AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ กับเรื่องที่คุณพ่อ คุณแม่ควรรู้

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เป็นวัคซีนที่สามารถฉีดได้ทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็ก 6 เดือนขึ้นไปจนถึงผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ คุณแม่ตั้งครรภ์ คุณแม่ให้นมลูก โดยไม่จำเป็นต้องเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อน และสามารถฉีดได้ทุกปี แม่แต่คนที่มีปัญหาสุขภาพ ก็ควรจะฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำ

ประเทศไทยพบโรคไข้หวัดใหญ่ประมาณร้อยละ 30 ของผู้ป่วยที่มีอาการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันพบมากในฤดูฝนช่วงเดือนมิถุนายนถึงตุลาคม และฤดูหนาวช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม แต่พบได้ประปรายตลอดปี

เหตุผลที่ควรต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี เพราะเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่จะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอยู่เสมอ ทำให้เกิดเชื้อใหม่ในสัตว์และในคนอยู่เป็นระยะ เป็นเหตุให้ภูมิคุ้มกันโรคในสัตว์และในคนที่มีอยู่เดิมอาจไม่สามารถป้องกันโรคได้ นอกจากนี้ภูมิคุ้มกันของร่างกายที่มีต่อเชื้อไข้หวัดใหญ่นั้นคงอยู่ไม่นานและมักจะลดต่ำลงได้ในระยะเวลาไม่กี่เดือนหรือปี ดังนั้นการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปีจึงเป็นการกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันให้เหมาะสมกับเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่มาใหม่แต่ละปี และมีระดับที่สูงอยู่ตลอดเวลาสำหรับรับมือกับเชื้อที่จะเข้ามาสู่ร่างกายของเรา

1. วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ป้องกันเชื้อไวรัส

เมื่อลูกน้อยมีไข้ หนาวสั่น ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล บางครั้งอาจอาเจียน และท้องเสีย ให้คิดว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ ถ้ามีไข้สูงกว่าไข้หวัดธรรมดา ปวดศีรษะมาก ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย ซึ่งโรคไข้หวัดใหญ่นี้มักเป็นกันในช่วงหน้าฝน

ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Influenza ซึ่งจะมีอยู่ 3 ชนิด คือ A B C ชนิด A เกิดขึ้นในคนและสัตว์ B C เกิดขึ้นในคน ในประเทศไทยพบชนิด B น้อยกว่า A ซึ่งกลายเป็นสายพันธุ์ใหม่สร้างปัญหาไปทั่วโลก ทำให้ต้องเปลี่ยนวัคซีนในแต่ละปี ที่รู้จักกันดีคือ H1N1 และ H3N2

อ่านต่อ “ไข้หวัดใหญ่ ใครคือกลุ่มเสี่ยง?” คลิกหน้า 2

2. ไข้หวัดใหญ่ ใครคือกลุ่มเสี่ยง?

กลุ่มเป้าหมายที่แนะนำให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ทุกปี ปีละ 1 เข็ม ตามสายพันธุ์ที่แนะนำโดยองค์การอนามัยโลก ได้แก่

  1. กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงในการที่จะเกิดอาการแทรกซ้อน หลังจากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่

2. กลุ่มที่อาจแพร่โรคไปสู่กลุ่มเสี่ยงสูง

3. กลุ่มอื่น ๆ ได้แก่ ประชาชนทั่วไปที่ต้องการฉีดเพื่อป้องกันการป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ โดยคนที่ได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่อาจมีอาการไข้ ปวดเมื่อยตามตัว หรือปวดบวมบริเวณที่มีการฉีดวัคซีน แต่อาการส่วนใหญ่จะไม่รุนแรงและสามารถหายเป็นปรกติได้ภายใน 1-2 วัน สำหรับบุคคลที่มีข้อห้ามในการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ ผู้ที่มีประวัติแพ้ไข่ไก่แบบรุนแรง เนื่องจากวัคซีนไข้หวัดใหญ่ผลิตจากไข่ไก่ฟัก และผู้ที่มีไข้สูง หรือมีอาการเจ็บป่วยแบบเฉียบพลันควรรอให้อาการไข้ลดลงก่อนแล้วจึงไปเข้ารับการฉีดวัคซีน

อ่านต่อ “ไข้หวัดใหญ่ป้องกันยังไงดี?” คลิกหน้า 3

3. ไข้หวัดใหญ่ป้องกันยังไงดี?

ดูแลร่างกายให้อบอุ่นแข็งแรง ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ ไม่ใช้ของปะปนกับใคร ไม่ไปในที่แออัด ไม่ใกล้ชิดกับคนป่วย ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ตามกำหนดเวลาที่คุณหมอแนะนำ ถ้าไม่สามารถไปได้ตามกำหนด ให้รีบไปฉีดโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน ซึ่งมีไข้หวัดใหญ่ระบาดมากที่สุด

4. วัคซีนไข้หวัดใหญ่ มีกี่ชนิด?

ปัจจุบันมีวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิด 3 สายพันธุ์ คือ ไข้หวัดใหญ่ A 2 สายพันธุ์ B 1 สายพันธุ์ เป็นวัคซีนมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขใช้ป้องกัน เพราะคุ้มค่า และเหมาะสมกับประเทศไทย ส่วนวัคซีนชนิด 4 สายพันธุ์ ประกอบด้วยไวรัสไข้หวัดใหญ่ A 2 สายพันธุ์ B 2 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดน้อยมาใส่เพิ่ม แต่ราคาก็จะสูงขึ้นด้วย โดยวัคซีนไข้หวัดใหญ่มีด้วยกัน 2 ชนิดคือ

  1. วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ชนิดเชื้อเป็น ผลิตโดยนำเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มาทำให้ฤทธิ์อ่อนลง แล้วฉีดเข้าสู่ร่างกายใช้วิธีพ่นทางจมูก เพื่อสร้างภูมิต้านทานเฉพาะในเยื่อบุทางเดินหายใจ ซึ่งมีใช้ในบางประเทศ ในประเทศไทยยังไม่มีใช้ มีข้อระวังในการใช้สำหรับผู้ที่มีปัญหาภูมิต้านทาน หรือภูมิคุ้มกันผิดปกติ และไม่ใช้ในเด็กเล็กต่ำกว่า 5 ขวบ

2. วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ชนิดเชื้อตาย เป็นวัคซีนสกัดชิ้นส่วนของไวรัส แล้วนำมาฉีดเข้ากล้ามเนื้อ เพื่อสร้างภูมิต้านทานเฉพาะในเลือด สามารถฉีดได้ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้น ซึ่งมีใช้กันในประเทศไทย

อ่านต่อ “วัคซีนไข้หวัดใหญ่ มีสายพันธุ์อะไรบ้าง?” คลิกหน้า 4

5. วัคซีนไข้หวัดใหญ่ มีสายพันธุ์อะไรบ้าง?

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลจะประกอบด้วย 3 สายพันธุ์ย่อยของเชื้อไข้หวัดใหญ่ คือ สายพันธุ์ A 2 subtypes (H1N1 และ H3N2) และสายพันธุ์ B 1 สายพันธุ์ย่อย โดยองค์การอนามัยโลกจะคัดเลือกสายพันธุ์ย่อยของเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่พบการ ระบาดหลายแห่งทั่วโลกและมีแนวโน้มว่าจะเป็นเชื้อต้นเหตุในปีถัดไปของซีกโลก เหนือ และซีกโลกใต้ เพื่อเป็นข้อกำหนดให้ใช้ในการผลิตวัคซีนสำหรับปีถัดไป ในปัจจุบันพบว่ามีการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทั้งชนิดที่มี 3 สายพันธุ์ย่อย (Trivalent Vaccine; TIV) และ 4 สายพันธุ์ย่อย (Quadrivalent Vaccine; QIV) ของ influenza virus ซึ่งคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกสำหรับปี พ.ศ. 2558-2559 มีดังนี้ สำหรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดที่มี 3 สายพันธุ์ย่อย (Trivalent Vaccine; TIV) ควรประกอบด้วย

สำหรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดที่มี 4 สายพันธุ์ย่อย (Quadrivalent Vaccine; QIV) ควรประกอบด้วย 3 สายพันธุ์ย่อยข้างต้นร่วมกับ influenza B/Brisbane/60/2008-like virus โดยการให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดที่มี 4 สายพันธุ์ย่อย (Quadrivalent Vaccine; QIV) อาจมีประโยชน์ในกรณีที่มีการระบาดของเชื้อ Influenza B ชนิดที่เพิ่มขึ้นในวัคซีนนี้ และเหมาะสำหรับกลุ่มผู้ป่วยเฉพาะ เช่น ผู้ป่วยเด็ก ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ Influenza B และสามารถเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้

6. วัคซีนไข้หวัดใหญ่ กับผลข้างเคียง

การฉีดวัคซีนอาจมีผลข้างเคียงบ้างเล็กน้อย เช่น มีอาการบวม แดง คันบริเวณที่ฉีด มีไข้ ปวดเมื่อย ซึ่งจะหายไปเองใน 2-3   วัน สำหรับอาการแพ้ส่วนประกอบของวัคซีน เช่น เป็นลมพิษ ปากบวม หรือเป็นหอบหืด ซึ่งเกิดขึ้นน้อยมาก ถ้าเกิดขึ้นแล้วให้ดูแลด้วยการประคบน้ำเย็นบริเวณที่ปวด บวม หรือรับประทานยาแก้ไข้ วัคซีนไข้หวัดใหญ่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกัน และก่อให้เกิดผลข้างเคียงน้อยกว่าชนิดอื่น แต่เนื่องจากวัคซีนใหญ่หวัดใหญ่ ผลิตจากไข่ไก่ฟัก สำหรับผู้ที่แพ้ไข่ไก่แบบรุนแรง ไม่ควรฉีดวัคซีนนี้ และผู้ที่มีไข้สูงเฉียบพลัน ควรรอให้ไข้ลดลงก่อน จึงจะฉีดวัคซีน

เครดิต: อาจารย์ จันทนา ห่วงสายทอง ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, นพ.ชนเมธ เตชะแสนศิริ หัวหน้าหน่วยโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

อ่านเพิ่มเติม คลิก!

ป้องกันไข้หวัดใหญ่ และปอดบวมให้ลูกน้อยช่วงหน้าฝน