ให้ ลูกนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ รู้หรือไม่ว่า จากสถิติอุบัติเหตุโดยรถมอเตอร์ไซด์ มีเด็กอายุ 0-15 ปีได้รับบาดเจ็บ มีเด็กอายุน้อยกว่า 15 ปีที่บาดเจ็บจากรถจักรยานยนต์มากถึง 15,000 ราย และมีราวๆ 700 รายที่เสียชีวิตจากการบาดเจ็บดังกล่าว ซึ่งมากกว่าโรคไข้เลือดออกหลายเท่าตัว
ในแต่ละวันเด็กเล็กๆ ตั้งแต่วัยอนุบาลไปจนถึงชั้นประถม นั่งซ้อนท้าย หรือนั่งข้างหน้ารถจักรยานยนต์กันจนชินตา กลายเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด พ่อแม่มักนิยมใช้รถมอเตอร์ไซค์ไปส่งลูกๆ ที่โรงเรียนในตอนเช้า โดยไม่รู้เลยว่า เด็กเล็กซ้อนมอเตอร์ไซค์ อันตรายกว่าที่คิด
ลูกนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ อันตราย…เสี่ยงตายกว่าที่คุณคิด
ซึ่งหนึ่งในพาหนะยอดนิยมของคนไทยก็คือรถจักรยานยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ จากข้อมูลการจดทะเบียนของรถจักรยานยนต์ของประเทศไทยพบว่า มีมากกว่ารถทุกชนิดรวมกัน นั่นคือ มากกว่า 60% ของรถทั้งหมด เนื่องจากมีราคาถูกกว่ารถยนต์ คล่องตัวกว่า ค่าดูแลรักษาต่ำกว่า ทำให้รถจักรยานยนต์เป็นขวัญใจของชาวไทยได้ไม่ยากเลย
แต่ในข้อมูลอีกด้านของรถจักรยานยนต์ก็พบว่า
การบาดเจ็บและเสียชีวิตบนท้องถนนของประเทศไทยนั้นราว ๆ 80% เกิดกับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการบาดเจ็บจากการใช้รถจักรยานยนต์ด้วยกันทั้งสิ้น
โดยปีหนึ่ง ๆ มีเด็กอายุน้อยกว่า 15 ปีที่บาดเจ็บจากรถจักรยานยนต์มากถึง 15,000 ราย และมีราว ๆ 700 รายที่เสียชีวิตจากการบาดเจ็บดังกล่าว ซึ่งมากกว่าโรคไข้เลือดออกหลายเท่าตัว ลองคิดดูเล่นๆ ว่าเราสูญเสียทรัพยากรที่สำคัญในอนาคตถึงปีละ 700 คนเลยทีเดียว หลายครั้งอุบัติเหตุและการบาดเจ็บที่ก็แทบจะเข้าข่าย “ไม่น่าจะเป็นไปได้” ดังเช่นที่เคยมีข่าวในปี 2558 “น้องม่อน” เด็กชายวัย 2 เดือน ต้องมาเสียเสียชีวิตเพราะถูกอุ้มซ้อนท้ายไปกับรถมอเตอร์ไซค์ โดยรถมอเตอร์ไซค์คันนี้ก็เป็นพาหนะคู่ใจของครอบครัวตั้งแต่พาคุณแม่ของน้องม่อนไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล พาไปคลอด ตลอดจนพาน้องม่อนกลับจากโรงพยาบาลหลังคลอด
โดยวันที่เกิดเหตุ คุณแม่อาบน้ำแต่งตัวให้น้องม่อน เพื่อเตรียมตัวจะไปรับวัคซีนที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (สถานีอนามัย)ตามนัด แม่ของน้องม่อนจึงเลือกที่จะให้คุณพ่อขับรถมอเตอร์ไซค์พาไปรับวัคซีน เมื่อนัดแนะกับคุณพ่อเรียบร้อย ก่อนออกเดินทางคุณแม่ก็ห่อน้องม่อนห่อตัวด้วยผ้าขนหนู โดยที่ไม่รู้เลยว่าผ้าขนหนูที่ห่อตัวนี้เองที่ทำให้เกิดเหตุน่าเศร้าใจ
ระหว่างการเดินทางไปกับรถมอเตอร์ไซค์ ในระยะทางสั้นๆ นั้น ปลายผ้าขนหนูที่ห่อตัวของน้องม่อนถูกซี่ล้อของรถจักรยานยนต์คู่ใจดึงเข้าไป แรงดึงทำให้ตัวน้องม่อนหลุดจากอ้อมแขนของคุณแม่ที่อุ้มอยู่เข้าไปอยู่บริเวณล้อหลังของรถมอเตอร์ไซค์ คุณพ่อหยุดรถทันทีด้วยความตกใจในเสียงร้องของคุณแม่ ก็พบว่าตัวของน้องม่อนติดอยู่กับซี่ล้อหลังของรถจักรยานยนต์ ตามตัวมีเลือดเปรอะเปื้อนพร้อมกับผ้าขนหนูที่คุณแม่ห่อตัวให้ขมวดอยู่กับแกนล้อแน่น ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ก็เข้ามาช่วยกันพยายามเอาตัวน้องม่อนออกจากซี่ล้อรถแล้วนำส่งโรงพยาบาลแต่ก็ช้าเกินไป น้องม่อนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุตรงนั้นเอง
และรวมไปถึงล่าสุด ได้มีคลิปวีดีโอที่เผยแพร่ลงทาง Facebook ซึ่งเป็นภาพของคุณแม่คนหนึ่งที่กำลังขับรถมอเตอร์ไซค์โดยมีลูกชายตัวน้อยนั่งซ้อนท้ายอยู่ข้างหลัง แต่ด้วยเสื้อแขนยาวที่ผูกเอวของแม่อยู่นั้น ห้อยโบกสะบัดไปมา และมีจังหวะการพัดจนแขนเสื้อเข้าไปพันที่ล้อรถ ทำให้เสื้อนั้นเกี่ยวกระชากเอาลูกชายตัวน้อยตกลงไปด้วย!!…..
>> ชมคลิปเหตุการณ์จริง เด็กน้อยถูกเสื้อกระชากเข้ากงล้อรถ
พร้อมวิธีให้ลูกนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์อย่างไรให้ปลอดภัย” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
โพสต์โดย สนุกดี ภาพ Vs คลิป บน 11 พฤษภาคม 2017
ขอบคุณคลิปวีดีโอจาก : สนุกดี ภาพ Vs คลิป
จากคลิปจะเห็นได้ว่า ผู้เป็นแม่ไม่ได้ทันระวังเลย เมื่อลูกถูกเกี่ยวกระชากลงไปทำให้รถติดขัด ขับขี่ไปไม่ได้ จึงหันมาดูและพบว่าลูกน้อยได้ลงไปห้อยแขนติดกับล้อรถ จึงรีบหยุดรถแล้วลงมาช่วยดึงตัวลูกออกจากล้อทันที ซึ่งนับว่าโชคดีที่เด็กน้อยไม่เสียชีวิต แต่อย่างไรก็ได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่น้อย
จากเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงหลายๆ ครั้งดังตัวอย่างข้างต้น รวมถึงเหตุที่คาดการณ์ได้อีกหลาย ๆ ครั้ง เช่น เมาแล้วขับ ไม่สวมหมวกนิรภัย ล้วนส่งผลให้หลายหน่วยงานแสดงความกังวลเกี่ยวกับการให้เด็กทารกโดยสารบนรถจักรยานยนต์เนื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย อย่าง องค์การอนามัยโลกสำนักงานภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ ก็เคยออกคำแนะนำเรื่องการโดยสารรถจักรยานยนต์ว่า “ไม่แนะนำให้ทารกโดยสารรถจักรยานยนต์ ควรมีการออกกฎหมายควบคุม” รวมถึง “ควรมีการศึกษาวิจัยที่ชัดเจนถึงหมวกนิรภัย ที่นั่งโดยสารที่ปลอดภัย ความเร็วที่เหมาะสม รวมถึงระบบยึดเหนี่ยวที่ปลอดภัยสำหรับเด็กทารก” เรียกง่าย ๆว่า ควรจะหยุดใช้ไปก่อนจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าปลอดภัยมากพอ
องค์การอนามัยโลกสำนักงานภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ เคยออกคำแนะนำเรื่องการโดยสารรถจักรยานยนต์ว่า “ไม่แนะนำให้ทารกโดยสารรถจักรยานยนต์ ควรมีการออกกฎหมายควบคุม”
ลูกนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ อย่างไรให้ปลอดภัย?
1. วัยทารก ไม่แนะนำให้นั่งรถจักรยานยนต์ ถึงแม้จะอุ้มไว้
อย่าลืมว่าผู้ที่อุ้มทารกต้องใช้มือของตัวเองหาที่จับ เมื่อซ้อนท้าย ทำให้มีโอกาสเสียสมดุล และมักจะมีอุปกรณ์พะรุงพะรัง เคยมีข่าวเด็กทารกเข้าไปติดในล้อรถเพราะผ้าห่อตัวถูกดูด ยิ่งเสี่ยงอันตรายมาก
2. วัยเด็กเล็ก ควรใช้ที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก
โดยต้องมีอุปกรณ์เสริมติดแน่นทั้งด้านหน้าและหลัง มีเบาะพิเศษสำหรับเด็กที่มีระบบยึดเหนี่ยวที่แข็งแรง เลือกรถจักรยานยนต์ที่มีที่กั้นล้อรถป้องกันการบาดเจ็บที่เท้า เพราะเท้าของเด็กไม่อยู่นิ่งมีโอกาสแกว่งไปมา และพลาดโดนล้อ และควรสวมหมวกนิรภัย สำหรับเด็กที่มีขนาดพอดี
3. วัยเด็กโต สอนให้ลูกนั่งรถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัย
ซึ่งท่านั่งคร่อมจะปลอดภัยที่สุด หาที่จับให้มั่นคง ติดตั้งที่วางเท้าให้มีความยาวพอดีกับเด็ก และอย่าลืมสวมหมวกนิรภัยที่พอดี
อ่านต่อ >> “การเลือกขนาดของหมวกนิรภัยที่เหมาะสมกับลูกน้อย” คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
ลดเจ็บ ลดตาย หันมาใส่หมวกกันน็อค!!
ทั้งนี้การใส่หมวกกันน็อคเป็นการป้องกันที่ดีวิธีหนึ่ง แต่หากจะปลอดภัยจริงๆ นั้น เด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี ไม่ควรโดยสารรถมอเตอร์ไซด์ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนหนูน้อยวัยมากกว่า 2 ปี หากเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงค่ะ แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็ควรสวมหมวกกันน็อคทุกครั้ง คุณพ่อคุณแม่ที่รู้ว่าเจ้าตัวน้อยของตนต้องเดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซด์ ควรจะลงทุนเลือกหมวกันน็อคที่มีคุณภาพไว้ให้เจ้าตัวเล็ก ซึ่งการหลักการเลือกหมวกกันน็อคที่ดี จะต้องเลือกให้พอดีกับขนาดศรีษะของลูก ไม่ควรซื้อเผื่อโต เพราะอาจเป็นอันตรายต่อศรีษะและกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอของลูกได้ คุณควรพาลูกไปซื้อและลองหมวกกันน็อคด้วยกัน วิธีการลองคือ เมื่อสวมหมวกดีแล้ว ให้ลูกเหลือบตามองด้านบน ว่าเห็นขอบหมวกด้านหน้าหรือไม่ ถ้าไม่เห็นแสดงว่าหมวกลอยสูงเกินไป ต้องปรับสายรัดให้พอดี รวมทั้งถ้าก้มๆ เงยๆ แล้วหมวกหลุดก็ต้องปรับสายคาดใหม่ ถ้าปรับเท่าไรไม่พอดี ควรลองใบที่เล็กลง
ลูกซ้อนมอเตอร์ไซค์ ควรใช้ขนาดหมวกนิรภัยที่เหมาะสมกับลูกน้อยไซส์ใด?
- เด็กอายุ 2 – 4 ขวบ ขนาดหมวก 500 ม.ม.
- เด็กอายุ 5 – 8 ขวบ ขนาดหมวก 530 – 540 ม.ม.
- เด็กอายุมากกว่า 8 ขวบ ขนาดหมวก 570 – 580 ม.ม.
นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรคำนึงถึงในการเลือกหมวกกันน็อค คือ
- มีความแข็งแรงเคาะแล้วจะรู้สึกว่าไม่ใช่เป็นเพียงพลาสติกบางๆ เปลือกในมักเป็นโฟม แต่ต้องมีความแข็งและหนาเพียงพอที่จะดูดซับแรงกระแทกหากลองเอานิ้วกดูแล้วอ่อนนิ่มยุบง่ายตามแรงกด หมวกนั้นมักจะไม่ได้มาตรฐาน
- สายรัดคาง ต้องแข็งแรง สายต้องยึดติดหมวกอย่างแน่นหนา ไม่หลุดง่ายเวลาออกแรงกระชาก หัวล็อคต้องแข็งแรง ใส่ง่ายถอดง่าย ล็อคแล้วลองกระชากดูว่าจะหลุดง่ายหรือไม่
- ควรมีเครื่องหมายมาตรฐานอุตสาหกรรม(มอก.) และที่เครื่องหมายจะมีชื่อบริษัทผู้ผลิต และจำหน่ายอยู่ด้วยถ้ามาตรฐานปลอมมักมีแต่เครื่องหมายอย่างเดียว
ข้อคิดก่อนพา ลูกนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์
- ถ้ามีลูกเล็กๆ ก็ไม่ควรพาออกไปไหน เพราะการโดนลมโดนฝุ่นมากก็ไม่ดี ถึงจะห่อผ้าก็อันตราย (ถ้าจำเป็นจริงๆ ต้องห่อผ้าให้ดีๆ เก็บชายผ้าให้เรียบร้อย หรือหากระเป๋าอุ้มลูกมาใส่ไว้ เพื่อให้คุณแม่ที่อุ้มมีมือยึดรถ หรือคนขับเอาไว้ในกรณีฉุกเฉิน)
- สำหรับเด็กโตที่ต้องซ้อนท้ายไปโรงเรียน ก็ต้องจัดระเบียบการนั่งให้ดีๆ มีเครื่องป้องกัน อย่างหมวกกันน็อค แว่นตากันลม เสื้อขายาว ใส่กางเกงขายาว
- ไม่นั่งซ้อนกันมากเกินไป เกินอันตรายขึ้นได้
- ไม่พาสุนัขไปพร้อมเด็ก
- สอนวิธีการนั่งที่ถูกต้องให้เด็ก
- คนขับต้องขับชิดซ้ายอย่างระมัดระวัง และไปช้าๆ ไม่ต้องรีบ
ถึงแม้ว่าหลายคนจะตระหนักถึงความเสี่ยงของการให้เด็กโดยสารรถจักรยานยนต์ แต่ว่าหลายพื้นที่ในประเทศไทยก็ยังไม่มีระบบขนส่งสาธารณะที่ดีพอที่จะทำให้ทุกๆ คนสามารถเข้าถึงได้ เด็กๆ รวมถึงผู้ปกครองจึงยังจำเป็นต้องใช้จักรยานยนต์เป็นประจำ อย่างไรก็ตามหากปฏิบัติตามกฎจราจร เช่น ไม่ขับขี่เกินความเร็วที่กำหนด สวมหมวกนิรภัยเพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่ศีรษะ ตรวจสอบสภาพรถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ ก็จะพอลดความเสี่ยงลงได้บ้าง
แต่ทางที่ดีที่สุด! คงจะเป็นการให้ทารกและเด็กเล็กหลีกเลี่ยงการโดยสารจักรยานยนต์นั่นเองค่ะ ด้วยความปรารถนาดีจาก Amarin Baby & Kids
อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!
- อุบัติเหตุ รถชน จากความประมาทของผู้ปกครอง
- เตือนสติพ่อแม่! ก่อนซื้อรถมอเตอร์ไซต์ให้ลูกขับขี่
- 7 วันอันตรายช่วงปีใหม่ที่ทุกครอบครัวต้องระวัง
- 7 ภัยอันตราย ใกล้ตัวลูกน้อย
นพ.ฉัตรชัย อิ่มอารมย์ กุมารแพทย์ ศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก และ อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี จากนิตยสาร Amarin Baby & Kids ฉบับเดือน มีนาคม 2017 Column : Kid Safety
เครดิต: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ, ผู้จัดการออนไลน์, 96.5 FM, voice TV, ok nation, save the children, PPTV