โรคแทรกซ้อนระหว่างเป็นหัด
เมื่อเป็นโรคหัด ภูมิต้านทานโรคในร่างกายของเราจะอ่อนแอลง เนื่องจากเชื้อไวรัสเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาว ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสสูงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนได้
- ระบบทางเดินอาหาร อุจจาระร่วง ไส้ติ่งอักเสบ ตับอักเสบ
- ระบบทางเดินหายใจ
- กล่องเสียงอักเสบ
- หูส่วนกลางอักเสบ มักเกิดในเด็กเล็ก อาจมีผลต่อการได้ยินของเด็กได้
- ระบบประสาท
- สมองอักเสบ ถึงโอกาสเกิดจะมีน้อย แต่ถ้าเกิดขึ้นอาจทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้
ระบบของร่างกายไม่ว่าระบบใด หากมีความผิดปกติขึ้นมาย่อมมีผลกระทบต่อร่างกายไม่ใช่น้อย ดังนั้นถ้าเริ่มมีอาการควรรีบพบแพทย์โดยด่วน เพื่อกันไม่ให้โรคแทรกซ้อนเหล่านี้เกิดขึ้น
การรักษาโรคหัด
แม้จะยังไม่มีตัวยาหรือวิธีทางการแพทย์ ที่ได้รับการระบุว่าสามารถรักษาและกำจัดเชื้อไวรัสของโรคหัดได้อย่างเฉพาะเจาะจง …แต่ผู้ป่วยสามารถดูแลตัวเองให้อาการทุเลาลงได้ด้วยการ
- ดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว
- พักผ่อนให้เพียงพอเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย
- อยู่ในที่แห้งอุณหภูมิพอเหมาะเพื่อลดอาการไอบ่อยและเจ็บคอ
และอาจให้วิตามินเอเสริมให้กับร่างกาย ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ อย่างไรก็ดีคุณหมออาจสั่งจ่ายยาลดไข้ที่ไม่ใช่ยาแอสไพรินอย่างยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) และยาพาราเซตามอล (Paracetamol) เพื่อช่วยลดไข้และบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ เด็กที่เป็นโรคหัดที่เริ่มมีผื่นขึ้นควรอยู่ในบ้าน ไม่ไปโรงเรียน หรือพบปะผู้คนตามที่สาธารณะเป็นเวลาอย่างน้อย 4 วันหลังจากผื่นเริ่มปรากฏ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังผู้คนรอบข้าง
ทั้งนี้หากลูกทารก หรือเด็กเล็ก ผู้ที่ป่วยเป็นวัณโรค มะเร็ง หรือโรคอื่น ๆ ที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอได้รับเชื้อไวรัสโรคหัด ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการดูแลอย่างใกล้ชิดทันที ที่สำคัญไม่ควรให้เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีที่ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวรับประทานยาแอสไพรินเพื่อลดไข้ เพราะเด็กอาจจะเกิดอาการแพ้ยาที่เรียกว่ากลุ่มอาการราย (Reye’s Syndrome) ซึ่งทำให้ตับและสมองบวม เมื่อเกิดอาการดังกล่าว เด็กจะอาเจียนทันที อ่อนเพลีย หมดความสนใจต่อสิ่งรอบตัว พูดหรือทำอะไรที่แปลกไปจากเดิม และมักนอนซม หากตับและสมองถูกทำลายไปเรื่อย ๆ เด็กจะเกิดอาการสับสนมึนงง หายใจหอบเร็ว แสดงพฤติกรรมก้าวร้าว เกิดอาการชัก และหมดสติ ซึ่งหากได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที ก็อาจหายจากอาการได้อย่างปลอดภัย
การป้องกันโรคหัด
กรมควบคุมโรคขอแนะนำว่า โรคหัด ระบาด นี้ เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกน้อยไปรับวัคซีนรวมป้องกันโรคหัด คางทูม หัดเยอรมัน (MMR) ได้ฟรีที่โรงพยาบาลหรือสถานีอนามัย ตามกำหนดให้ครบ 2 ครั้ง เมื่ออายุ 9-12 เดือน และ 2 ปีครึ่ง รวมทั้งควรให้ลูกอยู่ให้ห่าง หรือหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยโรคหัดด้วยจะเป็นการดีที่สุด
อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิก :
- เตือนคุณแม่ ติดไข้ออกผื่นจากลูก กินแต่ยาเขียว เสี่ยงปอดอักเสบ
- หน้าฝนมาเยือน เตือนพ่อแม่ระวัง! ไข้ออกผื่น ในเด็ก
- เข้าใจให้ถูกเรื่องของ อีสุกอีใส ยาเขียว แก้ได้จริงหรือ
- หมอจุฬาเตือน! 5 โรคผิวหนังในเด็ก ต้องระวังช่วงหน้าหนาว
ขอบคุณข้อมูลจาก : workpointnews.com , www.pobpad.com , www.sanook.com
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่