AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

เนื้องอกมดลูก พบบ่อย ผู้หญิง 1 ใน 4 ต้องเป็น!

เนื้องอกมดลูก อาจฟังดูน่ากลัว และทำให้รู้สึกกังวลว่ามันจะกลายเป็นมะเร็งหรือเปล่า? แต่ความจริงแล้ว เนื้องอกมดลูก โดยส่วนใหญ่มักเป็นเนื้องอกชนิดธรรมดา ซึ่งมีโอกาสเปลี่ยนแปลงเป็นเนื้อร้ายน้อยมาก น้อยกว่า 1 ต่อ 10,000 เสียอีก อย่างไรก็ตามความรุนแรงของเนื้องอก อยู่ที่ว่ามันเกิดตรงส่วนไหนของมดลูกมากกว่า

เนื้องอกมดลูก คืออะไร

เนื้องอกมดลูก เป็นก้อนเนื้อที่เจริญเติบโตในร่างกายเรามากกว่าปกติ มักเกิดหลายก้อนในกล้ามเนื้อมดลูก ทำให้มดลูกโตไม่สม่ำเสมอ  ผิวมักจะเป็นลอน ลักษณะค่อนข้างแข็ง มีขนาดแตกต่างกันได้มาก มีบางมดลูกอาจโตได้เท่ามดลูกของคุณแม่ตั้งครรภ์ 6 – 7 เดือน เนื้องอกที่มีขนาดเล็กมักไม่ก่อให้เกิดอาการ เป็นเนื้องอกที่พบได้บ่อยประมาณร้อยละ 25 ของผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป มักพบในช่วงอายุ 35-45 ปี แต่ก็อาจพบในหญิงสาวก็ได้ ผู้หญิงที่มีเนื้องอกชนิดนี้เพียงร้อยละ 20 – 30 เท่านั้นที่มีอาการผิดปกติ

ตำแหน่งของเนื้องอกมดลูก บอกความรุนแรง

ตำแหน่งของเนื้องอก แบ่งคร่าวๆ ได้ 5 ตำแหน่ง คือ อยู่นอกมดลูก กล้ามเนื้อมดลูก ภายในโพรงมดลูก และอยู่ที่ปากมดลูก และภายในมดลูก

ตำแหน่งที่อันตรายที่สุด คือ อยู่ในมดลูก อาจทำให้เลือดออกได้มาก

ส่วนตำแหน่งที่อันตรายน้อย คือ อยู่ข้างนอกมดลูก

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

สาเหตุ

เนื้องอกมดลูกเป็นเนื้องอกที่เกิดจากการแบ่งตัวของเซลล์กล้ามเนื้อมดลูก จนกลายเป็นก้อนเนื้องอกที่มีลักษณะเป็นก้อนหยุ่นๆ สีซีด แตกต่างจากเนื้อเยื่อโดยรอบ ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดว่าเกิดจากอะไร สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากปัจจัย เช่น

พันธุกรรม พบว่าผู้ป่วยบางรายมีประวัติว่ามีมารดาหรือพี่น้องเป็นโรคนี้ด้วย

ฮอร์โมนเพศ ทั้งเอสโทรเจนและโพรเจสเทอโรน ที่กระตุ้นการเจริญของเยื่อบุมดลูก ระหว่างการมีประจำเดือนทุกเดือน มีส่วนส่งเสริมให้เกิดการเจริญเติบโตของเนื้องอกมดลูก พบว่าขณะตั้งครรภ์เนื้องอกมักจะมีขนาดโตขึ้น แต่เมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน เนื้องอกจะฝ่อเล็กลงได้เอง นอกจากนี้ยังพบว่าในเนื้องอกมดลูกมีตัวรับ (receptors) ฮอร์โมนเอสโทรเจนและโพรเจสเทอโรนมากกว่ามดลูกที่ปกติ

ไลฟ์สไตล์ ผู้ที่ชอบดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเบียร์ พบว่า เพิ่มอัตราการเป็นเนื้องอกมดลูก และผู้ที่เป็นโรคความดันสูงมากๆ เป็นมานาน มีอัตราการเป็นเนื้องอกมดลูกมากกว่าคนปกติ รวมถึงคนอ้วนก็เช่นกัน และพวกที่ชอบการทานเนื้อ แฮม และพวกเนื้อแดงด้วย

อ่านต่อ>> สัญญาณอันตราย และอาการที่พบบ่อย คลิกหน้า 2

สัญญาณอันตราย เนื้องอกมดลูก และอาการที่พบบ่อย

หากคุณแม่มีอาการข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้ควรรีบไปปรึกษาแพทย์

  1. ปวดประจำเดือนมากกว่าปกติ หรือปวดรุนแรงขึ้นทุกเดือน ถึงขนาดต้องกินยา
  2. มีประจำเดือนออกมาก หรือมีเลือดออกทางช่องคลอดกะปริดกะปรอยนานเกิน 1 สัปดาห์
  3. มีอาการปวดหน่วง ๆ ที่ท้องน้อย หรือปวดหลังส่วนล่างแบบเรื้อรัง
  4. มีอาการปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ เพราะเนื้องอกบางชนิดไปอยู่ที่ตรงปากมดลูก
  5. ท้องผูกเรื้อรัง หากเนื้องอกกดบริเวณทวารหนัก
  6. ปัสสาวะบ่อยแต่ออกไม่มาก กะปริดกะปรอย หรือปัสสาวะขัด จากการกดเบียดของมดลูกที่โตขึ้น
  7. คลำพบก้อนที่ท้องน้อย หรือท้องโตคล้ายคนท้อง โดยไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย

ถ้าแพทย์ตรวจพบว่า เป็นเนื้องอกมดลูก ควรได้รับการรักษาตามที่แพทย์แนะนำ

การรักษา

ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อายุของผู้ป่วย  ขนาดของเนื้องอก  ความต้องการมีบุตร  อาการหรือภาวะแทรกซ้อน และสภาพของผู้ป่วย

ในกรณีที่ก้อนเนื้องอกไม่โตมาก และไม่มีอาการผิดปกติ  อาจไม่ต้องให้การรักษาใด ๆ เพียงแต่คอยติดตามการเปลี่ยนแปลงของขนาดเนื้องอก โดยเฉพาะในผู้หญิงที่อายุใกล้หมดระดู  เพราะหลังจากหมดระดูก้อนเนื้องอกจะมีขนาดเล็กลง

ส่วนผู้ที่มีเนื้องอกขนาดโต  หรือมีอาการผิดปกติอันเนื่องจากก้อนเนื้องอก โดยส่วนมากแพทย์จะให้การรักษาด้วยการผ่าตัดเอามดลูกทิ้ง หรือเพียงแต่เลาะเอาก้อนเนื้องอกออกก็พอ แต่ทั้งนี้จะได้รับการรักษาด้วยวิธีใดขึ้นกับขนาดของก้อน ความต้องการมีบุตรและอายุของผู้ป่วย ในการผ่าตัดอาจใช้วิธีผ่าตัดทางหน้าท้องหรือการผ่าตัดผ่านทางกล้องก็ได้ ในรายที่ก้อนมีขนาดใหญ่อาจฉีดยาบางอย่างเพื่อทำให้ก้อนมีขนาดเล็กลง  เพื่อให้การผ่าตัดง่ายขึ้น  สำหรับผู้ที่ผ่าตัดเอาเฉพาะก้อนเนื้องอกออก ก้อนเนื้องอกเล็ก ๆ ที่หลงเหลืออยู่จะโตขึ้นมาใหม่ได้

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

เมื่อเป็นแล้ว จะมีโอกาสตั้งครรภ์หรือไม่

เนื้องอกมดลูกมีผลต่อการตั้งครรภ์และการคลอด  พบว่าร้อยละ 25 -35 ของผู้หญิงที่มีเนื้องอกมดลูกจะพบร่วมกับภาวะมีบุตรยาก

(บทความแนะนำ รู้แล้วรีบแก้ไข! พ่อแม่ยุคใหม่ ทำไมจึง มีลูกยาก ?)

ถ้าตั้งครรภ์อาจเกิดการแท้งหรือคลอดก่อนกำหนดได้  เนื่องจากการฝังของไข่ที่ได้รับการผสมจากเชื้ออสุจิแล้วกับเยื่อบุมดลูกไม่ดี  และก้อนเนื้องอกไปขัดขวางการเจริญเติบโตของมดลูกขณะตั้งครรภ์  หรือทำให้เกิดการบีบตัวอย่างผิดปกติของมดลูก

นอกจากนี้ทารกในครรภ์อาจอยู่ในตำแหน่งหรือท่าผิดปกติ  เนื้องอกมดลูกอาจไปขัดขวางทางคลอด  ทำให้คลอดยากและอาจตกเลือดภายหลังการคลอดได้

 อ่านต่อ>> ภาวะแทรกซ้อน และการป้องกัน เนื้องอกมดลูก คลิกหน้า 3               

เครดิตภาพ : md-health.com

ภาวะแทรกซ้อน เนื้องอกมดลูก

– อาจทำให้เลือดออกมากจนซีด (โลหิตจาง)

– ก้อนเนื้องอกอาจโตกดถูกท่อปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะ ทำให้มีอาการปัสสาวะบ่อย หรือมีความรู้สึกเวลาปวดปัสสาวะ ต้องรีบเข้าห้องน้ำทันที หรือปัสสาวะไม่ออก บางรายอาจมีการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะแทรกซ้อน บางรายอาจกดถูกท่อไต ทำให้เกิดภาวะท่อไตบวมและคั่งน้ำ (hydroureter) และภาวะกรวยไตบวมและคั่งน้ำ (hydrohephrosis)

– ถ้ากดถูกลำไส้ใหญ่ หรือทวารหนักก็ทำให้มีอาการท้องผูก ริดสีดวงทวารกำเริบได้

– ถ้ากดถูกท่อรังไข่ก็อาจทำให้มีบุตรยาก

– ขณะตั้งครรภ์ ก้อนเนื้องอกอาจโตขึ้นรวดเร็วจนทำให้แท้งบุตร หรือคลอดลำบาก

– บางรายก้อนเนื้องอกอาจโตยื่นออกนอกมดลูก โดยมีก้านเชื่อมกับมดลูก บางครั้งอาจเกิดการบิดของขั้วเนื้องอก ทำให้เกิดอาการปวดท้องฉับพลันรุนแรงจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด

-ในกรณีเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ก็อาจมีอาการปวดท้องประจำเดือนมากกว่าปกติ มีเลือดออกมากผิดปกติระหว่างรอบเดือน หรือมีอาการปวดท้องขณะมีเพศสัมพันธ์

แนวทางในการป้องกันโรคเนื้องอกมดลูก

  1. คุมกำเนิด

ในผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นเนื้องอกมดลูก หากต้องการคุมกำเนิด อาจเลือกการใส่ห่วงหรือใช้ถุงยางอนามัยหรือการใช้ยาฉีด ยาฝัง ที่มีฮอร์โมนโปรเจสติน (Progestin) แทนการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน

  1. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

เนื่องจาก โรคนี้พบได้สูงขึ้นในคนมีน้ำหนักตัวเกิน

  1. รับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ

เพราะไขมันจะเป็นแหล่งในการสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจน ดังนั้นถ้ามีปริมาณไขมันในร่างกายเพิ่มพูนมากขึ้น ปริมาณของฮอร์โมนเอสโตรเจนก็จะมากขึ้นด้วย

  1. ออกกำลังกายแบบแอโรบิค

4-5 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งจะช่วยในการปรับสมดุลของฮอร์โมนได้

  1. ลดหรือหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน

เช่น แยม (Jam) หรือเจลลี (Jelly) บางชนิด ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง หรือสมุนไพรบางชนิด เช่น โสมบางชนิด

  1. ลดหรือหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

โดยเฉพาะเบียร์ เนื่องจากพบว่า เพิ่มอัตราการเป็นเนื้องอกมดลูก

จะเห็นได้ว่า การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยคุณแม่ห่างไกลจากเนื้องอกมดลูกได้ อย่างไรก็ตาม หากคุณแม่ตรวจพบเนื้องอกมดลูก ก็อย่าเพิ่งเป็นกังวลมากเกินไปนะคะ เพราะอย่างที่กล่าวมาแล้ว เนื้องอกมดลูกส่วนใหญ่ไม่เป็นมะเร็ง เพียงแต่ติดตามอาการ หรือรับการรักษาตามที่แพทย์แนะนำค่ะ

อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์, นิตยสารหมอชาวบ้าน, โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

ภาพประกอบ : drkomgrit.com

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids