ลูกบ้านไหนชอบ กลั้นอุจจาระ ห้ามพลาด! เพราะโอกาสที่ 3 อาการนี้จะถามหามีสูง!!
ยุคนี้สมัยนี้การจราจรติดขัดอย่างแสนสาหัส ทำไมผู้คนส่วนใหญรวมทั้งตัวเราเองหรือแม้แต่ลูก ๆ ก็ยังต้องปรับสภาพหากปวดปัสสาวะ อุจจาระก็ต้องเก็บต้องทนไปก่อน เพราะไม่สะดวกหรือรถอาจจะติด … ทราบหรือไม่คะว่า หากเรา กลั้นอุจจาระ หรือปัสสาวะบ่อย ๆ นั้นสามารถส่งผลเสียกับร่างกายของเราและลูกได้มากในระดับนึงเลยละค่ะ และการกระทำเช่นนั้นย่อมไม่ส่งผลดีแต่อย่างใดกับร่างกายเลย
โดยปกติแล้วร่างกายของมนุษย์เรานั้นจะถ่ายอุจจาระประมาณวันละ 1 – 2 ครั้ง ซึ่งปริมาณและลักษณะของอุจจาระนั้นก็ไม่เหมือนกัน เนื่องจากหลากหลายปัจจัย ยกตัวอย่างเช่น รถ อาหารที่รับประทานเข้าไป หรือแม้ร่างกายไม่สบายอยู่ เป็นต้น ซึ่งในวันนี้ทีมงาน Amarin Baby and Kids จะมาขอนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับการ กลั้นอุจจาระ ให้คุณพ่อคุณแม่ได้ทราบถึงผลเสียกันค่ะ
วิลเลี่ยม ดี เซย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาทางเดินอาหาร และอายุรศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า โดยปกติแล้วในเวลา 1-2 วันนั้นลำไส้ใหญ่จะเริ่มบีบตัวเล็กน้อย เพื่อเป็นการเตรียมตัวเริ่มกระบวนการขับถ่ายที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาค จากนั้นเมื่ออุจาาระเริ่มเดินทางมาถึงส่วนสุดท้ายของลำไส้ใหญ่ หรือที่เราเรียกว่า เรกทัม หลังจากนั้นลำไส้จะเริ่มยึดตัว และเส้นประสาทต่าง ๆ จะเริ่มส่งสัญญาณไปถึงสมองว่า ได้เวลาจำกัดของเสียแล้ว!
กลั้นอุจจาระ บ่อย ๆ ส่งผลเสียอะไรบ้าง ?
- อุจจาระไม่เป็นเวลา หากเราหรือว่าลูกกลั้นอุจจาระบ่อย ก็จะส่งผลให้ระบบขับถ่ายของเราคลาดเคลื่อน และไม่สามารถขับถ่ายให้เป็นเวลาได้ เนื่องจากร่างกายจะเริ่มเข้าใจว่าเราไม่อยากขับถ่ายนั่นเอง
- ทำให้ท้องผูก การกลั้นอุจจาระไม่ให้ร่างกายขับของเสียออกมาในเวลาที่เหมาะสมนั้น ทำให้อุจจาระของเราร่นกลับเข้าไปค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่ ทำให้เกิดการทับถมอัดแน่นจนทำให้การถ่ายครั้งต่อไปนั้นเป็นไปได้ยากขึ้น เพราะมีจำนวนของเสียที่ต้องการจะถ่ายออกเพิ่มขึ้น และแน่นอนค่ะว่า กลิ่นที่จะตามมานั้นมีความรุนแรงมากกว่าเดิมอีกด้วย
- เสี่ยงเป็นริดสีดวงทวาร / มะเร็งลำไส้ เมื่อระบบขับถ่ายมีปัญหา อุจจาระเริ่มเป็นก้อนแข็ง ทำให้เกิดการบาดที่ปากของทวารหนัก ทำให้ด้านในหนักปลิ้นออกมาข้างนอก และมีเลือด นี่ละค่ะ คือสัญญาณของโรคริดสีดวงทวารแล้ว และถ้ายังเป็นบ่อย ๆ และเป็นระยะเวลานาน โอกาสที่จะเป็นมะเร็งลำไส้นั้นก็มีโอกาสเพิ่มขึ้นตามมาด้วยเช่นกัน
ดังนั้น การฝึกให้ลูกรวมถึงตัวเราเองขับถ่ายให้เป็นเวลา และรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง ดื่มน้ำให้มาก ๆ ก็ช่วยทำให้อุจจาระนุ่มขึ้น เวลาขับถ่ายออกมาก็สบายด้วยเช่นกัน ส่วนเวลาที่เหมาะสมกับการขับถ่ายนั้นก็คือ ตอนเช้าหลังตื่นนอนค่ะ หรือถ้าหากจะถ่ายอีกครั้งนึงสำหรับคนที่ชอบถ่ายมากกว่า 1 ครั้งต่อวันนั้นเวลาที่เหมาะสมก็คือ ตอนบ่ายหลังกลับบ้านนั่นเอง จะได้ไม่ไปปวดระหว่างทางอย่างไรละคะ
ใครคือกลุ่มเสี่ยงที่จะมีความผิดปกติของระบบขับถ่าย?
สำหรับกลุ่มที่พบว่ามีความเสี่ยงที่จะมีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่ายนั้นก็ได้แก่ เด็ก และวัยรุ่นค่ะ สาเหตุเนื่องจาก
- ไม่ชอบรับประทานผักและผลไม้
- ดื่มน้ำน้อย
- หมกมุ่นกับกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งมากเกินไป ยกตัวอย่างเช่น การเล่นเกม เป็นต้น
เพิ่มเติมอีกนิดนึงค่ะ เชื่อหรือไม่คะว่า การกลั้นอุจจาระนั้นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยหนังสือพิมพ์ Independent UK นั้นเคยลงข่าวการเสียชีวิตของเด็กสาวที่มีวัยเพียง 16 ปี เสียชีวิตลงเนื่องจากหัวใจวายกระทันหัน สาเหตุเพราะลำไส้ขยายตัวจนแตก หลังจากที่เด็กคนนี้ไม่ยอมถ่ายอุจจาระนานถึง 2 เดือน!!
ทำให้บริเวณท้องของเธอมีสภาพที่บวมเต่งและอืดมาก กระดูกซี่โครงส่วนล่างนั้นถูกลำไส้ดันจนยื่นเลยกระดูกหัวเหน่าออกมาอย่างเห็นได้ชัด แต่แพทย์ก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเมื่อชันสูตรพบว่าภายในลำไส้ของเด็กสาวนั้นเต็มไปด้วยอุจจาระที่แข็งตัวและอัดแน่นมาก แน่นถึงขนาดที่บางส่วนถูกดันขึ้นมาลอยอยู่นอกลำไส้ และอีกบางส่วนจับตัวกันแน่นอยู่ตามอวัยวะต่าง ๆ ด้วย
ซึ่งก่อนหน้าที่จะเสียชีวิตนั้น เด็กสาวคนนี้มีนิสัยไม่ชอบขับถ่ายอยู่แล้วเพราะมีปัญหาท้องผูกเป็นประจำ ทางครอบครัวได้พยายามพาไปพบแพทย์เพื่อรับยาที่ทำให้อุจจาระอ่อนตัวลงและรับการตรวจสอบภายใน แต่เนื่องจากเด็กสาวมีอาการออทิสติกเล็กน้อยทำให้การสื่อสารค่อนข้างลำบากและเกิดอาการกลัวที่จะเข้ารับการบำบัด เธอจึงปฏิเสธความช่วยเหลือจากทางแพทย์และเสียชีวิตลงในที่สุด
ดังนั้น การฝึกให้ตัวเราเองและลูกมีวินัยในการขับถ่าย และไม่กลั้นอุจจาระบ่อย ๆ รับประทานผักและผลไม้ที่มีกากใยสูง ดื่มน้ำมาก ๆ ละก็สามารถเลี่ยงปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดตามมาได้แล้วละค่ะ
ขอบคุณที่มา: สนุกดอทคอม และ Honestdocs
อ่านต่อบทความอื่นที่น่าสนใจ:
- สีอุจจาระ บอกสุขภาพ ได้ เรื่องจริงที่ไม่ควรมองข้าม!
- รู้ยัง! ดื่มน้ำหลังตื่นนอน ดีอย่างไร บอกเลยห้ามพลาด!
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่