ปัจจุบันโรคมะเร็งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของผู้หญิงไทย ซึ่งโรคมะเร็ง 5 อันดับแรกของผู้หญิงไทย จากรายงานของกระทรวงสาธารณสุขในปี พ.ศ. 2552 คือ มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งตับ มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ใหญ่ เพราะฉะนั้น คุณแม่ต้องหมั่นสังเกต สัญญาณเตือนโรคมะเร็ง เหล่านี้
บางคนก็ยังมีความเข้าใจผิดว่ามะเร็งเป็นโรคของคนแก่หรือคนสูงวัย ในความเป็นจริงมะเร็งหลายชนิดเริ่มพบในวัยหนุ่มสาวและวัยทำงานแล้ว เช่น มะเร็งเต้านมและมะเร็งปาดมดลูก โดยคนมักเข้าใจผิดว่ามะเร็งเป็นโรคที่รักษาไม่หาย
ซึ่งที่จริงแล้ว มะเร็งหลายชนิดรู้สาเหตุชัดเจน หรือตรวจหาเจอตั้งแต่ระยะก่อตัวหรือระยะเริ่มแรก จะสามารถหาวิธีป้องกันและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทั้งการดำเนินชีวิตและการบริโภคเพื่อลดความเสี่ยง ผู้หญิงอายุ 20 ปีขึ้นไปควรตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตัวเอง อายุ 35 ปีขึ้นไป ควรตรวจแมมโมแกรมทุก ๆ 2 ปี และสำหรับผู้หญิงอายุ 21 ปีขึ้นไป ควรมาตรวจภายในทุกปี และ 19 สัญญาณเตือนต่อไปนี้ คุณแม่ๆไม่ควรมองข้าม เพราะอาจเป็นอาการบ่งบอกว่ากำลังเผชิญหน้ากับโรคมะเร็งอยู่หรือไม่ … สำหรับอาการบ่งชี้ของโรคมะเร็ง 19 ชนิด มีดังนี้
19 สัญญาณเตือนโรคมะเร็ง ที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม
1. มะเร็งปากมดลูก
โดยทั่วไปในระยะแรก มะเร็งปากมดลูกจะไม่ปรากฏอาการใดๆ แต่ในระยะต่อมาผู้ป่วยจะพบตกขาวหรือมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด และการตรวจพบแผลหรือก้อนที่ปากมดลูก โดยลักษณะการมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด เช่น เลือดออกระหว่างรอบเดือน เลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หรือมีเลือดประจำเดือนมากหรือนานกว่าปกติ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ
2. มะเร็งเต้านม
อาการของมะเร็งเต้านม ได้แก่ ขนาดเต้านมใหญ่ขึ้น บวม แดง หรือเจ็บ เต้านมแข็ง หดตัวเล็ก หรือแบน ลงได้ หัวนมบุ๋มเข้าไป หรือสังเกตเห็นหัวนมผิดปกติ จู่ๆ ก็เริ่มบอด แบน หรือเบี้ยวไปด้านข้าง มีอาการคัน ผิวลอกเป็นแผ่น หรือแตกเป็นสะเก็ด ผิวหนังบริเวณเต้านมมีลักษณะ หยาบ ขรุขระ หรือรอยบุ๋ม มีน้ำเหลืองหรือเลือดไหลซึมออกมาจากหัวนม คลำพบก้อนที่รักแร้ หรือไหปลาร้า มีแผลที่ผิวหนังของเต้านม และมีแผลเรื้อรังที่หัวนม แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มาพบแพทย์ เมื่อคลำพบก้อนในเต้านมแล้ว
3. มะเร็งตับ
สัญญาณมะเร็งตับ ผู้ป่วยจะมีอาการเบื่ออาหาร ท้องอืด จุกเสียด ท้องผูก ปวดแน่นท้องบริเวณด้านขวาหรือบริเวณลิ้นปี่หรืออาจปวดร้าวไปที่หัวไหล่ขวา อ่อนเพลีย น้ำหนักลด และมีไข้ต่ำๆ ผื่นคันตามมือเท้าและที่ผิวหนัง รวมถึงมีอาการปวดหลังหรือบั้นเอวด้านขวา หรือเสียดชายโครงด้านขวา อาจปวดร้าวไปที่ไหล่หรือลำตัวซีกขวา อาจคลำพบก้อนในท้องใต้ชายโครงขวาหรือลิ้นปี่ มีอาการท้องมวน ท้องโต บวมบริเวณขาทั้ง 2 ข้าง ตัวเหลือง ตาเหลือง และปัสสาวะสีเหลือง
4. มะเร็งปอด
ในระยะแรกไม่มีอาการผิดปกติอะไรเลย เมื่อก้อนมะเร็งโตขึ้นจนไปกดหลอดลมหรือลุกลามไปสู่อวัยวะอื่น จะมีอาการหายใจมีเสียงหวีดหรือหายใจไม่ทัน ไอเรื้อรังเกิน 3-4 สัปดาห์ ไอมีเลือดออก เจ็บหน้าอก หอบเหนื่อย มีหน้าบวม แขนบวม เจ็บหน้าอกและหัวไหล่ น้ำหนักลด เบื่ออาหาร รวมถึงมีอาการบวมที่ใบหน้า ผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดบางรายมีอาการบวมหรือแดงที่ใบหน้า ซึ่งเป็นเพราะมะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก มักจะไปกดเส้นเลือดแดงในหน้าอก ทำให้เลือดไหลเวียนจากศีรษะและใบหน้าไม่สะดวก
5. มะเร็งช่องปาก
มีอาการเป็นฝ้าขาว ฝ้าแดง ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงเป็นมะเร็งได้ในภายหลัง เป็นตุ่มก้อนในปากที่โตขึ้นเรื่อยๆ มีก้อนที่คอ เป็นแผลเรื้อรังที่รักษาไม่หายภายใน 3 สัปดาห์ ฟันโยก ฟันหลุดเนื่องมาจากเนื้องอก ใส่ฟันปลอมที่เคยใช้ไม่ได้
6. มะเร็งโพรงหลังจมูก
มีอาการหูอื้อ ก้อนที่คอ คัดจมูก เลือดกำเดา ปวดศีรษะ หน้าชา มองเห็นภาพซ้อน
อ่านต่อ >> สัญญาณเตือนโรคมะเร็ง ที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม ข้อที่ 7-14 คลิกหน้า 2
7. มะเร็งกล่องเสียง
อาการคือเสียงแหบ เสียงเปลี่ยน กลืนอาหารลำบาก สำลัก เสมหะปนเลือด หายใจลำบาก และมีก้อนที่คอ แต่ยกเว้นการกลืนลำบาก แม้อาการนี้จะสัมพันธ์กับมะเร็งในหลอดอาหารหรือลำคอที่สุด แต่บางครั้งอาการกลืนอาหารลำบากก็เป็นสัญญาณแรกของมะเร็งปอดได้เช่นกัน
8. มะเร็งต่อมธัยรอยด์
อาการคือเนื้องอกต่อมธัยรอยด์หรือคอพอกที่โตขึ้นเร็ว ผู้ป่วยที่มีเนื้องอกต่อมธัยรอยด์ร่วมกับมีเสียงแหบและกลืนสำลัก มีต่อมน้ำเหลืองที่คอโต
9. มะเร็งถุงน้ำดีและท่อน้ำดี
มักมีอาการเหมือนถุงน้ำดีอักเสบ คือ เจ็บปวดชายโครงขวา ถุงน้ำดีโต ท้องอืด ปวดท้อง น้ำหนักลด มีไข้ หรือเป็นดีซ่าน อาการของมะเร็งท่อน้ำดีมักทำให้เกิดอาการของดีซ่าน มีไข้ ปวดท้อง
10. มะเร็งตับอ่อน
จะมีอาการแล้วแต่ตำแหน่งของมะเร็งที่พบว่า อยู่ส่วนใดของตับอ่อน มะเร็งจะพบมากที่ส่วนหัวของตับอ่อน ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการของตัวเหลือง ตาเหลือง จากการ อุดตันของท่อน้ำดีที่ตัวตับอ่อนเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจจะคลำได้ก้อนที่ท้อง ตับโต ถุงน้ำดีโต เบื่ออาหาร น้ำหนักลด รวมถึงมีอาการอาหารไม่ย่อยหรือปวดกระเพาะ มะเร็งตับอ่อนที่เกิดขึ้นที่ส่วนตัวและส่วนปลายของตับอ่อน จะมีอาการของการปวดท้องรวมกับปวดหลัง น้ำหนักลด ตับโต หรือมีอาการที่เกิดจากมะเร็งกระจายไปยังที่อื่น เช่น ต่อมน้ำเหลือง ไหปลาร้า
11. มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
อาการผู้ป่วยในระยะแรกไม่มีอาการใดๆ หรืออาจมีอาการปวดท้องแน่นท้องคล้ายโรคกระเพาะ เมื่อโรคเป็นมากขึ้นอาจมีอาการท้องผูกสลับท้องเดิน มีลักษณะในการขับถ่ายที่เปลี่ยนไป อาจมีการอุดตันของลำไส้ ถ่ายอุจจาระเป็นเลือดหรือมูกปนเลือด หรือมีเลือดออกในอุจจาระเป็นเวลานาน ทำให้มีภาวะซีดได้ หลายคนอาจคิดว่าอาการถ่ายปนเลือดเป็นแค่ริดสีดวง แต่เมื่อไปพบแพทย์กลับตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
12. มะเร็งรังไข่
มีอาการท้องอืดเป็นประจำลดหรืออ้วนลงพุง (“ใส่กางเกงตัวโปรด” ไม่ได้แล้ว) มีก้อนในท้องน้อย ปวด แน่นท้อง และถ้าก้อนมะเร็งโตมากจะกดกระเพาะปัสสาวะ หรือลำไส้ส่วนปลาย ทำให้ถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระลำบาก ในระยะท้ายๆอาจมีน้ำในช่องท้อง ทำให้ท้องโตขึ้นกว่าเดิม เบื่ออาหาร ผอมแห้ง น้ำหนักลด รู้สึกอิ่มและไม่อยากอาหาร ผู้หญิงคนใดก็ตามที่รู้สึกไม่อยากอาหารและทานอะไรไม่ลงแม้จะไม่ได้ทานอะไรมานานแล้ว รู้สึกท้องอืดและน้ำหนักเพิ่มบ่อย (เกณฑ์ในการวินิจฉัยโรคอยู่ที่ 13 ครั้งในเวลาหนึ่งเดือน) นั่นเป็นอีกอาการนำของโรคมะเร็งรังไข่ ยิ่งถ้ามีอาการปวดท้องน้อยหรืออิ่มผิดปกติร่วมด้วยแล้ว ควรไปพบแพทย์เพื่อขอทำอัลตราซาวนด์ตรวจท้องน้อย
13. มะเร็งมดลูก
มีเลือดออกทางช่องคลอด ในสตรีวัยหมดประจำเดือน แล้ว หรือมีเลือดออกผิดปกติในสตรีที่ยังคงมีประจำเดือนอยู่คลำพบก้อนที่บริเวณท้องน้อย ปวดท้องน้อย ปวดหลัง เนื่องจากมดลูกโตไปกดแผงประสาท
14. มะเร็งกระดูก
มีก้อนแข็งหรือปุ่มยื่นออกมาจากกระดูก ก้อนจะโตเร็ว ต่อมาจะมีอาการปวดร่วมด้วย บางรายมาด้วยอาการ กระดูกหักแตกได้ง่ายจากการกระทบกระเทือนเพียงเล็กน้อย
อ่านต่อ >> สัญญาณเตือนโรคมะเร็ง ที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม ข้อที่ 15-19 คลิกหน้า 3
15. มะเร็งผิวหนัง
ส่วนใหญ่เริ่มจากมีการเปลี่ยนแปลงของไฝ ปาน หรือเริ่มต้นเป็นแผลเล็กๆ แล้วค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น ขรุขระ อาจมีสีดำที่ขอบๆ และเมื่อเป็นมาก จะเป็นก้อนคล้ายดอกกะหล่ำปลี มะเร็งผิวหนังส่วนใหญ่มักพบที่บริเวณใบหน้า แขน ขา ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และลำตัว รวมถึงอาการมีแผลหรือตุ่มที่ผิวหนังซึ่งไม่ยอมหาย ตกสะเก็ด เป็นอาการบ่งชี้ของโรคมะเร็งผิวหนัง แต่การที่มีตุ่มซึ่งดูเงามัน หรือสะเก็ดแห้งที่ผิวหนัง ก็เป็นลักษณะของมะเร็งผิวหนังชนิดต่างๆ เช่น มะเร็งที่เกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีหรือมะเร็งไฝ มะเร็งที่เกิดจากเซลล์ในชั้นฐานของหนังกำพร้า มะเร็งที่เกิดจากเซลล์ในชั้นหนังกำพร้า
16. มะเร็งเม็ดเลือดขาว
สัญญาณแรกพบรอยฟกช้ำตามนิ้วและมือ หรือเลือดออกไม่หยุด เลือดออกง่ายบริเวณผิวหนัง เหงือก มีอาการเลือดจาง ซีด หน้ามืด เวียนศีรษะ มีอาการไอเรื้อรังหรือเจ็บหน้าอกร่วมด้วย เหนื่อยง่าย ต่อมน้ำเหลืองโต อาจพบก้อนในท้องเนื่องจาก ตับ ม้าม โต ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายผิดปกติ เป็นโรคติดเชื้อได้ง่าย มีไข้ อาการของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ทำให้ไขกระดูกผลิตเม็ดเลือดขาวที่ผิดปกติและจะไปเบียดเบียนเซลล์เม็ดเลือดขาวปกติ ทำให้ร่างกายขาดความสามารถในการต่อสู้กับเชื้อโรค แพทย์มักตรวจพบมะเร็งเม็ดเลือดขาวในผู้ใหญ่ที่ป่วยและมาพบแพทย์ซ้ำๆ ด้วยอาการไข้ ปวดเมื่อยตัว และอาการคล้ายไข้หวัดเป็นเวลานาน
17. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
อาการคือต่อมน้ำเหลืองโต หรือมีก้อนที่โตเร็วไม่เจ็บบริเวณคอ รักแร้ และขาหนีบ มีอาการปวดท้อง ท้องเสียเรื้อรัง แผลเรื้อรังที่กระพุ้งแก้ม โพรงจมูก มีไข้สูงไม่ทราบสาเหตุ แต่อาการดังกล่าวส่วนมากไม่พบแต่เฉพาะในมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเท่านั้น อาจพบในมะเร็งระบบอื่นได้เช่นกัน
18. มะเร็งและเนื้องอกในระบบประสาท
อาการของเนื้องอกในสมอง คือ ปวดศีรษะ ตามัว อาเจียน เป็นอัมพาตแขน ขา ตาบอด เดินเซ หูหนวก ชักกระตุก ความจำเสื่อม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า ก้อนเนื้องอกนั้นเกิดขึ้นที่ใด และกดอวัยวะส่วนใดของสมอง อาการของเนื้องอกในไขสันหลัง คือ ปวดหลัง แขนขาชาและอ่อนแรง เดินเซ เดินไม่ถนัดหรือเป็นอัมพาต การควบคุมการถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะลำบาก อาการของเนื้องอกที่ประสาทส่วนปลาย คือ คลำพบก้อนหรือรู้สึกชา หรือร่วมกับอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ อาการต่างๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ อาจเกิดจากสาเหตุหรือโรคอื่นๆ ที่ไม่ใช่เนื้องอกก็ได้ จึงควรพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดต่อไป
19. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
มาจากกระเพาะปัสสาวะอักเสบ พบบ่อยในสตรี โดยเฉพาะในช่วงอายุ 20-50 ปี ทั้งนี้เพราะท่อปัสสาวะของผู้หญิงสั้นกว่าผู้ชายและอยู่ใกล้กับทวารหนัก เชื้อแบคทีเรียบริเวณทวารหนัก (ซึ่งปกติมีอยู่จำนวนมาก) จึงมีโอกาสสูงที่เคลื่อนเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการฟักตัวและอักเสบได้ในสตรีเจริญพันธุ์ รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะในระยะแต่งงานกันใหม่ๆ ทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรียหลุดเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะได้ง่าย ทำให้เกิดอาการอักเสบที่เรียกว่า Honey Moon Cystitis อาการมักมีปัสสาวะบ่อย แต่ละครั้งจำนวนน้อย และกลั้นไม่ได้ ต้องรีบเข้าห้องน้ำ แสบในท่อปัสสาวะ ปวดเสียด ตึง ถ่วง บริเวณท้องน้อย มีกลิ่นผิดปกติ มีเลือดปน
แต่ทั้งนี้โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะมักพบได้บ่อยเป็น 1 ใน 10 อันดับแรกของมะเร็งที่พบมากในเพศ มีอาการปวดหลัง หรือ เกิดโรคไตเรื้อรัง หรือภาวะไตวายได้ ซึ่งเกิดจากการลุกลามของโรคมะเร็งไปอุดตันท่อไต นอกจากนั้นอาจมีอาการที่เกิดจากการที่โรคแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆได้ เช่น คลำต่อมน้ำเหลืองได้ที่ขาหนีบ หรือเหนือไหปลาร้า เมื่อมีโรคกระจายไปที่ต่อมน้ำเหลืองนั้นๆ อาจมีอาการไอ หายใจลำบากหากมีโรคกระจายไปปอดหรือมีอาการปวดกระดูก หากโรคกระจายไปกระดูก
การรักษาโรคมะเร็งต่างๆ
การตรวจพบโรคมะเร็งได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ย่อมเป็นผลดีต่อการรักษา ซึ่งวิธีการรักษานั้นมีดังนี้
1. การผ่าตัด เป็นการเอาก้อน ที่เป็นมะเร็งออกไป
2. รังสีรักษา เป็นการให้รังสีกำลังสูง เพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง
3. เคมีบำบัด เป็นการให้ยา (สารเคมี) เพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง
4. ฮอร์โมนบำบัด เป็นการใช้ฮอร์โมนเพื่อหยุดการเจริญเติบโต ของเซลล์มะเร็ง
5. การรักษาแบบผสมผสาน เป็นการรักษาร่วมกันหลายวิธี ดังกล่าวข้างต้น แต่จะใช้วิธีใดนั้น ขึ้นอยู่กับระยะและความรุนแรงของโรค
ซึ่งจากอาการข้างต้นนั้นมักเป็นบ่อยๆหรือเป็นต่อเนื่องยาวนานผิดปกติจากที่เราเคยเป็นหรือไม่เคยเกิดขึ้นแต่เกิดขึ้นแล้วหายช้าหรือเรื้อรังหรือเกิดร่วมกับอาการอื่นๆได้ค่ะ เพราะฉะนั้นควรใส่ใจสุขภาพตรวจร่างกายปีละครั้งเพื่อความไม่ประมาท มะเร็งเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ถ้าตรวจพบตั้งแต่เริ่มแรก อย่าละเลยสัญญาณเตือนทั้ง 20 ข้อข้างต้นกันนะคะ ถ้าร่างกายเริ่มส่งสัญญาณเตือนดังกล่าวแล้ว ควรรีบมาพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุได้ทันท่วงที
ขอบคุณข้อมูลอ้าวอิง จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 121 ธันวาคม 2553 โดย สถาบันมะเร็งแห่งชาติ
www.manager.co.th , www.healthtodaythailand.com , www.thaibreastcancer.com