เด็กบ้านไหนชอบกิน น้ำแข็งก้อน ระวังให้ดี! ตามมาดูกระทู้จากพันทิป เมื่อคุณพ่อเล่าประสบการณ์ปฐมพยาบาล! เมื่อ น้ำแข็งก้อน ติดคอลูก หากไม่ทำแบบนี้…ก็อาจต้องเสียลูกไป
พ่อโพสต์เตือน! น้ำแข็งก้อน เกือบพรากชีวิตลูกไป
ใครว่า น้ำแข็งก้อน ไม่อันตราย เพราะแม้น้ำแข็งจะละลายได้ แต่ถ้าหาก น้ำแข็งนั้นหลุดลงไปติดคอ โดยเฉพาะกับเด็กน้อย ซึ่งกว่า น้ำแข็งจะละลายก็อาจทำให้เสียชีวิตได้ เนื่องจากก้อนน้ำแข็งที่หลุดลงไปอุดที่ช่องลม ซึ่งหากช่วยเหลือไม่ทันก็อาจทำให้หายใจไม่ออก และเสียชีวิตได้นั่นเอง
เช่นเดียวกับเหตุการณ์นี้ ที่เป็นอีกหนึ่งเรื่องอุทาหรณ์ให้พ่อแม่หลายคนควรระมัดระวัง โดยเฉพาะบ้านไหนที่มีลูกเล็กๆ ต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง เมื่อคุณพ่อสมาชิกพันทิปรายหนึ่ง ได้ตั้งกระทู้ เล่าประสบการณ์ ถึงเหตุการณ์ “น้ำแข็งก้อนเดียวเกือบพรากลูกไปจากผมแล้ว” ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ตัวคุณพ่อเองได้พาลูกไปรับประทานอาหาร แล้วลูกเกิดน้ำแข็งติดคอ .. เพียงก้อนเดียวเกือบถึงชีวิต
โดยในกระทู้ คุณพ่อระบุว่า…
เรื่องราวนี้ขอแชร์เป็นประสบการณ์ในการดูแลลูกนะครับ เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวานตอนเย็นสักประมาณหนึ่งทุ่ม พาลูกไปกินข้าวนอกบ้านกันสามคนพ่อ-แม่-ลูก ระหว่างนั้นได้สั่งอาหารกัน เจ้าของน้ำได้นำน้ำดื่มพร้อมถังน้ำแข็งมาตั้งไว้ให้ พอดีตั้งไว้หน้าลูกผมพอดี ผมเห็นลูกหยิบน้ำแข็งใส่แก้วก็ชมว่าเก่งบริการผู้ใหญ่ด้วย หลังจากลูกได้หยิบน้ำแข็งใส่แก้วครบ น้องกลับหยิบน้ำแข็งเข้าปากโดยที่เราไม่ได้สังเกต ตอนนั้นน้องก็มาคุยกับผม แต่สักพักน้องเงียบไป จากนั้นมีมือมาสะกิด ช่วงนั้นผมดูบอลไทยเตะด้วยจึงไม่ได้สนใจอะไร
จากนั้นน้องได้เอามือมาตีทีไหล่ผมแรงมาก ผมหันมองจะถามว่าตีพ่อทำไม แต่เห็นน้องเหมือนจะพูดอะไรแต่พูดไม่ได้ ตาค้างเลย ผมคิดแว๊บแรก คือ น้ำแข็ง ติดคอแน่นๆ ตอนนั้นน้องเหมือนจะใกล้หมดสติ … ผมเริ่มจับน้องก้มหน้าแล้วทุบไปที่หลังทุก 3-4 ที แต่ไม่เห็นมีอะไรหลุดออกมา
อ่านต่อ >> “พ่อเล่าประสบการณ์ปฐมพยาบาล
น้ำแข็งก้อนเดียวเกือบพรากชีวิตลูกไป” คลิกหน้า 2
พ่อเล่าประสบการณ์ปฐมพยาบาล น้ำแข็งก้อนเดียวเกือบพรากชีวิตลูกไป (ต่อ)
ตอนนั้นใจสั่นเลย น้องเหมือนพยามหายใจ ได้ยินเสียงน้องหายใจแบบเฮือกสุดท้าย ผมจับน้องพาดบ่าแล้วทุบไปที่หลังและกระโดดไปด้วยทำอยู่ 3-4 ที ทุกคนในร้านตกตะลึงมาก มีผู้ชายคนนึงมาช่วยยกขาน้องให้ชี้ฟ้าแล้วผมก็ทุบไปอีกครั้งนึง น้ำแข็งก้อน หลุดออกมา ทุกคนบอกหลุดแล้วคนในร้านเฮกันใหญ่ ผมน้ำตาไหลเลย น้องหายใจได้กอดผมแน่น น้องบอก หนูกลัว
ผมบอกลูกว่า “ลูกพ่อ ลูกไม่เป็นไรแล้วลูกรอดแล้ว” เจ้าของร้านบอกว่าขนลุกเลย ผมกอดลูกแน่นเลยคิดในใจตอนนั้นถ้าลูกเป็นไร ผมคงอยู่ไม่ได้ เมียผมนี้ช๊อกตัวแข็งเลย โชคดีที่ผมยังมีสติ การปฐมพยาบาล นี้มีประโยชน์จริงๆ ขอบคุณบริษัทที่ได้ส่งผมไปอบรมเรื่องนี้ … ผมก็ไม่คิดว่าน้ำแข็งเกือบเอาชีวิตลูกผมไปทั้งที่น้อง 6 ขวบแล้ว ผมเคยช่วยคนจมน้ำมา ผมว่าผมตื้นเต้นแล้ว แต่เกิดกับลูกของตัวเองผมนี่ตื่นเต้นจนตัวสั่น นอนกอดลูกทั้งคืน สวดมนต์ทั้งคืน นอนไม่หลับเลยคิดถึงเหตุการณ์เมื่อวาน ตอนนี้ยังตกใจไม่หายเลย แต่น้องปลอดภัยแล้ว ตื่นเช้ามาบ่นบอกเจ็บหลังสงสัยจะทุบไปหลายทีไปหน่อย
เหตุการณ์แบบนี้อาจเกิดกับใครก็ได้ ขอให้มีสติ และอยากให้หลักสูตรการปฐมพยาบาลเข้ามาอยู่ในการเรียนการสอน เพราะเหตุการณ์แบบนี้มันเกิดได้กับทุกคนจริงๆ ขอแชร์ประสบการณ์ ไว้เท่านี้ครับ (ตอนนี้ยังใจสั่นอยู่เลย)
ขอบคุณคุณพ่อสมาชิกเว็บไซต์พันทิป unimog เจ้าของกระทู้ pantip.com/topic/38305375
วิธีรับมือ เมื่อ อาหารติดคอลูกน้อย
ไม่ว่าจะเป็น อาหารหรือสิ่งแปลกปลอมติดหลอดลม ก็ถือเป็นนึ่งในภาวะที่ต้องช่วยเหลือภายในเวลาที่เร็วที่สุด (หลักวินาที) เพราะโรคอื่นๆ แม้แต่เส้นเลือดหัวใจตีบ หรือเส้นเลือดสมองแตก ก็ยังมีเวลานำส่งโรงพยาบาลเป็นเวลาหลักนาที
ซึ่งวิธีที่ดีที่สุด คือต้องช่วยเหลือด้วยวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนเท่านั้น ไม่มีการพาขึ้นรถไปรอช่วยที่โรงพยาบาลเพราะไปไม่ทันแน่นอน (แต่ควรโทรเรียกรถโรงพยาบาลไว้รอเลยกรณีอุดตันรุนแรงหรือหมดสติ)
ซึ่งเรื่องนี้ ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอกับลูกหลานตัวน้อย ๆ ของเรา หรือรวมทั้งผู้ใหญ่และผู้สูงอายุด้วย สิ่งสำคัญคือทุกคนควรเรียนรู้วิธีป้องกัน แก้ไข เพื่อรับมือ เมื่อมี อาหารติดคอ หรือสิ่งแปลกปลอมติดคอ โดยสามารถทำได้ ดังนี้
>> กันไว้ดีกว่าแก้ = ระวังการรับประทานอาหารแข็งๆ ขนาดที่อาจติดหลอดลมได้ หรือเป็นก้อนกลม ลื่นๆ ที่อาจเผลอหลุดไปโดยไม่ทันได้เคี้ยว รวมทั้งหมั่นดูสิ่งของและของเล่นเด็กในบ้าน ให้แน่ใจว่าไม่มีชิ้นส่วนขนาดเล็กที่ลูกอาจเอาเข้าปากแล้วสำลักลงไปในคอได้
ดูคลิปชัดๆ >> “วิธีรับมือเมื่ออาหารติดคอลูกน้อย” คลิกหน้า 3
>> วิธีรับมือเมื่อเกิดเหตุการณ์ อาหารหรือ น้ำแข็งก้อน ติดคอลูก (รวมไปถึงวัตถุแปลกปลอมต่างๆ)
ข้อ 1 ภายในเวลาชั่วอึดใจ คุณพ่อคุณแม่ควรทำให้อย่างรวดเร็ว คือ อาจลองอ้าปากส่องสำรวจให้เห็นวัตถุแปลกปลอม เพราะบางทีเป็นวัตถุเหนียวหรือใหญ่ที่ยังคาในช่องปากส่วนบนและสามารถล้วงเอาออกมาได้
ข้อแม้คือ = ถ้ามองไม่เห็น ไม่แนะนำการล้วงควานหา เพราะบางครั้งอาจเป็นการดันให้สิ่งแปลกปลอมลงไปลึกกว่าเดิม ซึ่งถ้ามองไม่เห็นจริง ไม่ควรรีรอให้เสียเวลา ไปสู่ข้อ 2 ทันที
ข้อ 2 “หัตถการเพื่อเพิ่มความดันในช่องอก” การจับตัวเขย่า หรือจับห้อยหัว ไม่อาจทำให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออกมาจากหลอดลมได้ แต่ข้อดีคือ หากวัตถุอุดอยู่ในหลอดลมที่เป็นท่อลม เราสามารถกดจากภายนอกเพื่อเพิ่มความดันในช่องอกให้สูงขึ้นแล้วความดันในหลอดลมก็จะสูงขึ้นตาม จนดันวัตถุที่อุดอยู่ให้หลุดออกมาได้
โดยแบ่งการกระทำออกมาแบบง่ายๆ ดังนี้
- เด็กอายุน้อยกว่า 1 ขวบ : ให้จับนอนหงายประคองด้วยแขนหรือหน้าตัก แล้วกดด้วยนิ้วสองนิ้วลงไปตรงๆ บริเวณกระดูกอกตรงกลาง 5 ครั้ง สลับกับคว่ำหน้าเด็กหันหัวลง พร้อมประคองด้วยแขนและหน้าตัก แล้วตบด้วยอุ้งมือกลางหลัง 5 ครั้ง
ขอบคุณคลิปวีดีโอจาก : greettv
- เด็กอายุมากกว่า 1ขวบ และผู้ใหญ่ที่ยังไม่หมดสติ : ให้เข้าช่วยเหลือด้านหลัง โดยกำมือหนึ่งมืออีกมือประคองกระตุกกดบริเวณลิ้นปี่ใต้ชายโครง (เหนือสะดือ) ดัน “เข้าหาตัว” และดัน “ขึ้น” … บางสถาบันให้ทำ 5 ครั้ง สลับตบกลางหลัง 5 ครั้ง แต่บางสถาบันให้กดท้องอย่างเดียวไม่ต้องตบหลัง ทำซ้ำๆ จนกว่าวัตถุจะหลุดออกมา
ขอบคุณคลิปวีดีโอจาก : greettv
ทั้งนี้หากเด็กหรือผู้ใหญ่ที่หมดสติไปแล้ว ให้ลองกดท้องตรงลิ้นปี่ในท่านอนหงายแต่ปัจจุบันไม่ค่อยแนะนำให้กดท้องอีก ให้เริ่มกดหน้าอกปั๊มหัวใจกู้ชีพและเป่าปากช่วยการหายใจเลย ( CPR ) โดยในระหว่างการกดหน้าอกปั๊มหัวใจ วัตถุที่ติดมีโอกาสหลุดออกมาได้
ขอบคุณคลิปวีดีโอจาก : greettv
อย่างไรก็ดีเรื่อง วัตถุแปลกปลอม หรือ อาหารติดคอ แบบนี้ สามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัน และเมื่อไหร่ก็ได้ แต่สิ่งสำคัญคือ การเรียนรู้วิธีปฐมพยาบาลไว้ตั้งแต่วันนี้ เมื่อถึงเวลาเกิดขึ้นจริง อย่างน้อยคุณพ่อคุณแม่ก็ยังมีหลักการอยู่ในใจให้ทำได้ถูกมากกว่าในตอนที่สมองและสติว่างเปล่า ไม่สามารถทำอะไร หรือทำไม่ถูกเลย ซึ่งนั่นก็อาจเกิดเรื่องที่น่าเสียใจเกิดขึ้นก็เป็นได้
อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก :
- การปฐมพยาบาลและทำ CPR เมื่อ อาหารติดคอ ลูกน้อย
- 19 วิธีแก้ ก้างปลาติดคอ ที่ถูกต้องและปลอดภัย
- แม่เล่าวินาทีชีวิต! เมื่อ เยลลี่ติดคอลูก
- ลูกอมติดคอลูก แม่เล่าวินาทีชีวิต ช่วยลูกไว้ได้เพราะดูคลิปนี้! (มีคลิป)
ขอบคุณข้อมูลจาก Spartan Doctor
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่