บางพฤติกรรมที่เด็กทำขณะนอนหลับนั้นหมายถึงสัญญาณที่ร่างกายกำลังมีปัญหา คุณพ่อคุณแม่ควรคอยสังเกต การนอนของเด็ก และหากพบพฤติกรรมเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์
พฤติกรรม การนอนของเด็ก ที่ส่งสัญญาณอันตราย!!
การนอนเป็นอาหารสมอง เพราะการนอนจะช่วยทำให้ร่างกายได้พักผ่อน สร้างภูมิต้านทานโรค สดชื่นแจ่มใสอารมณ์ดี คิดอ่านอะไรได้หลักแหลม จดจำสิ่งต่าง ๆ ที่เรียนรู้ไปได้อย่างแม่นยำ การนอนของเด็ก ที่เพียงพอจะทำให้ฮอร์โมนการเจริญเติบโต (Growth Hormone) หลั่งมาก ถ้านอนหลับไม่เพียงพอก็จะส่งผลให้การหลั่งของฮอร์โมนการเจริญเติบโตไม่เต็มที่ได้
สาเหตุที่ทำให้เด็กนอนหลับได้ไม่สนิท ไม่เพียงพอ หรือ ไม่เต็มที่นั้นมีหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น การนอนดึกตื่นเช้า การป่วยไข้ การสร้างสุขนิสัยการนอนที่ไม่ถูกต้องให้เด็ก สิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมในการนอน ซึ่งสาเหตุเหล่านี้ คุณพ่อคุณแม่สามารถปรับแก้ให้ถูกต้องได้ แต่ในบางสาเหตุ ก็ไม่ใช่สาเหตุทั่วไปที่ทำให้ลูกนอนหลับได้ไม่สนิท แต่กลับเป็นสัญญาณอันตรายว่าร่างกายของลูกกำลังมีปัญหาได้ โดยพฤติกรรม การนอนของเด็ก ที่ส่งสัญญาณอันตราย มีดังนี้
พฤติกรรม การนอนของเด็ก ที่ส่งสัญญาณอันตราย!!
- นอนกรนเสียงดังมากกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เสียงกรนบ่งบอกถึงทางเดินหายใจส่วนบนได้แก่บริเวณลำคอนั้นแคบกว่าปกติ เสียงกรนจึงเกิดจากการพยายามออกแรงหายใจเข้าผ่านทางเดินหายใจที่แคบนั่นเอง การนอนกรนอาจเป็นสัญญาณอันตรายได้ โดยเฉพาะเด็กที่กรนเสียงดังมากกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์
- การนอนหลับในท่าทางที่ผิดปกติ เช่น นอนแหงนคอ หรือนอนคว่ำ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าลูกกำลังหายใจได้ลำบาก จึงพยายามหาท่าท่างให้ตัวเองนอนแล้วหายใจได้สะดวกขึ้น
- สังเกตเห็นว่าหยุดหายใจขณะหลับในระยะเวลาสั้น ๆ ตามด้วยเสียงกรนหายใจหอบ หรือตื่นระหว่างกลางคืน
- มีอาการที่แสดงให้เห็นว่าพักผ่อนไม่เพียงพอ เช่น มีปัญหาในการเรียนและพฤติกรรม ปลุกตื่นยาก หลังตื่นนอนอยากนอนหลับต่อ อารมณ์หงุดหงิดง่าย โมโหง่าย หลับขณะเรียนหนังสือ
- มีอาการนอนหลับไม่สนิทระหว่างคืน เช่น นอนกระสับกระส่าย ปัสสาวะรดที่นอน
- ปวดศีรษะในระหว่างวันหรือปวดศีรษะหลังตื่นนอน
- สมาธิสั้นและซนกว่าปกติ
อาการเหล่านี้ เป็นอาการที่อาจเกิดจาก ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea: OSA) ซึ่งภาวะนี้เป็นภาวะที่มีความผิดปกติของการหายใจที่เกิดขึ้นระหว่างนอนหลับ เกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณลำคอเกิดการคลายตัวเป็นช่วง ๆ ทำให้ทางเดินหายใจแคบลงหรือถูกปิดกั้นในขณะนอนหลับ ทำให้กรนเสียงดังและหายใจลำบากในขณะนอนหลับ เมื่อระดับออกซิเจนในเลือดต่ำลง จะเป็นอันตรายและอาจทำให้เกิดความผิดปกติอื่นตามมาจนถึงเสียชีวิตได้
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นคืออะไร? พร้อมสาเหตุและวิธีป้องกัน
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea: OSA) คืออะไร?
ในขณะที่เรานอนหลับ กล้ามเนื้อที่คอยทำหน้าที่ตึงตัวและช่วยขยายทางเดินหายใจในช่องคอจะหย่อนตัวลง ซึ่งภาวะนี้เองทำให้ทางเดินหายใจแคบลง แต่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาในเด็กหรือคนทั่วไป แต่ในผู้ป่วย OSA ทางเดินหายใจจะตีบแคบลงมาก ทำให้การหายใจลำบากขึ้น สมองจะรับรู้ภาวะนี้และสั่งการให้เพิ่มแรงในการหายใจ สิ่งนี้จะกระตุ้นให้สมองตื่นเพื่อกระตุ้นให้กล้ามเนื้อช่องคอกลับมาตึงตัวและเปิดทางเดินหายใจอีกครั้ง ซึ่งวงจรเหล่านี้จะเกิดขึ้นซ้ำ ๆ นับสิบหรือถึงร้อยครั้งในแต่ละคืน ทำให้รบกวนการนอนหลับและส่งผลให้สมองไม่ได้รับออกซิเจนเพียงพอขณะนอนหลับ
ภาวะ OSA หากไม่รักษาจะเกิดผลเสียอย่างไร?
หากนอนพักผ่อนได้ไม่เพียงพอ จะส่งผลให้ร่างกายมีปัญหาต่าง ๆ ตามมาได้อย่างแน่นอน เช่น ทำให้มีปัญหาในการเรียน หงุดหงิดง่าย ง่วงซึม อ่อนเพลีย เป็นต้น ซึ่งหากปล่อยไว้หรือไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เลี้ยงไม่โต สมาธิลดลง การเรียนแย่ พฤติกรรมเปลี่ยนไป ปัสสาวะรดที่นอนได้ และหากไม่ได้รับการรักษาในระยะยาว อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรค ได้แก่ ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจขาดเลือดฉับพลัน โรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมองอุดตัน โรคซึมเศร้า และโรคอื่น ๆ ตามมาได้
สาเหตุของภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับอาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ได้แก่
- น้ำหนักตัวเกิน ทำให้ไขมันไปสะสมที่เนื้อเยื่อในลำคอมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีคอหนา จะทำให้ทางเดินหายใจแคบลง หายใจลำบากมากขึ้น และเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้
- ทางเดินหายใจแคบ ซึ่งสาเหตุนี้ อาจเป็นผลมาจากพันธุกรรม หรือมีต่อมทอนซิลหรือต่อมแอดีนอยด์ซึ่งเป็นต่อมน้ำเหลืองอยู่บริเวณหลังโพรงจมูกและลำคอโต ทำให้ทางเดินหายใจแคบลงหรือถูกปิดกั้น
- เยื่อบุโพรงจมูกบวมโตหรือภาวะคัดจมูก รวมถึงผู้ที่มีผนังกั้นช่องจมูกคดและผู้ป่วยริดสีดวงจมูก จะทำให้ทางเดินหายใจแคบลง และมีโอกาสเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้มากถึง 2 เท่าของคนทั่วไป
- เพศ เด็กชายจะมีโอกาสเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้มากกว่าเด็กผู้หญิงถึง 2 เท่า
- พันธุกรรม พบได้มากในผู้ที่สมาชิกในครอบครัวมีประวัติการเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
- โรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหอบหืด เป็นต้น
การป้องกันภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น
การป้องกันสามารถทำได้โดยการลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน และปฏิบัติตามแนวทางดังต่อไปนี้
- ลดน้ำหนัก โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคอ้วนหรือผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกิน จะช่วยลดการหดตัวของทางเดินหายใจ ลดการกรน และทำให้ไม่ง่วงในระหว่างวัน
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เช่น แอโรบิก หรือเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกาย จะช่วยบรรเทาอาการของภาวะหยุดหายใจขณะหลับลงได้
- นอนตะแคง เพราะการนอนหงายจะเพิ่มโอกาสให้ลิ้นไปปิดกั้นทางเดินหายใจ
การนอนของเด็ก นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก หากคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกมีพฤติกรรมการนอนที่ผิดแปลกไป หรือมีพฤติกรรมการนอนผิดปกติที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วนั้น ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาและป้องกันต่อไปค่ะ
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
ลูกชาย เมย์ มาริษา นอนกรน ถูกส่งเข้าโรงพยาบาลเช็กภาวะหยุดหายใจ
13 ความเสี่ยงเมื่อ ลูกคลอดก่อนกำหนด
คัมภีร์นอนหลับ สร้างอัจฉริยะให้ลูกน้อย
สังเกตด่วน! ลูก นอนอ้าปาก เสี่ยงเป็น 4 โรคนี้!
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, พบแพทย์, ศูนย์นิทราเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่