คุณแม่ผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งได้โพสต์อุทาหรณ์เพื่อเตือนแม่ ๆ ทุกคนในการสังเกตอาการลูกเมื่อ สิ่งแปลกปลอมเข้าคอ ดังเช่นลูกของตนเองที่เผลอกลืนฝาขวดน้ำลงคอ
อุทาหรณ์! สิ่งแปลกปลอมเข้าคอ เพราะลูกเล่นฝาขวดน้ำ
เพราะโลกใบนี้ เป็นโลกที่น่าเรียนรู้สำหรับเด็กเสมอ การที่เด็กเล็กเริ่มมองเห็นสิ่งต่าง ๆ รอบกายแล้ว ก็มักจะใช้อวัยวะของตนเองในการเรียนรู้สิ่ง ๆ นั้น ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของตน โดยการใช้ ตาดู หูฟัง มือสัมผัส ลิ้นชิมรส และจมูกดมกลิ่น แน่นอนว่ายิ่งลูกได้สัมผัสมากขึ้น ก็จะยิ่งเพิ่มประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับลูกมากขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องพึงระวังไว้ก็คือ สิ่งของที่จะนำมาให้ลูกเล่นเพื่อเรียนรู้นั้น ต้องมั่นใจได้ว่าสิ่ง ๆ นั้นจะมีขนาดเล็ก หรือสามารถหลุดลงคอลูกได้ ดังเช่นอุทาหรณ์จากคุณแม่ผู้ใช้เฟสบุ๊ครายนี้ ที่ได้ออกมาโพสต์เตือนแม่ ๆ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกของตนเอง ดังนี้
#โพสต์ไว้เตือนใจตัวเองแม่ขอโทด😥
#เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนเป็นพ่อเป็นแม่เมื่อวานเวลา16.00 น. ลูกชายได้เล่นเเละเผลอกลืนฝาขวดน้ำลงไป แต่ตอนนั้นไม่รุ้ว่าอะไรติดคอน่ะค่ะ ด้วยความตกใจยายจึงใช้มือล้วงคอเพราะอยากทำให้อาเจียนออกมา มันเหมือนยิ่งดันลงไป จึงรีบพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลแถวบ้าน
พอไปถึงโรงพยาบาลหมอได้ตรวจและช่วยเต้มที่ เอ็กซ์เซเรดู ทั้งหมด 7-8ท่า เลยทีเดียว อ้าปากสอดสายอะไรต่าง ๆ นานา เพื่อรักษาและช่วยลูกเรา แต่คุณหมอก็บอกมันไม่มีอะไร และให้ยาพาราชนิดน้ำมา 1 ขวด ค่ะ
พอกลับมาถึงบ้านอาการของลูกเราคือพูดกินกลืนอะไรไม่ได้เลย ร้องไห้แบบไม่มีเสียง หิวนมหยิบขวดนมมาจะดูด เอาเเค่โดนปากก็ร้องไห้ ด้วยความหิวเรามองดูเราแทบใจจะขาด จึงใช้ช้อนหยอดข้างปากทีละนิด แต่ตอนหยอดลงไปปากสั่นตาเหลือกตลอดเราก็คิดว่าคงเจ็บที่ผ่านคอลงไป ด้วยความที่กลัวลูกหิวเราก็กลั้นใจที่จะเห็นภาพ ๆ นั้น
#โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีฝาขวดน้ำติดอยุ่ในคอเราจึงตัดสินใจพากลับไปโรงพยาบาลแถวบ้านอีกครั้งที่ 2 เวลา22.00 น. เเล้วไปบอกหมอว่าลูกกินนมไม่ได้ เหมือนกลืนอะไรไม่ได้หายใจขัด ๆ นอนก็ดิ้นไปดิ้นมาเหมือนคนใจจะขาดในบางครั้ง หมอบอกว่ารอสักครู่นะคะเพราะ รอบแรกหมอเอ็กซเรย์ดูรอบแรกแล้วมันไม่มีอะไร ดูหมดแล้ว งั้นก็ไปนั่งรอน่ะค่ะ เดี๋ยวขอเครียคนไข้ฉุกเฉินก่อน เราก็รอ รอแล้วรออีก คนมาทีหลัง 2 คนก็ได้ตรวจก่อน เรานั่งรอประมาณเกือบ 1 ชม. ลูกเราก็ง่วงนอน ด้วยความที่เห็นว่าอุ้มแล้วหลับไม่ร้องไห้ เราก็เลยคิดว่าถ้าเอากลับบ้านพานอนให้หลับคงเลิกร้องไห้ เราจึงตัดสินใจพากลับบ้าน แล้วเดินไปบอกหมอ หมอก็ยืนยันว่าไม่มีอะไรเอ็กซเรย์ดูหมดแล้วคงเป็นสะเหลดเดี๋ยวคงหาย ถามว่าสบายใจไหม ไม่เลยที่บอกไม่มีอะไรตรวจดูอย่างละเอียดเเล้ว แต่เราก็จำเป็นต้องพาลูกกลับบ้านเพราะลูกเราเพลียมาก
พอมาถึงบ้านพานอน ทั้งคืนนั้นเราไม่ได้นอนเลยมองดูเเต่ลูกที่นอนกลิ้งไปมากินนมไม่ได้ร้องไห้ทั้งคืนจนเช้า เราจึงตัดสินใจพาเข้าไปหาหมอที่คลีนิคในอุบลที่ไปคลีนิคเพราะเพื่อได้ยาดีดีมากินจะได้หายแล้วกินนมได้ปกติ เพราะก็สะบายใจแล้วว่าไม่มีอะไรติดคอ
#คลีนิคที่เราไปหาคือคลีนิคหมอเพียรศักดิ์
ไปถึงเข้าตรวจ หมอก็ถามอาการก็เล่าไป หมอถามว่าที่ติดคอออกยังเราก็ตอบอย่างมันใจ เอ็กชเรย์ดูแล้วไม่มีอะไร หมอบอกมองตาก็รู้ว่ายังมีอะไรติดคอ หมอเลยจับอ้าปากแล้วก็บอกกลับมาว่า ฝาขวดน้ำติดคอน่ะคุณแม่ หัวใจของเราตอนนั้นแทบสลาย หูอื้อ ทำอะไรไม่ถูก มันอยู่ในนั้นตั้งแต่เมื่อวาน อยู่ได้ยังไง ไหนหมอบอกไม่มีอะไรที่โพสไม่ได้จะเอาเรื่องหรือติดใจเอาความอะไร แต่ถ้าลูกเราเป็นอะไรขึ้นมา หรือจากเราไป จริง ๆ เราก็คงโทษตัวเองแหละน้อ
#แม่ขอโทดที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นทิวา
#ฝานี้เลยไปอยุ่ได้ยังไงใหญ่ขนาดนี้😥
จากอุทาหรณ์ดังกล่าว จะเห็นได้ว่าอุบติเหตุเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวและเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว สิ่งของที่ดูเหมือนจะปลอดภัย กลับอันตรายกับเด็กเล็กเป็นอย่างมาก จึงขอฝากให้คุณพ่อคุณแม่ลองสังเกตของเล่นและสิ่งรอบตัวลูกว่ามีอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนไหนบ้าง ที่อาจจะหลุดเข้าคอลูกได้ แล้วคอยเก็บชิ้นส่วนต่าง ๆ นี้ ไม่ให้ลูกหยิบถึงเป็นอันขาด
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ (คลิป) วิธีช่วยชีวิตลูกเมื่อ สิ่งแปลกปลอมเข้าคอ สำลักอาหาร
(คลิป) วิธีช่วยชีวิตลูกเมื่อ สิ่งแปลกปลอมเข้าคอ สำลักอาหาร
ชมคลิปสาธิต วิธีปฐมพยาบาลเมื่อ สิ่งแปลกปลอมติดคอลูก กรณีไม่หมดสติ
กรณีเด็กมากกว่า 1 ขวบ สิ่งแปลกปลอมเข้าคอ และยังไม่หมดสติ
- หากเด็กไม่มีอาการหายใจลำบาก หน้าเขียว ให้ตบที่หลังเบา ๆ ก่อน เพื่อกระตุ้นให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออก
- หากของที่ติดคอไม่หลุดออก ให้โอบจากข้างหลัง และใช้นิ้วโป้งกดใต้ลิ้นปี่แรง ๆ 5 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 3 วินาที และตรวจดูว่าสิ่งแปลกปลอมหลุดออกมาหรือยัง
- หากเด็กหยุดหายใจ ให้จับเด็กนอนหงายศีรษะต่ำลง และใช้สองมือประสานกัน กดลงไปที่ลิ้นปี่ สลับกับการช่วยหายใจ และรีบพาส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
- ไม่ควรใช้นิ้วเขี่ยหรือพยายามคีบสิ่งของออกจากคอ เพราะอาจทำให้สิ่ง ๆ นั้นหลุดเข้าไปลึกกว่าเดิม
กรณีเด็กทารกน้อยกว่า 1 ขวบ สิ่งแปลกปลอมเข้าคอ และยังไม่หมดสติ
- ให้จับทารกนอนคว่ำลงบนท่อนแขน โดยศีรษะต่ำลงเล็กน้อย
- ใช้ฝ่ามือตบกลางหลังทารก ระหว่างสะบักทั้ง 2 ข้างเร็ว ๆ 5 ครั้ง
- หากยังไม่ได้ผล ให้จับทารกนอนหงายบนท่อนแขน โดยให้ศีรษะต่ำลง วางนิ้วชี้กับนิ้วกลางลงที่กระดูกหน้าอกเหนือลิ้นปี่ และกดลงเร็ว ๆ (ประมาณ 1 นิ้ว) 5 ครั้ง
- หากสิ่งแปลกปลอมยังไม่ออกมา ให้ใช้วิธีตบหลังสลับกับกดหน้าอกไปเรื่อย ๆ
ชมคลิปสาธิต วิธีปฐมพยาบาลเมื่อ สิ่งแปลกปลอมติดคอลูก กรณีหมดสติ
วิธีช่วยลูกเมื่อ สิ่งแปลกปลอมเข้าคอ กรณีหมดสติ
- ให้จับลูกนอนหงายบนพื้น และเปิดทางเดินหายใจ โดยยกปลายคางขึ้น และอีกมือหนึ่งกดหน้าผากลง
- ลองเป่าปากเพื่อช่วยหายใจ 2 ครั้ง หากหน้าอกยกขึ้น ให้เป่าปากต่อไป ด้วยอัตรา 10 – 12 ครั้ง/นาที ในผู้ใหญ่ และ 12 – 20 ครั้ง/นาที ในเด็ก
- ถ้าลองเป่าปากแล้วหน้าอกไม่ยกขึ้น ให้ใช้มืออัดที่ท้องในท่านอนหงาย 6 – 10 ครั้ง แต่ถ้าเป็นเด็กทารก ให้ใช้วิธีตบหลัง 5 ครั้ง สลับกับกดหน้าอก 5 ครั้ง
- คอยตรวจเช็คช่องปาก ถ้ามองเห็นสิ่งแปลกปลอมให้ใช้นิ้วเกี่ยวออกมา (ไม่ควรทำในกรณีที่ลูกยังไม่หมดสติ)
- ปฐมพยาบาลด้วยวิธีเหล่านี้ สลับกับคอยเช็คช่องปากของลูกไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงโรงพยาบาล
เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ คุณพ่อคุณแม่จึงควรฝึกวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ เผื่อเวลาที่มีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น คุณพ่อคุณแม่จะได้พร้อมรับมือกับเหตุการณ์นั้นอย่างทันท่วงที
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
สำลักนมคร่าชีวิตลูกน้อย อันตรายที่คาดไม่ถึง
จัดบ้านปลอดภัย ป้องกันไม่ให้ลูกน้อยเสียชีวิต
เรียกคืนแล้ว! เปลไกวไฟฟ้า คร่าชีวิตทารก 32 คนในสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก : คุณแม่น้องทิวา, www.honestdocs.co
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่