ยาขับน้ำคาวปลา หลังคลอด จำเป็นต้องกินไหม? เป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือเปล่า? จริงๆ มีอีกหลายคำถามเลยค่ะที่แม่ๆ พึ่งคลอดลูกอ่อนถามกันเข้ามาเกี่ยวกับยาขับน้ำคาวปลา ดังนั้นเพื่อเป็นการไขข้อข้องใจบวกความสงสัยของคุณแม่หลังคลอดลูก ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีข้อมูลที่น่าสนใจ และเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพแม่หลังคลอดลูกมาให้ทราบค่ะ
ยาขับน้ำคาวปลา หลังคลอด
ก่อนที่เราจะไปหาคำตอบว่า ยาขับน้ำคาวปลา หลังคลอด จำเป็นต้องกินหรือเปล่า ผู้เขียนจะขอย้อนอธิบายถึงที่มาที่ไปของน้ำคาวปลากันก่อนสักเล็กน้อย เพราะยังมีแม่หลังคลอดที่ส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจว่าคืออะไร!!
น้ำคาวปลา (Lochia) คือของเหลวที่มาจากเลือด น้ำเหลือง น้ำคร่ำ เยื่อบุโพรงมดลูกที่หลุดลอกออกมาภายหลังจากที่คลอดทารกและรก การคลอดลูกจะทำให้มีแผลเกิดขึ้นตรงผนังมดลูก และโพรงมดลูก ซึ่งเป็นบริเวณที่เกาะของรก พอหลังคลอดลูกแล้วจะทำให้เกิดน้ำคาวปลาออกมาค่ะ
“น้ำคาวปลา” จะแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ
- น้ำคาวปลาแดง (lochia rubra) ออกมาตั้งแต่วันแรกหลังคลอดจนถึงประมาณ 3-5 วัน มีสีแดงช้ำๆ คล้ำๆ เพราะประกอบด้วยเลือด เมือก และเศษรก
- น้ำคาวปลาเหลืองใส (lochia serosa) ออกต่อจากน้ำคาวปลาแดงไปจนถึงประมาณวันที่ 10 หลังคลอด โดยจะจางลงและสีจะเริ่มเปลี่ยนเป็นน้ำตาลหรือชมพู จากนั้นจะค่อยๆ กลายเป็นเหลืองใส ในน้ำคาวปลาช่วงนี้จะประกอบด้วยน้ำเหลือง เยื่อเมือก เม็ดเลือดแดง และเม็ดเลือดขาว
- น้ำคาวปลาขาว (lochia alba) มีสีเหลืองขุ่นจนออกไปทางขาว ออกต่อจากน้ำคาวปลาเหลืองใสไปจนถึง 6 สัปดาห์หลังคลอด ในน้ำคาวปลาจะมีเม็ดเลือดแดงน้อยลง แต่มีเม็ดเลือดขาว ไขมัน เมือก และเซลล์บุผนังช่องคลอดมากขึ้น ปริมาณน้ำคาวปลาจะค่อยๆ ลดลงจนแห้งสนิท[1]
บทความแนะนำ คลิก>> มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก กับสัญญาณเตือนให้ระวัง!
คุณแม่หลังคลอดลูกจะมีน้ำคาวปลาตามธรรมชาติค่ะ ฉะนั้นไม่ต้องตกใจว่าคืออะไร หรือบางคนไม่รู้เลยเข้าใจว่านั่นคือการมีประจำเดือนซึ่งไม่ใช่นะคะ และถึงแม้ว่าการมีน้ำคาวปลาจะเป็นเรื่องปกติหลังคลอด แต่ก็มีคุณแม่บางคนที่มีน้ำคาวปลาผิดปกติ ไปดูกันต่อว่าน้ำคาวปลาที่ว่าผิดปกตินั้นต้องเป็นลักษณะใดกันค่ะ
อ่านต่อ จะรู้ได้อย่างไรว่าน้ำคาวปลาผิดปกติ หน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
วิธีสังเกตลักษณะน้ำคาวปลาที่ผิดปกติ!!
น้ำคาวปลาที่ปกติจะต้องไม่มีกลิ่นเหม็น และสีน้ำคาวปลาจะค่อยๆ จางไป รวมถึงระยะเวลาที่เริ่มมีจากหลังคลอดจนถึงประมาณ 6 สัปดาห์ สำหรับน้ำคาวปลาที่ผิดปกติคุณแม่สามารถดังเกตได้ด้วยตัวเองดังนี้ค่ะ
1. น้ำคาวปลากลับมามีสีแดงใหม่
มักเกิดจากการที่มีเศษรกค้างอยู่ในมดลูก หรือมีการอักเสบของเยื่อบุโพรงมดลูก สาเหตุที่ยังมีรกค้างในมดลูก อาจมาจากการที่เคยมีการอักเสบติดเชื้อในมดลูกมาก่อน หรือคุณแม่เคยมีการขูดมดลูกมาก่อนหลายครั้ง ซึ่งเป็นผลให้เกิดการอักเสบในมดลูก
2. น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น
ปกติน้ำคาวปลาจะมีกลิ่นคาวเลือดเล็กน้อย แต่ทั้งนี้หากน้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็นแสดงว่ามีการติดเชื้อในมดลูก ที่อาจมีสาเหตุมาจากการปล่อยให้น้ำเดินเป็นเวลานาน ทำให้เชื้อโรคที่อยู่บริเวณช่องคลอดเข้าไปในมดลูก[2]
ฉะนั้นหากคุณแม่พบว่าลักษณะน้ำคาวปลาที่มานั้นมีทั้งกลิ่นเหม็น และออกมามีสีแดงสดอยู่ตลอดเวลา ให้รีบกลับไปพบคุณหมอทันที เพื่อป้องกันความเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพภายในของคุณแม่ค่ะ
บทความแนะนำ คลิก>> 10 เรื่องควรรู้ของ การคืนสภาพช่องคลอดหลังคลอดลูก
พอจะทราบกันคร่าวๆ แล้วนะคะว่าน้ำคาวปลาคืออะไร และลักษณะแบบไหนที่ว่าปกติ และผิดปกติ ทีนี้เราจะมาว่ากันด้วยเรื่องยาขับน้ำคาวปลา ที่ขอแชร์จากประสบการณ์ของคนในใกล้ตัวคือน้องสาวที่เป็นญาติกัน เนื่องจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเธอเพิ่งคลอดลูกมา แล้วมาถามว่าอยากกินยาขับน้ำคาว จะกินได้ไหม เราก็ถามกลับไปว่าทำไมถึงอยากกิน จนได้คำตอบว่ามีเพื่อนๆ แนะนำให้กิน เพราะเพื่อนเกือบทุกคนก็กินกัน รวมถึงยาสมุนไพรต่างๆ มีคนมาเยี่ยมแล้วซื้อมาฝาก ด้วยความเป็นห่วงน้องสาว เราจึงบอกไปว่าอยากกินเลยยาขับน้ำคาวปลา ไม่จำเป็นเลย ตอนแรกคุณเธอเหมือนจะไม่ฟัง จนสุดท้ายก็มานั่งหาข้อมูลยืนยันจากคุณหมอด้วยกัน สุดท้ายคุณน้องสาวก็เข้าใจว่าจริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องกินยาสำหรับขับน้ำคาวปลาเลย มาดูกันว่าข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงที่ว่านั้นคืออะไร…
อ่านต่อ อันตรายจากการกินยาขับน้ำคาวปลา หน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
สำหรับความเชื่อหลังคลอดของของแม่หลายๆ คน ที่ได้รับคำแนะนำในการให้กินยาสำหรับขับน้ำคาวปลา หรือบางคนก็ว่าต้องกินยาดอง เพราะกินแล้วดีต่อมดลูก ช่วยให้มดลูกแห้งเข้าอู่เร็ว รู้ไหมคะว่านั่นอันตรายต่อสุขภาพของแม่ แล้วก็ลูกน้อยแรกคลอดด้วย ซึ่งในเรื่องนี้ผู้เขียนได้อ่านเจอข้อมูลที่น่าสนใจ และอธิบายไว้อย่างละเอียด จาก รศ.พญ.สายฝน ชวาลไพบูลย์ ภาควิชาสูติศาสตร์ นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จึงอยากให้คุณแม่หลังคลอด หรือแม่ใกล้คลอด ได้มารู้ข้อมูลนี้พร้อมๆ กันค่ะ
อันตรายจากการกินยาขับน้ำคาวปลา
ตามที่คุณหมออธิบายคือ น้ำคาวปลาคือเลือดดีๆ ที่ร่างกายขับออกมาตามกลไกธรรมชาติของผู้หญิงหลังคลอดลูกค่ะ ซึ่งร่างกายก็จะค่อยๆ ปรับให้น้ำคาวปลาค่อยๆ มาน้อยลงแต่หมดไปได้เอง โดยที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพแต่อย่างใด แต่ในบางความเชื่อของหลายๆ คน เข้าใจว่าน้ำคาวปลาคือเลือดเสีย จึงอยากให้ร่างกายขับออกมาเยอะๆ จะได้หมดเร็ว ช่วยให้มดลูกแห้งเร็ว ก็เลยไปหาซื้อยาขับน้ำคาวปลา รวมถึงยาดองมากินกัน รู้ไหมว่านั่นคือการหยิบยื่นอันตรายให้กับสุขภาพตัวเองโดยตรงเลยค่ะ มาดูกันว่าอันตรายอย่างไร…
- การกินยาสำหรับขับน้ำคาวปลา จะทำให้ร่างกายมีการขับเลือดออกมามาก (น้ำคาวปลาคือเลือดดี) เมื่อเลือดดีออกจากร่างกายมากๆ ผลกระทบที่ตามมาคือ แม่เกิดภาวะตกเลือด ในบางคนมีอาการช็อก และหมดสติ
- ยาขับน้ำคาวปลา และยาดอง ส่วนมากจะผสมแอลกอฮอล์ลงไปด้วย แม่หลังคลอดที่กินแล้วให้ลูกกินนมแม่ด้วย ผลกระทบคือ แอลกอฮอล์ที่ผสมอยู่ในยาดอง และยาขับน้ำคาวปลา สามารถผ่านออกมาทางน้ำนมแม่ได้ด้วยนะคะ ลูกกินนมแม่ที่มีแอลกอฮอล์ปนออกมาด้วย ถามว่ามีผลเสียหายร้ายแรงไหม? คำตอบคือ “มีค่ะ!” ผลเสียที่ว่าคือกระทบต่อสมองและสุขภาพของลูก นั่นเพราะแอลกอฮอล์ที่ปนมากับนมแม่ เมื่อลูกกินเข้าไปแล้วเขาจะได้หลับอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องดี สมองที่หลับไหลไม่ได้รับการกระตุ้นพัฒนาการตั้งแต่แรกเกิด จะทำให้ลูกลดความเฉลียวฉลาดลงไป และที่ร้ายแรงตามมา คือ แอลกอฮอล์อาจทำให้ตับของลูกทำงานผิดปกติ สร้างสารแข็งตัวของเลือดได้น้อยลง จนอาจมีเลือดออกตามส่วนต่าง ๆ ของลูกจนทำให้เสียชีวิตได้[3]
ความปลอดภัยของสุขภาพหลังคลอดของทั้งคุณแม่ คุณลูกเป็นเรื่องสำคัญมากค่ะ ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ทานอาหาร รวมถึงเครื่องดื่มบำรุงร่างกายหลังคลอดที่เขาว่ากินแล้วดีต่อสุขภาพภายในของผู้หญิง เพราะหากไม่ศึกษาข้อมูลผลลัพธ์ที่จะได้ประโยชน์จริงๆ ให้ดีเสียก่อน ก็อาจทำให้เสี่ยงต่อการมีสุขภาพที่แย่ลง หรืออาจเสี่ยงเสียชีวิตได้ทั้งแม่ และลูกค่ะ …ด้วยความใส่ใจและห่วงใย
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อบทความเรื่องอื่นที่น่าสนใจคลิก
อาหารต้องห้ามสำหรับแม่ลูกอ่อน
9 สมุนไพรอันตรายที่แม่ท้องต้องระวัง !!
ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก
1นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์. http://visitdrsant.blogspot.com/ 2010/09/blog-post_08.html.น้ำคาวปลาปกติกี่วันถึงจะหมด
2รศ.นพ.วิทยา ถิฐาพันธ์. น้ำคาวปลาผิดปกติ. คู่มือตั้งครรภ์และเตรียมคลอดสำหรับคุณแม่ยุคใหม่
3รศ.พญ.สายฝน ชวาลไพบูลย์ ภาควิชาสูติศาสตร์ นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล. จริงหรือ!ความเชื่อขณะตั้งครรภ์. www.si.mahidol.ac.th