ไข้ทับระดู เป็นโรคที่ดูไม่น่ากลัวสำหรับผู้หญิงสมัยนี้ เพราะเป็นเพียงแค่อาการไข้ขณะที่มีประจำเดือน จนทำให้ผู้หญิงหลาย ๆ คนมองข้ามสัญญาณอันตรายที่นำไปสู่ “ไข้ทับระดูที่มีสภาะวะโรคแอบแฝง”
ไข้ทับระดู ไม่ใช่อาการป่วยไข้ทั่วไป แต่อันตรายถึงชีวิต!
ไข้ทับระดู คืออะไร?
ไข้ทับระดู คือ อาการป่วยไข้ของผู้หญิง ในช่วงที่มีประจำเดือน ซึ่งไข้ทับระดูสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่ ไข้ทับระดูที่ไม่มีสภาวะอื่นแอบแฝง และ ไข้ทับระดูที่มีสภาวะโรคแอบแฝง
ไข้ทับระดูอาการเป็นอย่างไร?
- ไข้ทับระดูที่ไม่มีสภาวะอื่นแอบแฝง ไข้ทับระดูชนิดนี้ จะมีอาการคล้ายไข้หวัดทั่วไป เช่น ปวดศีรษะ ตัวร้อน มีไข้ โดยอาการไข้นี้ เมื่อได้ทานยา ก็จะหายได้ ในบางครั้งอาจมีอาการอ่อนเพลียหรือปวดประจำเดือนร่วมด้วย
- ไข้ทับระดูที่มีสภาวะโรคแอบแฝง จะมีอาการไข้ขึ้นสูงหนาวสั่น ปวดหลัง คลื่นไส้ อาเจียน และปวดท้องน้อย มีตกขาวปนหนองออกมาระหว่างมีประจำเดือน ซึ่งบางครั้งประจำเดือนอาจมีมากผิดปกติและมีกลิ่นเหม็น หากมีอาการจะรุนแรงมากขึ้นในทุก ๆ รอบเดือนนั่นเป็นสัญญาณของ“โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบเรื้อรัง”
ไข้ทับระดู สาเหตุ มาจากอะไร?
เนื่องจากขณะมีประจำเดือนร่างกาย มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศหญิง เช่น ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ระบบร่างกายเสียสมดุล มีภูมิต้านทานลดน้อยลงจึงมีโอกาสที่จะเกิดการติดเชื้อง่ายกว่าปกติ
แต่สำหรับผู้ป่วยที่เป็นไข้ทับระดูที่มีสภาวะโรคแอบแฝง หรือ โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบเรื้อรับ นั้น เกิดจากซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อคลาไมเดีย (Chlamydia trachomatis) ที่ติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์ หรือทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศไม่ดี ทั้งนี้หากผู้ติดเชื้อไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง เชื้อจะไปทำลายท่อรังไข่และอวัยวะอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียง และถ้าปล่อยให้เป็นเรื้อรังจะก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมา นั่นคือภาวะมีบุตรยาก เป็นหมัน หรือตั้งครรภ์นอกมดลูก อีกทั้งบางรายอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
ไม่เพียงเท่านี้อาการแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นตามมาอีกคือ เกิดฝีหนองในอุ้งเชิงกราน ที่ส่งผลให้ไข้เพิ่มสูงขึ้นและมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง บางรายหนองแตกในท้องต้องเข้ารับการผ่าตัดเอาหนองออกหรือไม่ก็ใช้วิธีการให้ยาฆ่าเชื้อปฏิชีวนะแทนหากอาการไม่รุนแรงมากนัก
ไข้ทับระดูกี่วันหาย?
สำหรับไข้ทับระดูที่ไม่มีสภาวะอื่นแอบแฝง มักจะหายจากอาการไข้ภายในครึ่งวัน – 5 วัน ขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละคนว่าเป็นมากหรือน้อย แต่สำหรับไข้ทับระดูที่มีสภาวะโรคแอบแฝงนั้น ไม่สามารถหายจากอาการได้เองหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ดังนั้น หากสงสัยว่าอาจเป็นไข้ทับระดูชนิดนี้ ควรพบแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ ไข้ทับระดู ห้ามกินอะไร? ต้องกินยาอะไรบ้าง? ป้องกันได้อย่างไร?
ไข้ทับระดูห้ามกินอะไร?
อาหารที่ทานในขณะที่เป็นไข้ทับระดู มีส่วนทำให้อาการไข้แย่ลงหรือดีขึ้นได้ 5 อาหารนี้ ควรหลีกเลี่ยงเมื่อเป็นไข้ทับระดู
- น้ำเย็น และน้ำแข็ง เพราะอาจจะทำให้ประจำเดือนหยุดไหล หรืออาจทำให้เกิดอาการช็อกได้ เพราะร่างกายอ่อนแอ และปรับอุณหภูมิไม่ทัน
- น้ำมะพร้าว น้ำมะพร้าวไม่ได้มีผลกระทบใด ๆ ต่อประจำเดือน เพียงแต่การทานยาเพื่อบรรเทาอาการไข้หรืออาการปวดนั้น หากกินพร้อมกับน้ำผลไม้ โดยเฉพาะน้ำมะพร้าว อาจลดประสิทธิภาพยาที่กินเข้าไปได้ นอกจากนี้ ในช่วงที่มีประจำเดือน ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง การดื่มน้ำมะพร้าวที่ทำให้ให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนของเพศหญิงเพิ่มขึ้น ก็จะยิ่งทำให้ร่างกายปั่นป่วนมากขึ้นได้
- แตงกวา มีฤทธิ์เย็น การที่ร่างกายได้รับอาหารที่มีฤทธิ์เย็นในช่วงที่ร่างกายแปรปรวนนั้น อาจทำให้เกิดอาการช็อกได้
- ลำไย ขนุน เป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ร้อนมาก การทานผลไม้ที่มีฤทธิ์ร้อน เป็นการไปเสริมให้อุณหภูมิของร่างกายที่สูงอยู่แล้วจากอาการไข้ยิ่งสูงหนักขึ้น และไม่สามารถระบายความร้อนออกจากร่างกายได้ นอกจากนี้ยังคงมีผลต่อระบบการย่อยอาหารอีกด้วย
- อบเชย นอกจากจะทำให้ร่างกายร้อนกว่าเดิมแล้ว ยังทำให้ประจำเดือนออกมามากกว่าปกติอีกด้วย
ไข้ทับระดูต้องกินยาอะไร?
สำหรับสาว ๆ ที่เป็นไข้ทับระดูชนิดที่ไม่มีภาวะอื่นแอบแฝง การรักษา การกินยา และการดูแลตัวเองนั้น ก็เหมือนการรักษาตัวเองในขณะที่เป็นไข้หวัดทั่วไป คือ รักษาตามอาการ โดยทานยาแก้ไข้เมื่อมีอาการปวดศีรษะหรือตัวร้อน ทานยาแก้ปวดประจำเดือนเมื่อมีอาการปวดท้องน้อย นอกจากนี้การดูแลรักษาความสะอาดอวัยวะเพศด้วยการเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ ทุก 4 ชั่วโมง เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ การดื่มน้ำอุ่นเพื่อขับพิษไข้ จะได้ระบายออกมาทางเหงื่อและปัสสาวะ และใช้ถุงน้ำร้อนประคบที่ท้อง เพื่อให้เลือดประจำเดือนขับออกมาได้คล่องตัวขึ้น ก็จะช่วยบรรเทาอาการไข้ทับระดูได้เช่นกัน
และสำหรับสาว ๆ ที่สงสัยว่าจะเป็นไข้ทับระดูที่มีสภาวะโรคแอบแฝงนั้น ควรรีบพบแพทย์ทันที เพื่อสอบถามซักประวัติผู้ป่วยและประวัติการใช้ยา รวมถึงประวัติการมีเพศสัมพันธ์ โดยแพทย์จะทำการตรวจภายในเพื่อตรวจดูตกขาวที่ผิดปกติ และเก็บเชื้อจุลินทรีย์จากสารคัดหลั่งที่อยู่ภายในช่องคลอดและปากมดลูก เพื่อตรวจหาชนิดของเชื้อโรค ร่วมกับการตรวจเลือดกับปัสสาวะ ตรวจอัลตราซาวด์ว่าตั้งครรภ์หรือไม่ สำหรับประกอบคำวินิจฉัยโรค เมื่อทราบถึงแนวทางการรักษาแล้ว ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด รวมถึงงดมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะรักษาหายขาด
ไข้ทับระดู ป้องกันได้อย่างไร?
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการใส่ใจสุขภาพในช่วงที่มีประจำเดือน เพราะเมื่อร่างกายแข็งแรงแล้ว ก็จะเป็นเกราะป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ ที่อาจทำให้เกิดโรคร้ายตามมาได้ ดังนั้น ในช่วงที่มีประจำเดือน ควรปฏิบัติดังนี้
- พักผ่อนให้เพียงพอ ลดกิจกรรมประจำวันลง
- ทานอาหารที่มีประโยชน์ย่อยง่าย เช่น พืชผักพลไม้ต่าง ๆ
- งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ละเว้นการสูบบุหรี่
- เปลี่ยนผ้าอนามัยไม่ต่ำกว่า 2 ชิ้นในหนึ่งวันเพื่อความสะอาดของสุขอนามัยส่วนตัว
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงมีประจำเดือน เพราะมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อร้ายสูง เนื่องจากเวลาที่มีประจำเดือน ปากมดลูกจะเปิด เลือดจึงเป็นอาหารชั้นดีหล่อเลี้ยงแบคทีเรียให้เจริญเติบโต เมื่อเกิดการติดเชื้อจึงทำให้โรคค่อนข้างรุนแรง เกิดเป็นไข้ทับระดูขึ้น
อย่างที่ทราบกันดีว่าช่วงที่มีประจำเดือนเป็นช่วงที่ร่างกายอ่อนแอ สามารถเจ็บป่วยได้ง่าย หากเป็นการเจ็บป่วยจากเชื้อโรคทั่ว ๆ ไป ก็ยังสามารถรักษาให้หายได้ภายในไม่กี่วัน แต่หากเจ็บป่วยจากเชื้อโรคชนิดที่ร้ายแรง ก็อาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้น สาว ๆ จึงควรหมั่นสังเกตอาการของตนเองทุกครั้งที่มีประจำเดือน หากมีอาการผิดแปลกไปจากเดิม ร่วมกับการมีไข้ ก็ควรไปพบแพทย์ทันที เพราะการรู้และรักษาแต่เนิ่น ๆ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนได้ดียิ่งขึ้น
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
เตือน!! ผักดิบ 9 อย่าง กินมากไปอาจได้โทษ พร้อมวิธีลวกผักให้เขียวกรอบน่ากิน
เตือนแม่!! 11 ภาชนะ ห้ามใส่อาหารเข้าอุ่นไมโครเวฟ อันตรายต่อสุขภาพลูกน้อย
ขอบคุณข้อมูลจาก : รศ.นพ.วิชัย เติมรุ่งเรืองเลิศ อาจารย์ประจำภาควิชาสูติศาสตร์-นารีเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, Mthai, Honestdocs
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่