วิธีการรักษา โรคปอดอักเสบในเด็ก แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
◊ การรักษาแบบทั่วไป
- เมื่อ ลูกป่วยเป็นปอดอักเสบ คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกดื่มน้ำมากๆ สำหรับในรายที่มีอาการหอบมาก ท้องอืด กินนมหรือข้าวไม่ได้ คุณหมออาจพิจารณาให้สารน้ำทางเส้นเลือดดำ และงดอาหาร
- จะมีการให้ออกซิเจนในรายที่มีอาการตัวเขียว หายใจเร็ว หอบ ชายโครงบุ๋ม กระวนกระวายหรือซึม
- ใช้ยาขยายหลอดลมในรายที่ได้ยินเสียงหลอดลมตีบ
- ในกรณีที่ให้สารน้ำที่เหมาะสมแล้ว ยังมีเสมหะเหนียวอยู่ อาจใช้ยาขับเสมหะ
นอกจากนี้สำหรับเด็กเล็ก จะมีการทำกายภาพบำบัดทรวงอก เคาะปอด เพื่อลดเสมหะถูกขับออกจากปอดและหลอดลมได้ดีขึ้น พร้อทรักษาอื่นๆ ตามอาการ ได้แก่ การให้ยาลดไข้ ส่วนสำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจ แพทย์จะพิจารณาถึงการใส่ท่อหลอดลม และเครื่องช่วยหายใจ
♦ การรักษาจำเพาะ
สำหรับเด็กที่ป่วยเป็น โรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัส จะไม่มียารักษาจำเพาะ ยกเว้น ไข้หวัดใหญ่ที่มียาต้านเชื้อไวรัส ส่วนไวรัสชนิดอื่นๆ จะให้การรักษาตามอาการ >> ทั้งนี้จะรักษาด้วยยาปฏิชีวนะอย่างเร็วที่สุด หลังจากได้รับการวินิจฉัยว่าสาเหตุเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
คำแนะนำในการป้องกันเพื่อไม่ให้ลูกเป็น ปอดอักเสบ
- หลีกเลี่ยงการอยู่ที่แออัด ในช่วงโรคระบาด
- หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรค เช่น ควันบุหรี่ ควันไฟ ควันจากไอรถยนต์ หรืออากาศที่หนาวเย็น
- คุณพ่อคุณแม่ ผู้เลี้ยงดู และลูกน้อย ต้องหมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล
- ไม่ควรให้ลูกน้อยที่อายุต่ำกว่า 1 ปี ไปคลุกคลีกับผู้ป่วย
- ควรให้ลุกดื่มน้ำมากๆ และรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
- ใช้ช้อนกลางรับประทานอาหาร ไม่ใช้หลอดดูดน้ำร่วมกับผู้อื่น หรือผ้าเช็ดหน้าร่วมกับผู้อื่น
- อย่าลืมพาลูกน้อยไปฉีดวัคซีนเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน วัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่ วัคซีนไอพีดี หรือวัคซีนฮิบ หากสงสัยว่าลูกมีอาการดังกล่าว ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อจะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
คำแนะนำเพิ่มเติม สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกน้อย โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง คือ เด็กสุขภาพดีที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี และกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากกว่า คือ เด็กที่พ่อแม่ต้องพาไปอยู่เนอสเซอรี่หรือสถานเลี้ยงเด็กกลางวัน หรือเด็กที่มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับภูมิต้านทานที่ต่ำ เช่น โรคเลือด ม้ามทำงานได้ไม่ดี หรือเด็กที่เป็นหวัดบ่อยๆ เป็นภูมิแพ้ เป็นต้น
การเสริมภูมิคุ้มกันที่ดีสำหรับลูกน้อย อันดับแรกคือ การส่งเสริมให้ลูกน้อยได้กินนมแม่ได้นานที่สุด ต่อมา คือ ไม่ควรให้ลูกน้อยอยู่ในที่แออัด และถ้าเป็นไปได้ก็อย่ารีบส่งลูกไปอยู่เนอสเซอรี่ หรือสถานเลี้ยงเด็กกลางวันเร็วเกินไป เพราะโอกาสติดเชื้ออาจมีมากขึ้น สำหรับเด็กที่อยู่กับพี่เลี้ยง ก่อนที่จะรับพี่เลี้ยงเด็ก ก็ควรพิจารณาถึงสุขลักษณะ ความสะอาด และเช็คสุขภาพของพี่เลี้ยงด้วย เพื่อสุขภาพที่ดีของลูกน้อยขณะอยู่กับพี่เลี้ยง
อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก :
- หมอจุฬาฯ เตือน! 4 โรคติดเชื้อในเด็ก ที่ลูกมักติดจากเพื่อนๆ ในโรงเรียน
- IPD โรคติดเชื้อ สาเหตุการตายอันดับ 1 ในเด็ก
- 5 อันดับยอดฮิต โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจในเด็กเล็ก
- RSV โรคติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็ก สุดฮิตในหน้าฝน
- ตารางวัคซีน ปี 2561 จากสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย มาแล้วเช็กเลย!
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.siphhospital.com , www.vejthani.com
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่