก็ตาม ได้ยินแบบนี้แล้วก็อย่าเพิ่งโล่งอกเสียทีเดียว เพราะหากสาว ๆ ใส่ผ้าอนามัยแผ่นเดิมนานเกินไปโดยไม่เปลี่ยน ก็ยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเกิดเชื้อราในร่มผ้า และอาจเกิดอาการเหล่านี้ตามมาได้

√ วิธีใช้ผ้าอนามัยที่ถูกต้อง

ได้ทราบถึงอันตรายของการใส่ผ้าอนามัยนาน ๆ กันไปแล้ว คราวนี้เรามาลองทบทวนเรื่องการใช้ผ้าอนามัยที่ถูกต้องกันดีกว่า เพราะการใช้ผ้าอนามัยอย่างถูกวิธีไม่เพียงแค่ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ แต่ยังช่วยทำให้คุณสาว ๆ รู้สึกมั่นใจมากขึ้นอีกด้วย โดยวิธีใช้ผ้าอนามัยที่ถูกต้องมีดังนี้

1. เปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 6 ชั่วโมง 

ในช่วงเป็นประจำเดือน จุดซ่อนเร้นของคุณสาว ๆ จะมีความอับชื้นมากเป็นพิเศษ และก่อให้เกิดการหมักหมมของเชื้อโรค ดังนั้นในช่วงเป็นประจำเดือนควรเปลี่ยนผ้าอนามัยอย่างน้อยทุก ๆ 6 ชั่วโมง หรือถ้าประจำเดือนมากก็ควรจะเปลี่ยนให้ถี่ขึ้น เพื่อไม่ได้เกิดการสะสมของเชื้อโรคมากจนเกินไปค่ะ

2. เลือกผ้าอนามัยให้เหมาะกับตัวเอง

สาว ๆ แต่ละคนต่างก็มีปริมาณประจำเดือนที่ต่างกัน บางคนมามาก บางคนมาน้อย หรือบางคนอาจจะมามากแค่ในช่วงแรก ดังนั้นจึงควรเลือกผ้าอนามัยที่เหมาะกับตัวเอง เพื่อที่จะได้ไม่พบกับปัญหาซึมเปื้อน

อ่านต่อ >> วิธีใช้ผ้าอนามัยที่ถูกต้อง” คลิกหน้า 3

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 


หลักการเลือกซื้อ “ผ้าอนามัย” อย่างปลอดภัย

3. หากมีปัญหาผดผื่นที่อวัยวะเพศควรรีบรักษา

ปัญหาผดผื่นที่เกิดจากผ้าอนามัยเป็นเรื่องที่สาว ๆ พบได้บ่อยที่สุด ซึ่งบ้างก็เกิดจากการแพ้ผ้าอนามัย หรือเกิดจากการหมักหมมของเชื้อโรค ดังนั้นถ้าหากมีผดผื่นขึ้น ควรรีบรักษาด้วยการทาครีมแอนตี้เซปติกเพื่อให้ผดผื่นลดลง นอกจากนี้หากเกิดจากการแพ้ผ้าอนามัยก็ควรเปลี่ยนยี่ห้อค่ะ หรือถ้าเกิดจากเชื้อแบคทีเรียก็ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ ค่ะ

“ผ้าอนามัยมีสารต่างๆ ที่เราอาจจะแพ้ได้เยอะ ทั้งแถบกาว ซึ่งเป็นสิ่งที่คนแพ้ได้บ่อย อีกทั้งผ้าอนามัย ยังจะต้องผ่านกระบวนการทำให้สีของผ้าอนามัยเป็นสีขาว ดูสะอาดตา ซึ่งมันก็ต้องใช้สารเคมีในการกัดให้มันเป็นสีขาว และบางชนิดก็จะมีน้ำหอมใส่เข้าไปอีก เพื่อให้ผ้าอนามัยมีกลิ่นหอม ซึ่งตรงนั้นก็อาจจะทำให้เกิดการแพ้น้ำหอมได้อีก”

ซึ่งคุณหมอได้ให้แนวทางในการหลีกเลี่ยงและป้องกันไม่ให้เกิดผื่นคันใกล้น้องหนูมาด้วย โดยการเลี่ยงเปลี่ยนยี่ห้อผ้าอนามัย-งดขัดถูเกินควร ป้องกันผื่นลุกลาม  “จุดสงวน”

4. ห่อผ้าอนามัยที่ใช้แล้วและทิ้งในถังขยะที่มิดชิด

ผ้าอนามัยที่ใช้แล้วเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคชั้นดี  อีกทั้งยังทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ง่าย ดังนั้นทุกครั้งที่คุณผู้หญิงเปลี่ยนผ้าอนามัยไม่ควรทิ้งลงในชักโครก หรือทิ้งโดยไม่ได้ห่อให้มิดชิด ควรหากระดาษมาห่อให้เรียบร้อยและทิ้งในถังขยะที่มิดชิด เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจาย

5. พกผ้าอนามัยติดตัวไว้เสมอ

ไม่ว่าจะเป็นประจำเดือนหรือไม่ การพกผ้าอนามัยไว้ก่อนก็ถือว่าเป็นวิธีที่ควรทำอย่างยิ่ง โดยเฉพาะช่วงที่เป็นประจำเดือน ยิ่งควรพกผ้าอนามัยไว้ให้เพียงพอต่อการเปลี่ยนในแต่ละวัน เพื่อสุขอนามัยที่ดีค่ะ

ได้ทราบถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใส่ผ้าอนามัย แถมยังได้เห็นถึงอันตรายจากการสวมใส่ผ้าอนามัยนาน ๆ แบบนี้แล้ว คงจะพอทำให้คุณสาว ๆ หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพจุดซ่อนเร้นกันมากขึ้นนะคะ เพราะปัญหาสุขภาพจากจุดซ่อนเร้นไม่ได้มีแค่เพียงมะเร็งปากมดลูก แต่ยังมีโรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ที่อันตรายอีกมากมาย  ป้องกันไว้ก่อนย่อมดีกว่ามาตามแก้ทีหลังนะคะ

♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦

ดังนั้นสรุปได้ว่า การไม่เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ หรือ ใส่ผ้าอนามัยนาน ๆ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกเลย  เพียงแต่การใช้ผ้าอนามัยแผ่นเดียวซ้ำไปทั้งวัน ก็อาจทำให้เกิดการอับชื้น ไม่สะอาดเท่าที่ควร ดังนั้นเราจึงควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกๆ 4-6 ชั่วโมง หรือตามปริมาณประจำเดือนที่มี ในวันมามากอาจจะเปลี่ยนบ่อยกว่าวันที่กำลังจะหมด

โดยเฉพาะกับผ้าอนามัยแบบสอดต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ อาจเกิดอาการเป็นพิษ เนื่องจากได้รับสารพิษจากเชื้อแบคทีเรียพวกสตาฟีโลคอคคัส ทำให้เกิดอากาศปวดศีรษะ มีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เรียกกลุ่มอาการนี้ว่า ทอกซิค ชอคซินโดรม และเมื่อเกิดอาการผิดปกติเช่น แพ้ คัน หรือเกิดการระคายเคือง ควรเปลี่ยนใช้ยี่ห้ออื่น

และควรทำความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้นให้ดีอยู่เสมอ และใครที่ใช้ผ้าอนามัยแบบสอด ควรตัดเล็บให้สั้น ตะไบเล็บไม่ให้คม เพื่อหลีกเลี่ยงรอยขีดข่วนที่จุดซ่อนเร้นขณะใส่ และไม่ควรใส่ขณะนอนหลับ

อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!


ขอขอบคุณข้อมูลจาก ทวิตเตอร์ @thidakarn , ศูนย์ข้อมูลวัตถุอันตราย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ , health.kapook.com , www.sanook.com , www.vcharkarn.com