AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

6 โรคผิวหนังอักเสบ ติดเชื้อที่พบบ่อยในเด็ก

แพทย์เผย! 6 โรคผิวหนังอักเสบ ติดเชื้อที่พบได้บ่อยในเด็ก … ที่สำคัญผู้ใหญ่ก็เป็นได้ด้วยนะ!!

 

 

หลายคนคิดว่า โรคผิวหนังอักเสบ นั้นเป็นโรคที่ไกลตัว เพราะเราดูแลและรักษาความสะอาดเป็นอย่างดี จึงเป็นไปได้ยากที่เราจะประสบกับโรคนี้ แต่หารู้ไม่ว่า โรคผิวหนังอักเสบ ที่ว่านี้พบได้บ่อยในเด็กและผู้ใหญ่เลยละค่ะ ซึ่งโรคดังกล่าวนั้นมักจะแสดงออกมาลักษณะของการเป็นผื่นในบริเวณที่เกิดโรค ซึ่งความรุนแรงก็แตกต่างกันออกไป

เชื้อที่ก่อให้เกิดโรคนี้ สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ ๆ ด้วยกันดังนี้ค่ะ

  1. เชื้อไวรัส
  2. แบคทีเรีย
  3. รา
  4. ปรสิต

ศาสตราจารย์แพทย์หญิง ศรีศุภลักษณ์ สิงคาลวณิช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด็อกเตอร์แพทย์หญิง จิตติมา ฐิตวัฒน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมไว้ว่า โรคผิวหนังอักเสบ ติดเชื้อนั้น พบได้บ่อยในชีวิตของคนเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็ก ๆ ด้วยแล้ว ซึ่งโรคที่พบได้บ่อยจะมีโรคอะไรบ้างนั้นไปดูกันค่ะ

6 โรคผิวหนังอักเสบ ที่พบได้บ่อย

โรคอีสุกอีใส

เครดิต: Medthai

เกิดจาก: โรคอีสุกอีใส นั้นเกิดจาก เชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า วาริเซลลา-ซอสเตอร์ (varizella-zoster)

ติดต่อได้โดย: ผ่านทางเดินหายใจ

อาการของโรค: เริ่มจากมีไข้ ขณะเดียวกันก็จะมีตุ่มแดงที่ทำให้เกิดความรู้สึกคันกระจายไปตามใบหน้า ลำตัว ต่อมาตุ่มแดงเปลี่ยนเป็นตุ่มใส ๆ คล้ายหยดน้ำ อีก 2-3 วันต่อมาก็จะเริ่มตกสะเก็ด และมีตุ่มใหม่เกิดมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เกิดเป็นผื่นเต็มตัว สำหรับในเด็กนั้น ผื่นอาจจะน้อย อาการไม่มาก ผู้ใหญ่มักจะมีอาการรุนแรงและมีตุ่มขึ้นมากกว่าเด็กค่ะ

วิธีการรักษา: ปกติแล้วจะหายได้เอง หากพบว่าลูกเป็นละก็ ให้ลูกดื่มน้ำเยอะ ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ ตัดเล็บให้สะอาด เช็ดตัวลูกทันทีหากพบว่ามีไข้ หากลูกมีอาการคันมาก ๆ ก็ให้ผ้าชุมน้ำเย็น หรือน้ำแข็งแปะไว้บริเวณดังกล่าวค่ะ

โรคงูสวัด

เครดิตภาพ: iStock
เกิดจาก: โรคงูสวัดที่ว่านี้ เกิดจากเชื้อไวรัสโรคอีสุกอีใสที่ซ่อนอยู่ในปมประสาทเส้นใดเส้นหนึ่ง แบ่งตัวเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดการอักเสบที่เส้นประสาท เชื้อกระจายมาที่ผิวหนังเกิดตุ่มเหมือนอีสุกอีใสขึ้นตามบริเวณที่เส้นประสาทเส้นนั้นไปเลี้ยง ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดโรคงูสวัด คือการที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำลง จากอายุมากขึ้น โรคมะเร็ง โรคเอดส์ หรือได้รับยากดภูมิ
อาการ: ผู้ป่วยจะมีอาการปวดตามแนวเส้นประสาทนำมาก่อนหรือเกิดพร้อมกับผื่น เป็นต้น ผื่นงูสวัดจะเป็นแนวยาวซีกใดซีกหนึ่งของร่างกายเท่านั้น ไม่พันรอบตัว เพราะเส้นประสาท 1 เส้นเลี้ยงแค่ครึ่งหนึ่งของลำตัว แม้ผื่นงูสวัดหายไปแล้ว ผู้ป่วยจำนวนหนึ่งอาจมีอาการปวดเรื้อรังบริเวณนั้นไม่หายขาด

โรคหูดข้าวสุก

เครดิตภาพ: iStock
เกิดจาก: การติดต่อโดยการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่ป่วย จริงอยู่ที่โรคนี้จะไม่อันตรายเท่าไร แต่ก็สามารถติดต่อแพร่กระจายไปยังผู้อื่นได้
อาการ: มีลักษณะเป็นตุ่มนูนที่มีสีเดียวกับผิวหนังขนาดต่าง ๆ กัน ซึ่งพบได้มากกว่า 10 ตุ่มขึ้นไปตรงกลางตุ่มมักบุ๋ม ภายในตุ่มจะพบสารสีขาวแข็งคล้ายข้าวสุก หากลูกเป็นจะพบได้บ่อยในบริเวณลำตัว หน้าอก หลัง แขน และขาค่ะ
วิธีการรักษา: การจี้ไฟฟ้า พ่นไนโตรเจนเหลว ทายา แต่วิธีที่ได้ผลดีที่สุดคือแพทย์จะหนีบเอาตุ่มสีขาวออกให้หมดเพื่อทำลายเชื้อไวรัสภายใน เป็นต้น

โรคแผลพุพอง

เครดิต: สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย
เกิดจาก: โรคแผลพุพองที่ว่านี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียปกติอยู่บนผิวหนัง แต่เพิ่มจำนวนมากขึ้น
อาการ: เด็กที่ป่วยเป็นโรคแผลพุพองนั้น แผลจะเริ่มจากตุ่มหนองหรือตุ่มน้ำใส ต่อมาตกสะเก็ดแห้งสีน้ำผึ้งติดแน่น พบที่หน้า แขน ขา ติดต่อจากแผลไปยังส่วนอื่น ๆ ด้วยการแกะเกา โรคนี้พบได้มากในเด็กก่อนวัยเรียน
วิธีการรักษา: ผู้ใหญ่พบน้อยมาก รักษาโดยการใช้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียทา หรือคุณหมออาจจะให้รับประทานยาเพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อค่ะ

กลาก เกลื้อน

เกิดจาก: สำหรับโรคกลาก เกลื้อน เกิดจากเชื้อราปกติที่มีอยู่บนผิวหนัง หากผิวหนังของลูกมีความมันและความชื้นก็จะส่งผลทำให้เพิ่มจำนวนเชื้อราจนทำให้เกิดโรคได้ ไม่ค่อยพบบ่อยในเด็กเล็ก แต่จะพบในเด็กวัยรุ่น
อาการ: ลักษณะของผื่นจะเป็นวงเล็ก ๆ เริ่มจากรอบรูขุมขน อาจขยายรวมกันเป็นปื้นใหญ่ บนผื่นจะมีขุยละเอียด หากคุณพ่อคุณแม่ใช้เล็บขูดก็จะเป็นขุย สีของผื่นนั้นมีได้หลายสีค่ะ ตั้งแต่สีขาว สีแดงจนถึงสีน้ำตาล พบบริเวณที่มันและชื้น ได้แก่ หน้าอก หลัง ไหล่ ต้นคอและต้นแขน
วิธีการรักษา: ให้รักษาด้วยแชมพูกำจัดเชื้อรา โดยทาแชมพูทั่วบริเวณที่มันและชื้น เช่น ลำตัว ต้นแขน ต้นขา ทิ้งไว้ 5-10 นาทีแล้วล้างออก แต่อย่าฟอกมากจนเกินไปนะคะ เนื่องจากอาจทำให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนังได้

โรคหิด

เกิดจาก: เกิดจากไรชนิดหนึ่ง ติดต่อโดยการสัมผัสใกล้ชิดผู้ที่เป็นโรค
อาการ: เป็นตุ่มน้ำใส ๆ หรือตุ่มแดงก็ได้ สามารถพบได้ทั่วตัวแขนขา ผื่นมากบริเวณที่ซอกอุ่น ๆ ซอกพับ เช่น ง่ามนิ้วมือ ง่ามนิ้วเท้า ข้อมือ ข้อเท้า รักแร้ หัวนม สะดือ ก้น และอัณฑะ เป็นต้น คุณแม่จะพบว่า หากลูกเป็นโรคหิดก็มักที่จะคันมากในเวลากลางคืน พยายามอย่าให้ลูกเกาเด็ดขาดนะคะ เพราะอาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียกแทรกซ้อนได้ ดีไม่ดีทำให้เป็นตุ่มหนองได้อีกด้วยนะคะ ผู้ป่วยคันมากโดยเฉพาะเวลากลางคืน หากเกามากอาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ทำให้เป็นตุ่มหนองร่วมด้วย พบมากบริเวณฝ่าเท้า
วิธีการรักษา: แนะนำให้ไปพบแพทย์ค่ะ พยายามหลีกเลี่ยงการหาซื้อยามาทาหรือรับประทานเอง ที่สำคัญพยายามไม่แกะหรือเกานะคะ
ที่กล่าวมาทั้งหมดในข้างต้นนั้นคือ โรคผิวหนังอักเสบ ที่พบมากในเด็กและผู้ใหญ่ค่ะ ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการอาการเหล่านี้ ควรหมั่นรักษาความสะอาด ล้างมือบ่อย ๆ และหลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่หมักหมมและอับชื้นกันด้วยนะคะ
ขอบคุณที่มา: คมชัดลึก
อ่านต่อบทความอื่นที่น่าสนใจ:

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids