ผลไม้– ผัก ที่เหมาะกับลูกอายุ 6 – 12 เดือน
ถ้าน้ำผลไม้จะยังไม่เหมาะที่จะให้เด็กๆ ได้กินก่อน 1 ขวบ คุณแม่สามารถให้ลูกได้รับวิตามิน แร่ธาตุที่มีประโยชน์จากผลไม้ได้ด้วยการให้ทานเป็นผลไม้สด ที่จะทำให้ได้ทั้งสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุที่หลากหลาย อย่างเด็กที่เมื่ออายุได้ 6 เดือนขึ้นไปฟันหน้า 2 ซี่ล่างเริ่มขึ้นโพล่พ้นเหงือกขึ้นมาแล้ว คุณแม่สามารถเริ่มให้ลูกได้ลองกัดผลไม้นิ่มๆ เพื่อเป็นการบริหารเหงือก และยังช่วยลดอาการคันเหงือกจากฟันขึ้นให้ลูกได้อีกด้วย ไปดูว่าผลไม้ชนิดไหนลูกทานได้แล้วบ้าง…
1. กล้วย
กล้วยน้ำว้านิ่มๆ หั่นเป็นชิ้นแว่นๆ หรือจะให้กัดกินทั้งลูกก็ได้ค่ะ เลือกลูกไม่ใหญ่มากเกินไป ให้ลูกกินกล้วยช่วยให้ขับถ่ายง่าย นอนหลับสบายด้วยค่ะ
2. แตงโม
มีรสหวานธรรมชาติที่เด็กๆ ชอบ กินง่าย เด็กที่ฝันกำลังขึ้น คุณแม่ลองหั่นแตงโมที่แช่เย็นๆ ให้ลูกได้กัด ได้ดูดน้ำแตงโม นอกจากจะอร่อยแล้ว ชื่นใจแล้ว ยังช่วยลดอาการคันเหงือง ปวดเหงือกจากฟันขึ้นได้ดีด้วยค่ะ
3. ส้ม
แกะส้มให้ลูกทานสัก 2-3 กลีบ เด็กที่ฟันเริ่มขึ้นเขาสามารถเริ่มอมๆ เคี้ยวๆ ชิ้นส้มได้แล้วค่ะ ส้มอุดมไปด้วยวิตามินซี ใยอาหาร ลูกกินแล้วได้นอกจากจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันไม่เป็นหวัดง่าย ยังช่วยให้ระบบขับถ่ายดีด้วยค่ะ
4. มะม่วงสุก
ถ้ามีมะม่วงสุกให้แช่เย็นๆ แล้วมาปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นแท่งๆ ให้ลูกกินสัก 1-2 ชิ้น เด็กที่ฟันกำลังขึ้นจะชอบมากค่ะ ที่สำคัญมะม่วงสุกมีวิตามินเอธรรมชาติ ช่วยบำรุงสายตาได้ดีด้วยค่ะ
5. แตงกวา
ล้างให้สะอาดแล้วปอกเปลือกออก จะหั่นเป็นแท่งๆ หรือแว่นๆ หนาหน่อย ให้ลูกกัดกินเล่นๆ ช่วยคลายจากอาการปวด และคันเหงือกได้ดีทีเดียวค่ะ
6. แครอท
ถือเป็นตัวช่วยที่แม่ๆ ชอบให้ลูกกินตอนฟันขึ้นกันค่ะ แครอทเอาไปปอกเปลือกทำความสะอาดแล้ว หั่นเป็นแท่งๆ แช่เย็น แล้วให้ลูกกัดกินช่วยลดอาการปวด คันเหงือกได้ดีมากๆ ค่ะ
อาหาร ผัก ผลไม้ ที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเด็กๆ และทุกคนในครอบครัว แต่จะได้รับ ประโยชน์มากน้อยแค่ไหน ต้องรู้จักเลือกทานกันให้เหมาะสมและสมดุลต่อความต้องการของร่างกายด้วยนะคะ เพื่อที่เมื่อ ทานเข้าไปแล้วจะได้ไม่เกิดโทษต่อสุขภาพร่างกายนั่นเองค่ะ …ด้วยความใส่ใจและห่วงใย
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อบทความเรื่องอื่นที่น่าสนใจคลิก
16 วิธีล้างผักผลไม้ ให้ปลอดสารก่อนให้ลูกทาน
9 ผัก ผลไม้สีแดง สารต้านอนุมูลอิสระสูง ดีต่อสุขภาพคุณแม่
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
www.chiangmainews.co.th , เพจ ความรู้สนุกๆ แบบหมอแมว , www.dailynews.co.th