ขณะนี้สถานการณ์ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ a 2019 กลับมาระบาดหนักอีกระลอก โดยผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วก็ยังจะป่วยจากโรคนี้ได้อีก นั่นเป็นเพราะ…
ฉีดวัคซีนแล้วก็ยังป่วย! ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ a 2019 ระบาดอีกครั้ง
รายงานการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ไข้หวัดใหญ่ระหว่าง ม.ค.- ก.ค. 2562
โดย ศูนย์ไข้หวัดใหญ่แห่งชาติ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ วันที่ 30 สิงหาคม 2562
โครงการ “การศึกษาสายพันธุ์ไข้หวัดใหญ่เพื่อการเตรียมความพร้อมรับมือไข้หวัดใหญ่ระบาดใหญ่ (Study of Influenza strains for supporting of Pandemic Influenza Preparedness Planning)” ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากสถาบันวิจัยวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ได้สุ่มตัวอย่างจากผู้ป่วยที่มีอาการคล้าย ไข้หวัดใหญ่ (ILI) ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ปอดบวม ปอดอักเสบ (SARI) จากระบบเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่และ ไข้หวัดนก โดยกระทรวงสาธารณสุข ระหว่างเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2562 พบว่าในปีนี้ประเทศไทยมีการ ระบาดของไข้หวัดใหญ่ชนิด B สูงผิดปกติและต่อเนื่องมาจนถึงฤดูร้อน ซึ่งโดยปกติจะระบาดในช่วงฤดูหนาว เท่านั้น นอกจากนี้ในภาพรวมของเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดอื่น ๆ ยังมีอัตราผลบวกสูงกว่าทุก ๆ ปีเมื่อเทียบกับ ช่วงเวลาเดียวกัน และผลจากการศึกษาการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ ด้วยวิธี Gene sequencing พบว่าตัวแทน ของเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่แยกได้ เมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์วัคซีนมีสัดส่วนดังนี้
โดยสายพันธุ์วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่แบบ Trivalent ที่กระทรวงสาธารณสุขกำลังรณรงค์ฉีดให้ กลุ่มเป้าหมายในเดือนมิถุนายน 2562 เป็นวัคซีนที่ใช้สำหรับประเทศทางซีกโลกใต้ประกอบด้วยเชื้อ 3 สาย พันธุ์คือ
- an A/Michigan/45/2015 (H1N1)pdm09-like virus;
- an A/Switzerland/8060/2017 (H3N2)-like virus;
- and -a B/Colorado/06/2017-like virus (B/Victoria/2/87 lineage)
จากรายงานสถานการณ์ข้างต้น สรุปได้ว่าในปีนี้ที่พบการระบาดหนักและต่อเนื่อง เนื่องจากสายพันธุ์ที่ระบาดหนัก ซึ่งผู้ป่วยประมาณ 80% เป็นสายพันธุ์ A/Singapore/INFIMH-16-0019/2016 (H3N2) ในขณะที่ วัคซีนที่เราฉีดตอนนี้คือ A/Switzerland/8060/2017 (H3N2) นั่นเอง นี่เป็นเหตุผลที่แม้แต่เด็กที่ฉีดวัคซีนแล้ว ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะเป็น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ a 2019 ได้อีก
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่