‘ซีสต์’ เป็นโรคที่พบได้ในผู้หญิงทุกเพศทุกวัยและพบได้ในหลายจุด และสำหรับผู้หญิงที่วางแผนจะมีบุตรควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนการตั้งครรภ์ เพราะหากเป็น ช็อกโกแลตซีสต์ อาจส่งผลต่อการตั้งครรภ์ในอนาคตได้
ช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) หรือโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ คือ ถุงน้ำในรังไข่ประเภทหนึ่งที่เกิดจากเซลล์เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ และสามารถมีการเจริญเติบโตได้จากการที่ได้รับฮอร์โมนในร่างกายมากระตุ้น โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศหญิง เซลล์เหล่านี้จะมีขนาดเป็นจุดเล็กๆ สีน้ำตาลคล้ายจุดห้อเลือด ในแต่ละเดือนเมื่อถึงเวลาเป็นประจำเดือนก็จะมีเลือดสะสมและตกค้างก่อตัวเป็นซีสต์โตขึ้น เมื่อมีการสะสมของเลือดนาน ๆ สีเลือดจึงเปลี่ยนเป็นสีเข้ม จึงทำให้เกิดลักษณะของเหลวเหนียวข้นสีน้ำตาลเข้มและข้น คล้ายสีและลักษณะของช็อกโกแลต และแทนที่เลือดจะไหลออกมาทางช่องคลอดตามปกติ แต่กลับมีประจำเดือนส่วนหนึ่งไหลย้อนไปทางหลอดมดลูกเข้าไปในช่องท้องแล้วไปฝังตัวที่รังไข่จนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำ หรือถุงที่มีเลือดคั่งและไปเจริญเติบโตในอวัยวะต่าง ๆ เช่น อุ้งเชิงกราน ท่อรังไข่ ลำไส้ช่องคลอด มดลูก กระเพาะปัสสาวะ
ช็อกโกแลตซีสต์ เป็นแล้วมีลูกได้ไหม ท้องยากจริงหรือ?
นพ.ธีรยุทธ์ จงวุฒิเวศย์ สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ผู้มีประสบการณ์ด้านสูตินรีเวชและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ โรงพยาบาลพญาไท ได้อธิบายเกี่ยวกับเรื่องซีสต์ที่รังไข่ว่า ซีสต์ที่ทำให้เกิดปัญหาการตั้งครรภ์ มักจะเกิดจากซีสต์ที่เป็นโรค เช่น ช็อกโกแลตซีสต์ ซึ่งมักจะส่งผลต่อกลไกการทำงานของรังไข่และทำให้คนไข้มีลูกได้ยากขึ้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดตามตำแหน่งที่เกิดโรค
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่-เกิดที่รังไข่ ซีสต์ชนิดนี้เมื่อเกิดขึ้นในรังไข่และยังมีขนาดเล็กอยู่จะทำให้ฟองไข่เจริญเติบโตได้ตามปกติ แต่คุณภาพของฟองไข่ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีช็อกโกแลตซีสต์นั้นจะมีสารเคมีบางอย่างที่ทำให้ฟองไข่ที่ตกในรังไข่ข้างด้อยคุณภาพลง และเจริญเติบโตได้น้อยกว่าอีกข้างที่ไม่มีซีสต์ และเมื่อซีสต์มีขนาดใหญ่ขึ้นจะทำให้การเจริญเติบโตของฟองไข่เป็นไปได้ยากขึ้น เช่น ถ้าซีสต์มีขนาด 1 ซม. จะเหลือพื้นที่ในรังไข่ให้กับไข่เยอะ ทำให้ไข่มีโอกาสที่จะโตได้ตามปกติ แต่ถ้าขนาดซีสต์ใหญ่มากถึง 5 ซม. พื้นที่ในรังไข่ก็จะเหลือน้อยลง ไข่จะเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ เพราะความดันในรังไข่สูงมาก และอาจทำให้ไข่ไม่ไปตกในข้างที่มีซีสต์เลย เมื่อไข่ไม่ตกในข้างที่มีซีสต์ก็ทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์ลดลงตามไปด้วย
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่-เกิดที่นอกรังไข่ โดยทำให้มีรอยโรคในอวัยวะอื่น ๆ ภายในช่องท้องหรือในมดลูกได้อีกเช่นกัน ฉะนั้นอาจจะทำให้มีพังผืดเกิดขึ้นที่ปีกมดลูกจนทำให้ท่อรังไข่อุดตัน ซึ่งการที่ท่อรังไข่อุดตันนั้นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไข่กับสเปิร์มไม่สามารถผสมกันได้ นอกจากนี้ถ้าเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่และแทรกเข้ามาในชั้นเนื้อกล้ามเนื้อมดลูกแล้ว ทำให้มดลูกมีขนาดที่โตขึ้น มีรูปร่างที่บิดเบี้ยว หรือมีสภาพที่ผิดธรรมชาติไป โอกาสที่ตัวอ่อนจะมาฝังตัวก็ยากขึ้นตามไปด้วย เมื่อตัวอ่อนไม่สามารถฝังตัวที่ผนังมดลูกได้ก็จะทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์ลดลงไปด้วยเช่นกัน
เพราะฉะนั้นแล้วไม่ว่าซีสต์จะเกิดขึ้นในรังไข่หรือนอกรังไข่ก็สามารถส่งผลกระทบกับการตั้งครรภ์ได้ทั้งสิ้น เพราะว่าระบบสืบพันธุ์ของเพศหญิงเป็นกลุ่มโรคที่โยงถึงกันอยู่
7 อาการที่เสี่ยงเป็นช็อกโกแลตซีสต์
ช็อกโกแลตซีสต์ส่วนใหญ่มีขนาดเล็กและไม่ค่อยเป็นอันตราย แต่ผู้หญิงทุกคนมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้เพียงแต่จะแสดงอาการหรือส่งผลต่อร่างกายมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เริ่มตั้งแต่ไม่มีความผิดปกติใด ๆ แสดงอาการเพียงเล็กน้อย หรือรุนแรง ซึ่งอาการที่พบบ่อย เช่น
1.ปวดท้องมากผิดปกติเวลามีประจำเดือน และปวดมากขึ้น ๆ ทุกเดือน ซึ่งมักจะเริ่มปวดก่อนประจำเดือนมา 2-3 วันไปจนหมดรอบเดือน โดยอาจจะปวดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตั้งแต่สะดือไปถึงอุ้งเชิงกรานและตั้งแต่บั้นเอวไปถึงก้นกบ ต่างกับการปวดประจำเดือนปกติที่มักปวดในช่วงวันแรก ๆ และไม่รุนแรง รวมถึงการปวดท้องน้อยเวลามีเพศสัมพันธ์
2.ประจำเดือนมานานผิดปกติหรือมามากกว่า 7 วัน และการมีเลือดออกทางช่องคลอดอย่างผิดปกติ
3.ประจำเดือนมาถี่ มีระยะห่างระหว่างที่เป็นประจำเดือนแต่ละรอบสั้นกว่าปกติ คือประจำเดือนมามากกว่าเดือนละ 2 ครั้ง
4.ปัสสาวะบ่อยขึ้น อาจเป็นเพราะก้อนซีสต์มีขนาดใหญ่ และไปเบียดกระเพาะปัสสาวะจนทำให้เกิดการทำงานที่ผิดปกติ
5.ถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะเป็นเลือด ในช่วงมีประจำเดือน บางรายอาจมีอาการปวดขณะถ่ายอุจจาระหรือปวดบริเวณอุ้งเชิงกรานมากขณะปัสสาวะ
6.มีเลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอด หรืออาการอื่น ๆ คล้ายกับช่วงมีประจำเดือน
7.ปวดไมเกรนบ่อย โดยเฉพาะช่วงก่อนและระหว่างมีประจำเดือน
บางรายอาจไม่มีอาการใด ๆ แสดงออกมาเลย แต่ถ้าคลำพบก้อนแข็งบริเวณท้องน้อย ซึ่งอาจจะอยู่ตรงกลางหรือด้านข้าง ก็มีความเสี่ยงที่ในระยะที่เป็นอันตรายได้ เนื่องจากถุงน้ำโตขึ้นจนมีขนาดใหญ่ หรือถ้าเป็นคนผอมแต่มีพุงให้ตั้งข้อสงสัยว่าอาจมีถุงน้ำขนาดใหญ่เกิดขึ้นภายในท้อง หากสังเกตตัวเองแล้วพบว่ามีอาการดังที่กล่าวมานี้ ก็เป็นไปได้ว่ามีความเสี่ยงที่กำลังป่วยเป็นโรคช็อกโกแลตซีสต์ ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาต่อไป เพื่อไม่ปล่อยให้อาการลุกลามจนกลายเป็นระยะที่รุนแรง ที่จะสร้างความทรมานให้กับร่างกายได้ไม่น้อย
อ่านต่อ วิธีรักษาเมื่อตรวจพบช็อคโกแลตซีสต์ คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
วิธีรักษาเมื่อตรวจพบช็อคโกแลตซีสต์
- การใช้ยา ยาทุกตัวที่ใช้ในการรักษาซีสต์ที่รังไข่จะเป็นยาที่มีฤทธิ์คุมกำเนิดทั้งหมด การรักษาโรคด้วยวิธีนี้ทำให้ไม่สามารถมีบุตรได้ เนื่องจากโรคนี้อาศัยฮอร์โมนเพศหญิงที่สร้างจากรังไข่ในแต่ละเดือนทำให้มันโตขึ้น จึงต้องใช้ยาเพื่อยังยั้งไม่ให้ไข่เจริญเติบโตโรคจึงจะสงบลงได้ ดังนั้นวิธีนี้ไม่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการจะมีลูก
- การส่องกล้องผ่าตัดเข้าไปเพื่อลอกซีสต์ออกมา ซึ่งประโยชน์ของการส่องกล่องผ่านั้นทำให้สามารถตรวจรู้ว่าผลของการตรวจชิ้นเนื้อนี้เป็นซีสต์ธรรมดาหรือเป็นมะเร็ง และจัดการกับซีสต์ได้อย่างตรงจุด ถ้าส่องกล้องเข้าไปแล้วพบรอยโรคอื่นๆ ก็สามารถทำลายรอยโรคเหล่านั้นได้ ทำให้มดลูก รังไข่ และอวัยวะต่าง ๆ ที่แวดล้อมอยู่ข้างในปลอดโรคไปได้ระยะหนึ่ง หากตรวจพบว่าท่อรังไข่อุดตันก็สามารถวางแผนการรักษาหรือผ่าตัดเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการมีบุตรในอนาคตได้ วิธีนี้ทำให้ว่าที่คุณแม่ สามารถมีบุตรได้ตามธรรมชาติได้ง่ายขึ้น ซึ่งการผ่าตัดแบบนี้จะฟื้นตัวได้ไวและมีแผลขนาดเล็ก
- การรักษาร่วม คือการรักษาโดยการผ่าตัด ร่วมกับการใช้ยา โดยอาจพิจารณาให้ยาในช่วงก่อนการผ่าตัด เช่น GnRH analog เป็นยายับยั้งการหลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจนจากต่อมใต้สมอง ทำให้เหมือนเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนชั่วคราว ซึ่งเป็นการใช้ยาในช่วงสั้น ๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัด โดยการวิจัยพบว่าสามารถลดขนาดของก้อนช็อกโกแลตซีสต์ลงได้ ทำให้การผ่าตัดทำได้ง่ายขึ้นและเสียเลือดขณะผ่าตัดน้อยลง หรือการใช้ยาในช่วงหลังผ่าตัด เพื่อช่วยควบคุมการกลับเป็นซ้ำของตัวโรค
ทั้งนี้การผ่าตัดก็มีผลข้างเคียงและความเสี่ยงจากการผ่าตัดด้วยเช่นกัน เช่น การดมยาสลบ การสอดกล้องในหน้าท้องที่มีพังผืดเยอะซึ่งเกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ อาจจะไปโดนอวัยวะต่าง ๆ ข้างในได้ การลอกซีสต์ออกจากรังไข่อาจทำให้เนื้อที่ดีของรังไข่ที่ติดกับผนังซีสต์ออกไปด้วย เมื่อผนังรังไข่หายไปส่วนหนึ่ง จะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของรังไข่ ปริมาณฟองไข่ และการโตของไข่ก็อาจจะลดลงตามไปด้วย ถ้าซีสต์มีขนาดเล็กอาจจะลอกง่ายและไม่มีผลกับผนังรังไข่มาก แต่ถ้าซีสต์มีขนาดใหญ่มาก ต้องลอกเนื้อรังไข่ออกไปมากก็อาจจะทำให้รังไข่ผลิตไข่ได้น้อยลงหรือผลิตไม่ได้เลยก็เป็นได้ ซึ่งก็จะส่งผลต่อการมีลูกยากได้
อย่างไรก็ตามวิธีการรักษาซีสต์ที่เหมาะกับแต่ละคนนั้นจะแตกต่างกันไปตามลักษณะของโรคและความต้องการในการรักษา สำหรับครอบครัวที่ต้องการจะมีลูก คุณหมอก็จะหาวิธีช่วยให้ปลอดโรคและวางแผนสำหรับการมีบุตรต่อไปในอนาคต ทั้งนี้เมื่อตั้งครรภ์ได้อาการของโรคนี้จะดีขึ้น โดยในช่วง 1-2 ปี หลังการผ่าตัด พบว่าเป็นช่วงเวลาทอง (Golden period) ของการมีบุตร ที่ผู้ป่วยจะมีโอกาสประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์สูงขึ้น เนื่องจากในช่วงตั้งครรภ์จะไม่มีประจำเดือนเกิดขึ้นจนถึงหลังคลอดและช่วงให้นมแม่ที่จะทำให้ประจำเดือนมาช้าออกไปอีก โอกาสเกิดประจำเดือนไหลย้อนก็จะน้อยลง
ขณะตั้งครรภ์เป็นช็อกโกแลตซีสต์ ควรทำอย่างไร?
สำหรับแม่ท้องที่ตรวจพบว่ามีช็อกโกแลตซีสต์ตอนตั้งครรภ์ คุณหมอก็จะติดตามอาการและขนาดของก้อนถุงน้ำจากการตรวจอัลตร้าซาวด์เป็นระยะ โดยถ้าก้อนขนาดเท่าเดิมหรือเล็กลงก็จะติดตามขนาดของก้อนถุงน้ำต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่มักพบว่าก้อนยุบลงหรือหายไป เนื่องจากตลอดการตั้งครรภ์จะมีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนสูง ซึ่งจะไปต้านการทำงานของฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้ช็อกโกแลตซีสต์ฝ่อเล็กลงหรือหายไปในระหว่างตั้งครรภ์ แต่ถ้าก้อนมีขนาดใหญ่ขึ้นหรือโตเร็ว ก็อาจพิจารณาเรื่องของการผ่าตัดเป็นราย ๆ ไป เพื่อป้องกันการแตกของก้อนกรณีที่ก้อนมีขนาดใหญ่มากกว่า 5 เซนติเมตร หรือสงสัยว่าเป็นเนื้องอกชนิดลุกลามในกรณีที่พบว่าก้อนโตเร็ว ซึ่งจะพบได้น้อยมาก
ถึงแม้ว่าโรคช็อกโกแลตซีสต์นั้นแม้จะเป็นโรคเนื้องอกถุงน้ำที่ไม่ใช่เนื้อร้าย ไม่ใช่โรคร้ายที่อันตรายถึงชีวิต แต่ก็นับว่าเป็นโรคของผู้หญิงที่พบได้บ่อยขึ้นในปัจจุบัน ถ้าหากมีอาการแล้วไม่ได้รับการรักษาหรือปล่อยทิ้งไว้ให้มีอาการมาก ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีลูกยากได้ หรือถ้าเป็นแล้วได้รับการรักษาก็สามารถมีลูกได้ค่ะ ดังนั้นสำหรับคุณผู้หญิงที่ต้องการจะเป็นคุณแม่ควรที่จะวางแผนก่อนมีบุตร และตื่นตัวที่จะมารับการตรวจมากขึ้น เพื่อให้เกิดความสบายใจหายกังวลนะคะ.
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : www.paolohospital.com, www.phyathai.com, www.haijai.com
อ่านต่อบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
4 โรคของผู้หญิง ที่ไม่ควรมองข้าม อย่าอายที่จะไปตรวจ!
9 คาถากันโรคภัยไข้เจ็บ สวดได้ทุกวันทั้งครอบครัว
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่