แม่ท้องที่วางแผนว่าจะเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงนี้ ต้องระวังโรค “หัดเยอรมัน” ระบาด โดยล่าสุด กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้ออกเอกสารแจ้งเตือนประชาชนที่จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากมีโรคหัดเยอรมันระบาด ดังนี้
สธ. เตือน “หัดเยอรมัน” ระบาดในญี่ปุ่น คนท้องควรหลีกเลี่ยง
ตามที่กรมควบคุมโรค สำนักโรคติดต่อทั่วไป กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้ออกเอกสารแจ้งเตือนประชาชนที่จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ว่าหลายพื้นที่ในประเทศญี่ปุ่น มีโรคหัดเยอรมันระบาด โดยได้รายงานสถานการณ์ปัจจุบัน ดังนี้
- จากข้อมูลวันที่ 19 กันยายน 2561 มีผู้ป่วยรายใหม่ที่เมือง Tokyo จำนวน 32 ราย เมือง Chiba จำนวน 27 ราย เมือง Kanagawa จำนวน 19 ราย เมือง Saitama และ Aichi เมืองละ 11 ราย
- ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา จนถึง 24 ตุลาคม 2561 มีรายงานผู้ป่วยโรคหัดเยอรมัน 914 ราย ตั้งแต่ 1 มกราคม – 24 ตุลาคม 2561 พบผู้ป่วยหัดเยอรมันในญี่ปุ่นแล้วเป็นจำนวน 1,289 คน
- โดยพบในภูมิภาค Kanto ประกอบไปด้วยเมือง Tokyo, Kanagawa, Chiba, and Saitama
- ในปี 2558 – 2560 มีจำนวนผู้ป่วยหัดเยอรมันในแต่ละปีเพียง 163, 126 และ 93 ราย ตามลำดับ
โดยล่าสุด กระทรวงสาธารณะสุขได้ยกระดับการประกาศเตือน สถานการณ์การระบาดของโรคหัดเยอรมันในญี่ปุ่น อยู่ที่ระดับ 2 Travel Alert แต่ไม่ห้ามเดินทาง แต่จะมีคำแนะนำการปฏิบัติตัวเมื่อต้องเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค สำหรับคนท้องและเด็กเล็กควรหลีกเลี่ยง โดยมีรายละเอียดการประกาศเตือนดังนี้
สธ.ชี้ หัดเยอรมัน ระบาด ญี่ปุ่น ยกระดับ แต่ไม่ห้ามเดินทาง หญิงท้อง-เด็กเล็กเสี่ยง!
เมื่อเวลา 16.20 น. วันที่ 1 พ.ย. ที่กรมควบคุมโรค (คร.) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวเตือนการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ภายหลังสำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค (คร.) ออกเอกสารแจ้งเตือนประชาชนที่จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากมีโรคหัดเยอรมันระบาด
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การระบาดของโรคหัดเยอรมันในประเทศญี่ปุ่น หลายประเทศจะมีการติดตาม เฝ้าระวังและควบคุมโรคระบาด ซึ่งแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับที่ 1 Travel watch ระดับจับตา ซึ่งไม่ห้ามการเดินทาง ระดับที่ 2 Travel Alert ระดับการเฝ้าระวังและแจ้งเตือน ซึ่งไม่ได้ห้ามเดินทางเช่นกัน แต่จะมีคำแนะนำการปฏิบัติตัวเมื่อต้องเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค และระดับที่ 3 Travel Warning เป็นระดับเตือนภัย คือการห้ามเข้าไปยังพื้นที่ระบาด
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ สธ. เตือน “หัดเยอรมัน” ระบาดในญี่ปุ่น คนท้องควรหลีกเลี่ยง
“สำหรับสถานการณ์การระบาดของโรคหัดเยอรมันในประเทศญี่ปุ่นนั้นประเทศไทย อยู่ในระดับ 2 คือ มีคำแนะนำเรื่องการปฏิบัติตัวทั้งคนไทยที่จะเดินทางเข้ายังประเทศญี่ปุ่น และคนไทยหรือคนต่างชาติที่เดินทางจากญี่ปุ่นมายังประเทศไทย
ทั้งนี้ คนไทยไม่ใช่ไม่มีภูมิคุ้มกันโรคหัดเยอรมัน หลายคนได้รับการฉีดวัคซีนมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่คนที่ยังไม่ได้ฉีด หากจำเป็นต้องไปญี่ปุ่นก็ขอให้ปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อรับวัคซีนป้องกัน โดยเฉพาะในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ถือว่ามีความเสี่ยงมาก หากไม่จำเป็นก็ควรหลีกเลี่ยงไปประเทศญี่ปุ่นในช่วงนี้” นพ.สุวรรณชัย กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_1767461
โรค หัดเยอรมัน คืออะไร?
หัดเยอรมัน, เหือด หรือ หัดสามวัน (German measles/เจอร์มันมีเซิลส์, Rubella/รูเบลลา หรือ Three-day measles/ทรีเดย์มีเซิลส์) เป็นโรคไข้ออกผื่นที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหัดเยอรมัน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้และออกผื่นคล้ายโรคหัด แต่จะมีความรุนแรงและโรคแทรกซ้อนน้อยกว่าหัด โรคนี้ไม่ใช่โรคร้ายแรง ถ้าเป็นกับเด็กหรือผู้ใหญ่ทั่วไป มักจะหายได้เองโดยไม่มีโรคแทรกซ้อนที่รุนแรง โรคนี้เมื่อเป็นแล้วผู้ป่วยมักจะมีภูมิคุ้มกันไปจนตลอดชีวิต จะไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก
ทำไมโรค หัดเยอรมัน ถึงอันตรายกับแม่ท้องและเด็กเล็ก?
โรคหัดเยอรมัน ถ้าเกิดในหญิงตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ เชื้ออาจแพร่กระจายเข้าทารกในครรภ์ ทำให้ทารกพิการ หูหนวก ตาเป็นต้อกระจก เกิดภาวะหัวใจรั่ว มีภาวะผิดปกติทางสมอง อวัยวะภายในไม่สมบูรณ์ แท้ง หรือตายในครรภ์ได้ สำหรับความเสี่ยงหากแม่ท้องติดเชื้อหัดเยอรมันแล้วทารกในครรภ์จะได้รับเชื้อหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับอายุครรภ์ โดยมีความเสี่ยงดังต่อไปนี้
- ถ้ามารดาเป็นหัดเยอรมันในขณะตั้งครรภ์ในช่วงเดือนที่ 2 จะพบทารกผิดปกติสูงถึง 60-85% แต่ถ้ามารดาเป็นหัดเยอรมันในขณะตั้งครรภ์ในช่วงเดือนที่ 3 จะพบทารกผิดปกติประมาณ 1 ใน 3
- ส่วนอีกข้อมูลระบุว่า ทารกในช่วงตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก โอกาสที่ทารกในครรภ์จะติดเชื้อมีประมาณ 50% ในขณะที่มารดาที่ติดเชื้อในช่วงตั้งครรภ์ 3-6 เดือน จะมีโอกาสติดเชื้อลดลงเหลือประมาณ 30% โดยการติดเชื้อในช่วง 3 เดือนแรกจะทำให้เกิดความพิการเกิดขึ้นกับหลายอวัยวะมากกว่า และมีความรุนแรงมากกว่า ส่วนการติดเชื้อในช่วงการตั้งครรภ์หลัง ๆ ทารกจะมีโอกาสติดเชื้อน้อยกว่าและจะมีความพิการเกิดขึ้นน้อยกว่า ซึ่งส่วนมากมักจะมีปัญหาเพียงแค่หูหนวกเท่านั้น
สำหรับเด็กเล็ก อาการหัดเยอรมันจะแสดงออกมาเหมือนเด็กและผู้ใหญ่ทั่วไปที่เป็นโรคนี้ เพียงแต่เด็กเล็กจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน และมีไข้ออกผื่น ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งอาการจะรุนแรงกว่าผู้ใหญ่ จึงนับได้ว่าเป็นโรคที่อันตรายสำหรับเด็กเล็กได้เช่นกัน
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ การติดต่อและอาการของโรค หัดเยอรมัน และ วิธีป้องกันตนเองของผู้ที่ต้องการจะเดินทางไปญี่ปุ่น
หัดเยอรมัน ติดต่อกันได้อย่างไร?
สามารถติดต่อได้โดยการหายใจสูดเอาฝอยละอองเสมหะที่ผู้ป่วยไอหรือจามรด หรือติดต่อโดยการสัมผัส โดยเชื้อสามารถติดอยู่ที่มือของผู้ป่วย สิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ หรือสิ่งแวดล้อม เมื่อคนปกติมาสัมผัสถูกมือของผู้ป่วย สิ่งของเครื่องใช้ หรือสิ่งแวดล้อมที่แปดเปื้อนเชื้อ เชื้อก็จะติดมากับมือของคน ๆ นั้น เมื่อใช้นิ้วมือขยี้ตาหรือแคะไชจมูกเชื้อหัดเยอรมันก็จะเข้าสู่ร่างกายได้ (การสัมผัสผื่นที่ผิวหนังของผู้ป่วยไม่ได้ติดโรคได้) โดยระยะฟักตัวของโรคจะอยู่ที่ 12-24 วัน
หัดเยอรมัน มีอาการอย่างไร?
สำหรับเด็กและผู้ใหญ่ทั่วไป โดยประมาณ 50% ของผู้ที่ติดเชื้อหัดเยอรมันจะไม่มีอาการ (บางรายอาจเป็นหัดเยอรมันโดยไม่มีผื่นขึ้น แต่ยังคงสามารถแพร่เชื้อไปให้ผู้อื่นได้อยู่) ส่วนผู้ที่มีอาการก็จะแบ่งเป็นระยะก่อนออกผื่นและระยะออกผื่นเช่นเดียวกับโรคหัด ดังนี้
- ระยะก่อนออกผื่น : เริ่มแรกอาจมีอาการไม่สบายเพียงเล็กน้อย เช่น มีไข้ต่ำ ๆ ถึงปานกลาง ไม่เกิน 38.5 องศาเซลเซียส ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา โดยเฉพาะเวลากลอกตาไปด้านข้างและด้านบน ปวดเมื่อยตามตัว เจ็บคอ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ มีอาการต่อมน้ำเหลืองโตและเจ็บ สามารถคลำได้เป็นเม็ดตะปุ่มตะป่ำ ตรงหลังหู หลังคอ ท้ายทอย และข้างคอทั้ง 2 ข้าง หรืออาจมีอาการแบบโรคหวัด คือ มีไข้ มีน้ำมูก ไอ ในบางรายอาจมีน้ำมูกหรือถ่ายเหลวเล็กน้อยก่อนผื่นขึ้น ซึ่งอาการต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็นอยู่ประมาณ 1-5 วันก่อนที่ผื่นจะขึ้น และอาการเหล่านี้จะทุเลาลงเมื่อมีผื่นขึ้นแล้ว (ในเด็กอาจไม่มีอาการไม่สบายเหล่านี้ในระยะนี้ ในขณะที่ผู้ใหญ่จะแสดงอาการมากกว่า)
- ระยะออกผื่น : ผื่นจะมีลักษณะแบนราบเป็นสีชมพูอ่อน ๆ มีขนาดเล็ก ๆ ประมาณ 1-4 มิลลิเมตร ผื่นมักจะแยกจากกันชัดเจนไม่แผ่รวมกันเป็นแผ่นแบบโรคหัด โดยผื่นจะเริ่มขึ้นจากที่หน้า ตามชายผม รอบปาก และใบหูก่อนที่อื่น แล้วกระจายลงมาตามลำคอ ลำตัว แขนและขาอย่างรวดเร็วจนทั่วตัวภายใน 1-3 วัน โดยทั่วไปผื่นมักจะไม่มีอาการคัน นอกจากในผู้ใหญ่บางรายอาจมีอาการคันได้เล็กน้อย ผื่นแต่ละแห่งมักจะจางหายไปภายใน 24 ชั่วโมง โดยเรียงลำดับจากหน้าลงมาที่ขา ซึ่งผื่นจะจางหายไปจนหมดภายในเวลาประมาณ 3 วัน โดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็นและไม่ทิ้งรอยผื่นสีคล้ำหรือหนังลอกแบบโรคหัด ยกเว้นในรายที่เป็นผื่นมากอาจลอกแบบขุยละเอียด นอกจากนี้ในระหว่างที่เป็นผื่น ผู้ป่วยอาจมีอาการตาแดง น้ำมูกไหลร่วมด้วยได้
วิธีป้องกันตนเองของนักเดินทาง
- ตรวจสอบตนเองว่าเคยได้รับวัคซีนป้องกันหัดเยอรมันครบ 2 เข็มหลังจากอายุ 1 ขวบหรือไม่
- หากไม่มั่นใจว่าเคยได้รับวัคซีนครบหรือไม่ แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาและรับวัคซีนเพิ่มเติม โดยหญิง ตั้งครรภ์ไม่สามารถรับวัคซีนได้เนื่องจากวัคซีนเป็นอันตรายกับเด็กในท้อง และหญิงวัยเจริญพันธุ์ควรฉีดวัคซีนและคุมกำเนิดหลังฉีดวัคซีนครบอย่างน้อย 1 เดือนจึงจะตั้งครรภ์ได้
- แนะนำหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันต่อหัดเยอรมัน (ไม่เคยได้รับวัคซีนหรือไม่เคยเป็นโรคมาก่อน) หลีกเลี่ยงการเดินทาง หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ให้ใช้มาตรการระมัดระวังตัวเพิ่มขึ้น พยายามไม่เดินทางไปในพื้นที่ที่มีคนอยู่ รวมกันเยอะ ๆ และอากาศไม่ถ่ายเท ใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกจากที่พัก ล้างมือฟอกสบู่ทุกครั้งที่มีโอกาส รวมถึงพกแอลกอฮอลส์เปรย์หรือเจลไว้ล้ามือตลอดเวลาทุกครั้งที่ไม่สามารถล้างมือฟอกสบู่ได้ และไม่นนำมือไปสัมผัสตา จมูก ใบหน้าโดยไม่จำเป็น
- แนะนำให้เด็กอายุน้อยกว่า 9 เดือนหลีกเลี่ยงการเดินทาง เนื่องจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมันในประเทศไทยเริ่มฉีดเมื่อเด็กอายุ 9 เดือนเป็นต้นไป
- หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับคนไม่สบาย รวมถึงการใส่หน้ากากอนามัยในที่ชุมชนแออัดและล้างมือฟอกสบู่บ่อย ๆ
นอกจากนี้ กรมควบคุมโรคยังได้ระบุว่าคนไทยสามารถเดินทางไปญี่ปุ่นได้ แต่ขอให้มีการทำประกันสุขภาพ ซึ่งยังไม่เห็นคำแนะนำเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ขอให้อย่าวิตก แต่หากจะเดินทางไปให้เช็กประวัติว่าเคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมันหรือไม่ และหากไม่เคยก็สามารถพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีน ยกเว้นหญิงตั้งครรภ์อาจต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
อ่านต่อบทความที่น่าสนใจ คลิก
โรคหัด หัดเยอรมัน ต่างกันอย่างไร
ระวัง! โรคหัด ระบาด ทำเด็กตาย…แต่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนฟรี
ไวรัสซิกา คนท้อง ห้ามเป็น พบผู้ป่วยในกรุงเทพฯ 124 รายแล้ว
ข้อมูลอ้างอิงจาก : สำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข, medthai.com
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่