AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ลาออกมาเลี้ยงลูก กับข้อ 10 ข้อก่อนตัดสินใจ

ลาออกมาเลี้ยงลูกดีไหม? มีคุณแม่หลายคนที่กำลังคิดไม่ตกเกี่ยวกับปัญหาที่อยากจะลาออกมาเลี้ยงลูกเอง  แต่ก็ติดที่ว่ากลัวจะมีรายได้เสริมไม่พอ และจะมีปัญหากับสามีหรือเปล่า  วันนี้ AMARIN Baby & Kids รวบรวม 10 ข้อคิด สำหรับคุณแม่ที่อยากจะลาออกมาเลี้ยงลูกเองค่ะ

  1. คุยกับสามีให้เคลียร์ (เพื่อวางแผนค่าใช้จ่ายของครอบครัว)

ในการตัดสินใจของคุณนั้นจะต้องรับฟังความคิดเห็นของคุณสามีด้วย เพราะหากคุณภรรยาไม่มีรายได้  ภาระการหารายได้หลักก็ต้องตกมาเป็นของสามีฝ่ายเดียว และเมื่อวันหนึ่งสามีเกิดเหตุกระทันหัน  เช่น  ป่วย  ทำงานไม่ได้สักพัก อาจจะกระทบกับรายได้ครอบครัว จึงต้องให้คุณสามีมีส่วนในการวางแผนร่วมกัน

  1. วางแผนค่าใช้จ่ายของตัวเอง ชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียของการลาออก

คุณแม่บางคนเป็น Working Women เป็นผู้หญิงชอบทำงาน และอาจจะกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนตัว  ซึ่งหากลาออกอาจทำให้รายได้ลดลงและความสนุกในการใช้ชีวิตลดลงด้วย  โดยคุณแม่อาจจะหากระดาษสัก 1 แผ่น เพื่อบวกลบ ชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดีข้อเสียของการลาออกในครั้งนี้

  1. วางแผนค่าใช้จ่ายของลูก

ไม่เพียงค่าอาหาร  ค่าผ้าอ้อม  ลูกจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูอื่นๆ บางครอบครัวช่วงระยะทารกอาจจะจ้างพี่เลี้ยงมาช่วยเลี้ยงลูก หรือเมื่อลูกโตขึ้นจะมีค่าเรียนพิเศษ ค่าติว  ซึ่งเด็กเล็กๆ จะมีพฤติกรรมที่คล้ายกับผู้ที่อยู่ใกล้ชิด  เคยได้ยินว่าคุณแม่บางท่านลาออกเพื่อมาดูแลลุกเอง เพื่อควบคุมคุณภาพในส่วนนี้ แทนที่จะใช้วิธีจ้างพี่เลี้ยงหรือเอาลูกไปฝากไว้ตามสถาบันสอน

อ่านเรื่อง “ลาออกมาเลี้ยงลูก กับข้อ 10 ข้อก่อนตัดสินใจ” คลิกหน้า 2

  1. คุยกับคนอื่นในครอบครัวให้เข้าใจ

แน่นอนว่าเมื่อคุณแม่ตัดสินใจแล้ว คนในครอบครัวคนอื่นๆ เช่น คุณตา คุณยาย ลุง ป้า ฯลฯ จะต้องมีคำถามและตามมาด้วยประโยคที่อาจจะฟังแล้วเครียดสักหน่อย  แต่หากคุณแม่มั่นใจแล้วว่าจะลุยต่อได้ ก็เดินหน้าต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง แต่อาจจะได้ยินประสบการณ์ดีๆ จากพวกท่านเป็นส่วนหนึ่งในการประกอบการตัดสินใจที่คุณนึกไม่ถึงก็ได้

  1. หาสมาคม

        คุณแม่ที่ลาออกจากงานประจำนั้น ส่วนใหญ่จะมีเวลาว่าง ระหว่างดูแลรับส่งลูกไปโรงเรียน ซึ่งช่วงเวลาเหล่านี้อาจจะทำให้เหงาและเครียดได้  ซึ่งวิธีแก้อาจจะไม่ใช่การเข้าสมาคมกับคุณแม่สไตล์เดียวกันเสมอไป  ลองหาสังคมที่มีความชอบเหมือนกัน  ทำงานศิลปะ ทำของขาย หรือทำกิจกรรมเพื่อเด็กๆ เพื่อผ่อนคลายความกังวลอื่นๆ ที่อาจตามมาได้

  1. หางานพิเศษ

แม้ว่าจะไม่ได้มีรายได้เท่ากับงานประจำ คุณแม่อาจจะได้รายได้เพิ่มเติมจากงานพิเศษ  ซึ่งเป็นทักษะส่วนบุคคลที่อาจจะสร้างรายได้ ได้ไม่เหมือนกัน โดยคุณวางแผนได้จากความถนัด   เรื่องการทำอาหาร  งานศิลปะ  หรืองานที่เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ตามทักษะที่คุณแม่มี

ภาพจากเว็บไซต์ workparttimehitthit

อ่านเรื่อง “ลาออกมาเลี้ยงลูก กับข้อ 10 ข้อก่อนตัดสินใจ” คลิกหน้า 3

 

  1. หาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ เป็นคุณแม่ที่ทันสมัย

ด้วยยุคสมัยนั้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา  คุณแม่ยุคใหม่มีวิธีการปรับเปลี่ยนเลี้ยงดูลูกได้ไม่เหมือนกับในอดีต ซึ่งต้องดูกระแสว่าปัจจุบันเลี้ยงลูกอย่างไรจึงจะให้มีพัฒนาการตามโลกตามสมัยทัน  โดยได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวเป็นสำคัญ

  1. การศึกษาของลูก

นอกจากคุณแม่จะมีเวลาไปรับส่งลูกได้เองแล้วอาจจะวางแผนการเสริมวิชาการให้กับลูกได้ด้วยตัวคุณ  โดยสามารถเป็นติวเตอร์ให้กับลูกได้เองตามรายวิชาที่ลูกไม่ถนัด หรือพาลูกไปดูแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ ที่เปิดใหม่ๆ

  1. การจัดการความเครียดภายในตัวเอง

คุณแม่ย่อมได้รับความเครียดจากการเลี้ยงลูก ซึ่งต้องดูแลบ้านพร้อมกันไปด้วย จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณแม่จะต้องรู้จักอารมณ์ตัวเองและรู้จักวิธีการจัดการ ไม่เช่นนั้นแล้วชีวิตการเป็นคุณแม่ฟูลไทม์นั้นจะไม่มีความสุขเลย

 

  1. ไม่ต้องลาออกถาวรก็ได้

        สุดท้ายนี้หากคุณแม่คิดไม่ตกกับเรื่องค่าใช้จ่าย  การเข้าสังคม  อาจจะเป็นการลาออกมาเพื่อพักร่างกายและเลี้ยงลูกเองเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ้างพี่เลี้ยง  โดยอาจจะดูแลเฉพาะช่วงวัยที่ลูกยังไม่เข้าโรงเรียน หรือหากลูกสามารถดูแลตัวเองได้แล้ว  คุณแม่สามารถกลับมาทำงานที่ชอบได้เช่นเคย และมีรายได้เพิ่มเติมด้วย

 

เรื่องโดย : กองบรรณาธิการเว็บไซต์ AMARIN Baby & Kids