หนึ่งในเรื่องที่ทำคุณพ่อคุณแม่ทุกครอบครัวปวดหัว ตุบตุบ คือ #โรคระบาดในเด็ก และช่วงนี้ โรคที่กำลังระบาด คือ #โรคมือเท้าปาก ส่วนข้อความที่สามารถเพิ่มระดับความปวดหัวให้คุณพ่อคุณแม่เป็นเท่าตัว คือ “คุณพ่อคุณแม่คะ ที่โรงเรียนมีเด็กป่วยเป็นโรคมือเท้าปากค่ะ” เพราะนั่นหมายถึง การหยุดเรียนของลูกและต่อมาด้วยการหยุดงานของคุณพ่อหรือคุณแม่ เพราะคุณพ่อหรือคุณแม่ต้องผลัดกันหาเวลามาดูแลลูก จากประสบการณ์ลูกเล็ก 2 คน ระดับ #เนอร์สเซอรี และ #อนุบาล จึงขอนำประสบการณ์มาแบ่งปันถึงสิ่งที่ ควรทำ และ ไม่ควรทำ ถ้ารู้ว่า ลูกเป็นมือเท้าปาก
ถ้ารู้ว่า ลูกเป็นมือเท้าปาก เราควรหรือไม่ควรทำอะไรบ้าง
- ลูกเป็นมือเท้าปาก ควรให้ลูกหยุดเรียนทันที เพราะการให้เหตุผลว่า ‘คุณพ่อคุณแม่ทำงานประจำไม่สามารถลางานได้ เพราะที่บ้านไม่มีใครดูแลลูก จึงไม่ให้ลูกหยุดเรียน’ ไม่ควรถูกหยิบยกขึ้นมา เพราะหากคุณไม่ให้ลูกหยุด นั่นหมายถึงคุณอาจจะทำให้ครอบครัวอื่น ต้องเดือดร้อนแทนอีกหลายครอบครัว
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมในที่สาธารณะ โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีเด็กเยอะๆ เช่น การไปเที่ยวสวนสนุก สวนสัตว์ สนามเด็กเล่น สระว่ายน้ำ เป็นต้น แม้จะเสียเงินค่าบัตร ค่าจองไปแล้ว แต่เราควรรับผิดชอบต่อส่วนรวมมากกว่าเห็นแก่ประโยชน์ของตัวเอง
- นั่นรวมถึงควรเว้นการไปเรียนพิเศษด้วย ไม่ว่ามันจะใกล้สอบขนาดไหน เพราะจะคล้ายกับเหตุผลในข้อข้างบนว่า หากเราไม่ยอมให้ลูกหยุด เพราะกลัวลูกติวไม่ทันเพื่อน นั่นหมายถึงคุณอาจจะทำให้เด็กหลายๆ คนต้องป่วยตามไปด้วย และปัญหาครอบครัวอื่นอาจจะรุนแรงกว่า
- แจ้งทางโรงเรียนให้ทราบว่า ลูกเป็นมือเท้าปาก รวมไปถึงใน Line กลุ่มผู้ปกครอง เพื่อทำให้เกิดการระวังป้องกันหากเพื่อนๆ ที่ได้เล่นกับลูกเราจะได้ไปตรวจ เพราะอาจจะเป็นไปได้ทั้ง 2 ทาง คือ เด็กอื่นอาจจะติดไปจากลูกเรา หรือ เด็กอื่นอาจจะเป็นผู้ผ่านเชื้อมาให้ลูกเราในตอนที่เขายังไม่แสดงอาการ
อ่านต่อ>> วิธีป้องกันมือเท้าปาก ไม่ให้พี่น้องติดกัน >> คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
การติดต่อของโรคมือเท้าปาก
การติดต่อของโรคมือเท้าปากติดต่อจากทางน้ำลาย ดังนั้นเด็กๆ ที่เล่นกัน คุยกัน น้ำลายอาจจะกระเด็นโดนของเล่น ของใช้ เมื่ออีกคนไปสัมผัสโดน แล้วไปหยิบของเข้าปาก มันก็ติดต่อกันได้ง่ายมาก และปัจจุบัน การระบาดขยายวงกว้างขึ้นและเร็วขึ้น เพราะเด็กๆ มีกิจกรรมในที่สาธารณะเยอะกว่าสมัยก่อนมาก นอกเวลาเรียนเด็กๆ มักมีกิจกรรม เช่น เรียนดนตรี กีฬา เต้นรำ เป็นต้น ทำให้เชื้อโรคมือเท้าปาก สามารถข้ามจากโรงเรียนหนึ่งไปสู่อีกโรงเรียนหนึ่งได้
ครอบครัวเราเพิ่งพาลูกไปเที่ยวที่พัทยาและพักในโรงแรมที่มีสวนน้ำ รวมทั้งยังคงไปเรียนว่ายน้ำ และเล่นยิมตามปกติ แต่ในใจก็แอบหวั่นๆ ว่าจะไปติดเชื้อมือเท้าปากมามั้ย หากมีเด็กที่ป่วยแต่คุณพ่อคุณแม่ไม่ยอมให้ลูกหยุด หรือเพราะเด็กๆ ที่มีเชื้อแต่อาจจะยังไม่แสดงอาการ เนื่องจากมีหลายกรณีที่พบว่า พ่อแม่เสียดายเงินเห็นว่าเสียเงินแล้วกลัวไม่คุ้ม รู้ว่าลูกไม่สบายก็ยังพาไป
หรือมีหลายโรงเรียน ที่ไม่ยอมตัดไฟแต่ต้นลม เห็นเด็กป่วยก็ไม่สั่งหยุดโรงเรียน แต่เลือกให้เด็กคนที่ป่วยเป็นมือเท้าปากหยุดคนเดียว ผลคือ เด็กที่ป่วยอาจจะมีเชื้อและแพร่เชื้อไปสู่เพื่อนแล้ว ดังนั้นแม้เด็กคนที่ป่วยนั้นจะหยุด แต่เด็กที่รับเชื้อมือเท้าปากไปแล้ว แต่ยังไม่แสดงอาการ ก็จะแพร่ต่อไป ผลคือแทนที่จะจบภายในสัปดาห์เดียว แต่การแพร่ระบาดวนจากห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่งวนไปเป็นเดือน
ในปีที่แล้ว ปี 2017 เราเคยเจอประสบการณ์ไม่ดีมาครั้งหนึ่ง ปั้นแป้งต้อง admit โรงพยาบาล 3 ครั้งในเดือนเดียว ครั้งนั้นแม้ว่าเราจะสามารถเบิกค่ารักษาประกันได้เกินครึ่ง แต่ยังหมดค่าใช้จ่ายไปเป็นแสน เหตุผลเพียงเพราะมีคุณพ่อคุณแม่ที่ลูกป่วยแต่ไม่ยอมบอกที่เนอร์สเซอรี่กว่าที่นั่นจะตรวจพบ ปั้นแป้งก็ติดมาเสียแล้ว ซึ่งไม่ใช่เพียงปั้นแป้ง แต่มีเด็กหลายคนที่ติดและต้อง admit บางครอบครัวเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าเราอีก ดังนั้น โรคระบาด ไม่ใช่เรื่องเพียงการป้องกันคนในครอบครัว แต่ต้องคิดถึงคนอื่นในสังคมด้วย
วิธีป้องกัน ลูกเป็นมือเท้าปาก ในครอบครัว
เนื่องจากโรคมือเท้าปากนี้ติดกันง่ายมากๆ พอเราทราบว่า ที่โรงเรียนพี่ปูนปั้นมีเด็กติด เราก็เลือกที่จะให้พี่ปูนปั้นหยุดเรียนทันที แม้โรงเรียนจะดื้อไม่ยอมปิด และเนื่องจากที่บ้านเรามีเจ้าตัวเล็กปั้นแป้ง จึงต้องระมัดระวังไม่ให้แพร่มาสู่น้อง
อีกหนึ่งวิธีคือ ปั้นแป้งเคยติดมือเท้าปากมาจากที่เนอร์สเซอรี่ พอกลับถึงบ้านเราจึงต้องจับพี่ปูนปั้นแยกไปอยู่กันคนละชั้น และใช้ #clorox ถูพื้นทำความสะอาด เพื่อทำความสะอาดทุกจุดที่ปั้นแป้งเดินไป ซึ่งรอบนั้นพี่ปูนปั้นก็ไม่ติดจริงๆ ซึ่งเจ้า #clorox เป็นน้ำยาที่เหมาะกับการทำความสะอาดเชื้อโรคมาก แต่จะวางขายไม่แพร่หลายนัก (เพิ่มเติมความรู้จากน้องแตงเภสัชกรสาวสวย “เจ้า Clorox ดีกว่า Dettol เพราะไม่ค่อยเกิดเชื้อดื้อยา และมันเป็นสารฆ่าเชื้อแบบในโรงพยาบาล”)
คุณพ่อคุณแม่ที่แวะมาอ่าน อาจจะคิดว่าว่า ครอบครัวนี้จะเยอะไปไหน
แต่บอกเลยว่า ‘นี่คือเรื่องความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ต่อสังคม’
>>แวะไปดู รอยยิ้มหวานฉ่ำ ที่มีแจกฟรีทุกวันได้ที่เฟซบุ๊ค
หมุนรอบลูก – พี่ปูนปั้น กับ น้องปั้นแป้ง นะครับ<<
บทความน่าสนใจอื่นๆ
เลี้ยงลูกคนที่สอง ให้พี่น้องรักกัน โดย พ่อเอก
ลูกไม่ชอบ วาดภาพ ระบายสี ไม่เห็นต้องเป็นกังวล โดย พ่อเอก
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่