AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

สายตาเสีย ตั้งแต่เล็กเพราะทำ 8 พฤติกรรรมเสี่ยง!

Credit Photo : Shutterstock

สายตาเสีย ตั้งแต่เล็กๆ เพราะพฤติกรรมเสี่ยงบางอย่างที่ทำซ้ำๆ จนติดเป็นนิสัย อยากรู้ไหมคะว่ามีอะไรบ้าง เชื่อว่าถ้าบอกไปแล้วพ่อแม่ต้องร้องอ่อตกใจกันแน่ๆ เพราะใครจะไปคิดว่าเรื่องใกล้ตัวแค่นี้จะเป็นผลเสียระยะยาวทำร้ายสายตาลูกให้แย่ขึ้นมาได้ ทีมงาน Amarin Baby & Kids จะพาไปดู 8 พฤติกรรมเสี่ยงทำลูกสายตาเสียกันค่ะ

 

สายตาเสีย เพราะอะไร?

การปล่อยปละละเลยให้เด็กๆ เขาเล่นคนเดียวรู้ไหมว่าบางกิจกรรมอาจส่งผลต่อสุขภาพดวงตาทำให้ลูก สายตาเสีย ได้ ง่ายๆ โดยปกติแล้วไม่ว่าจะอ่านหนังสือก็ต้องอ่านในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ ห้ามอ่านในที่แสงน้อยสลัวๆ เพราะจะทำให้ ต้องใช้สายตาในการเพ่งมากกว่าปกติ ทำให้ปวดตา สายตาพร่ามัว หรือเวลาออกไปนอกบ้านแล้วเล่นดิน เล่นทรายมือเลอะๆ จะไม่ให้เด็กๆ มาเช็ด จับป้ายหน้า ป้ายตา เพราะเชื้อโรคที่ติดมากับมืออาจทำให้เสี่ยงเป็นโรคตาแดง ตาอักเสบขึ้นมาได้  เห็นไหมคะว่านี่แค่ยกตัวอย่าง ก็ทำให้รู้ว่าทุกอย่างรอบตัวลูกล้วนเป็นสาเหตุที่นำมาซึ่งปัญหาสายตาอย่างปฏิเสธไม่ได้เลยค่ะ

คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นใส่ใจดูแลช่วยลูกให้ใช้สายตาอย่างเหมาะสม ถูกต้อง เพราะดวงตาเป็นอวัยวะสำคัญที่จะต้องอยู่กับลูกน้อยไปตลอดชีวิต ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมการใช้สายตาที่ไม่เหมาะสม เช่น การอ่านหนังสือ หรือทำการบ้าน ในที่มีแสงสว่างน้อย ไม่อ่านหนังสือขณะอยู่บนรถ เพราะการใช้สายตาขณะรถกำลังวิ่ง จะต้องใช้สายตาในการมองเพ่งอ่านตัวหนังสือมากกว่าปกติ บวกกับเวลาที่รถกำลังวิ่งจะมีการสั่นสะเทือน ซึ่งอาจกระทบต่อระบบประสาทตา ทำให้สายตาเสื่อมได้เร็วกว่าปกติ …ทีนี่เราจะไปดูกันต่อว่า 8 พฤติกรรมเสี่ยงทำร้ายสายตาลูกตั้งแต่เล็กๆ นั้นมีอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้ป้องกันได้ตั้งแต่ตอนนี้กันค่ะ

อ่านต่อ 8 พฤติกรรมเสี่ยงทำลูกสายตามีปัญหา หน้า 2 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

8 พฤติกรรมเสี่ยงทำลูกสายตาเสีย!!

การจะรักษาดวงตาของลูกให้มีสุขภาพสายตาที่ดีอยู่ตลอดเวลาได้นั้น คุณพ่อคุณแม่ควรต้องให้ความสำคัญในการดูแลตั้งแต่ตอนที่ลูกยังเล็กๆ ต้องหลีกเลี่ยงการใช้สายตากับกิจกรรมที่ไม่เหมาะสมดังนี้…

1. ใช้สายตาในที่มืด

ในห้องนอน หรือห้องนั่งเล่นถ้าไม่เปิดไฟให้สว่างเพียงพอ มีแค่แสงสลัวๆ แนะนำว่าไม่เหมาะที่เด็กๆ จะอ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้สายตากันนะคะ เนื่องจากการใช้สายตาในที่แสงน้อยๆ จะส่งผลทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตา และม่านตาทำงานหนักมากกว่าปกติ  ซึ่งถ้าเด็กๆ ทำแบบนี้บ่อยๆ แน่นอนว่ามีความเสี่ยงที่จะสายตาสั้นได้ง่ายมากค่ะ

2. อ่านหนังสือขณะนั่งรถกำลังวิ่ง

บางทีนั่งรถนานๆ ไปกับคุณพ่อคุณแม่ หรือเวลาที่นั่งรถไปโรงเรียน รถติดกว่าจะถึงที่หมาย เด็กๆ มักหยิบเอาหนังสือเรื่องโปรด หรือมือถือออกมาเล่น ซึ่งรู้หรือไม่คะว่าการใช้สายตาในการเพ่งจดจ่ออยู่กับหนังสือ หรือมือถือ ฯลฯ นั้น จะทำให้ดวงตาต้องเพ่งหนักมากขึ้น เพราะแรงสั่นสะเทือนขณะรถวิ่ง และถ้าเด็กๆ ทำแบบนี้บ่อยๆ จะทำให้ปวดเบ้าตา ปวดศีรษะ และทำให้ตาเหล่ เสียศักยภาพในการมองเห็นอีกด้วยค่ะ

3. นอนอ่านหนังสือ

จะว่าไปการนอนอ่านหนังสือนี่ก็ดูสบายๆ ไม่น่าจะเป็นผลเสียต่อสายตาได้ว่าไหมคะ จริงๆ ถ้าเป็นหนังสือเล่มปกติที่มีขนาดตัวหนังสือใหญ่เป็นมาตรฐานก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่ถ้าเด็กๆ อ่านตัวหนังสือจากมือถือ หรือไอแพดที่ขนาดตัวหนังสือเล็กมากบวกกับขนาดจอเล็ก แถมยังมีแสงสีฟ้าจากหน้าจออีก รู้ไหมว่าจะทำให้กล้ามเนื้อดวงตาต้องทำงานหนักในการปรับโฟกัสตัวหนังสือ แล้วถ้าอ่านตัวหนังผ่านจอบ่อยๆ จะทำให้ลูกเสี่ยงสายตาเสียเร็วมากขึ้นค่ะ

4. ใช้สายตากับหน้าจอคอมพิวเตอร์นานติดต่อหลายชั่วโมง

เป็นที่รู้กันว่าการเรียนการสอนในปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างปฏิเสธไม่ได้ โดยเฉพาะการหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตที่ไม่ว่าบ้านไหนก็ต้องมีคอมพิวเตอร์ ซึ่งเมื่อเด็กๆ เริ่มใช้เป็นแน่นอนว่าการค้นหาข้อมูลเพื่อทำรายงาน หรือการบ้านก็ง่ายเพียงปลายนิ้วคลิก แต่การท่องโลกอินเตอร์เน็ตอยู่จ้องหน้าจอคอมนานหลายชั่วโมง ก็ทำให้น้ำในตาแห้ง แสบเคืองตา และที่แย่ไปกว่านั้นคือหากทำพฤติกรรมนี้สะสมบ่อยๆ จะทำให้กล้ามเนื้อตา จอประสาทตาเสื่อม เป็นโรคสายตาสั้นอีกด้วยค่ะ

บทความแนะนำ คลิก>> อุทาหรณ์! แม่ฝากเตือน ระวังเด็กเล่นกัน ลูกถูกฝักคูนแทงเข้าตา รักษาไม่ได้ หมอต้องผ่าดวงตาทิ้ง

5. ใช้มือสกปรกขยี้ดวงตา

ดวงตาของเด็กๆ ง่ายต่อการเกิดการอักเสบ หรือเป็นโรคตาแดงได้บ่อยครั้ง ถ้าหากไม่รักษาความสะอาดให้กับดวงตา อย่างเวลาออกไปเล่นนอกบ้าน หรือมือไปสัมผัสจับมากับฝุ่นละออง แล้วไม่ล้างมือให้สะอาด พอเอามือมาป้ายหรือขยี้ตา แน่นอนว่าเชื้อโรคที่ติดมากับมือสามารถทำให้เป็นตาแดง ตาอักเสบ และที่น่ากลัวคือถ้าลูกขยี้ตาแรงๆ เสี่ยงทำให้กระจกตาได้รับบาดเจ็บฉีกขาดด้วยนะคะ

6. ดวงตาได้รับบาดเจ็บ

เด็กๆ ที่อยู่ในวัยกำลังซน หรือวัยเรียน บางครั้งเล่นสนุกกับเพื่อนๆ จนลืมระมัดระวังอุบัติเหตุจากการเล่นสนุกนั้นๆ เช่น การเล่นโยนของใส่กัน หรือเล่นกีฬาแล้วพลาดกระแทกโดนหน้า โดนตา ฯลฯ ก็ทำให้ดวงตากระทบเทือน ได้รับบาดเจ็บหากร้ายแรงอาจทำให้ตาบอด สูญเสียการมองเห็นได้ค่ะ

7. การใช้สายตาทั้งคืน

ช่วงปิดเทอม หรือช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ พ่อแม่อาจคิดว่าให้ลูกได้พักผ่อน ถ้าเขาจะดูหนัง ดูซีรีส์ หรือจะเล่นคอมฯ ดึกดื่นก็ไม่เป็นไร ดีกว่าลูกออกไปเล่นนอกบ้านไกลสายตา อ๊ะๆๆ คิดแบบนี้ไม่ได้นะคะ เพราะการให้ลูกใช้สายตาทั้งวัน ทั้งคืน ไม่ยอมหลับ ยอมนอน นอกจากสุขภาพร่างกายโดยรวมจะแย่แล้ว สุขภาพดวงตาก็แย่มากไม่ต่างกันค่ะ การใช้สายตาหนักๆ แบบไม่หยุดพัก ปัญหาสุขภาพตาที่จะตามมาคือ ดวงตาอ่อนล้า น้ำในตาแห้ง วุ้นตาเสื่อม ปวดตา เป็นต้น ฉะนั้นควรสอนให้เด็กๆ ใช้สายตาอย่างเหมาะสม และควรถนอมดวงตาให้มากๆ เพื่อที่จะได้มีดวงตาคู่สวยใช้ไปนานๆ หมดปัญหา สายตาเสีย เร็วด้วยค่ะ

8. ไม่สวมแว่นกันแดด กันลม

ไม่ใช่เฉพาะผู้ใหญ่เท่านั้นที่เวลาอยู่นอกบ้าน นั่งรถ เดินเล่น ไปเที่ยวแล้วมีแว่นสวมใส่กันแดด กันลม เพราะเด็กๆ คุณพ่อคุณแม่ก็ควรหาแว่นไว้ให้ลูกใส่ด้วยเช่นกัน การสวมแว่นกันแดดถือเป็นการช่วยถนอมดวงตาได้ดีวิธีหนึ่ง ช่วยให้ห่างไกลจากโรคต้อลม ปกป้องดวงตาจากรังสียูวีที่เป็นอันตรายต่อสายตาอีกด้วยค่ะ

เมื่อทราบกันแล้วว่าพฤติกรรมใดที่เสี่ยงทำให้สายตาเสียได้ตั้งแต่เด็กๆ คุณพ่อแม่ควรสอนอธิบายลูกให้เข้าใจ และรู้จักวิธีการใช้สายตาอย่างทะนุถนอมกันด้วยนะคะ เพื่อสายตาที่สดใสและประสิทธิภาพการมองเห็นที่ยาวนานค่ะ

อ่านต่อ 7 อาหารบำรุงสายตาลูกน้อย หน้า 3 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

7 อาหารบำรุงสายตาลูกน้อย

การดูแลรักษาดวงตาของลูกให้มีสุขภาพสายตาที่ดีอยู่ตลอดเวลาได้นั้น คุณพ่อคุณแม่ควรต้องให้ความสำคัญในการดูแล ตั้งแต่ตอนที่ลูกยังเล็ก โดยเฉพาะเด็กในวัยเรียน ควรต้องได้เริ่มทานอาหารที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตาการทานอาหารที่ ดีมีประโยชน์จากธรรมชาติช่วยให้มีสุขภาพตาที่แข็งแรง และมีดวงตาที่สดใส ไปดูกันค่ะว่า อาหารบำรุงสุขภาพสายตา นั้นมีอะไรบ้าง

1. แครอท

แครอท เป็นอาหารบำรุงสายตาได้อย่างดีเยี่ยม แครอทอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน วิตามินเอ และลูทีน ที่มีสรรพคุณในการ ดูแลสุขภาพดวงตาโดยเฉพาะ ช่วยบำรุงให้กระจกตาใส ป้องกันเซลล์ต่างๆ ในดวงตาเสื่อมสภาพ และยังป้องกันการเกิดโรคตาบอดตอนกลางคืนได้ และที่สำคัญคือ ลูทีน ที่มีอยู่มากในแครอทจะช่วยเสริมสร้างการทำงานของจอประสาทตา และป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม

2. โกจิเบอร์รี (เก๋ากี้)

มีงานวิจัยพบว่า ในโกจิเบอร์รี อุดมด้วยแคโรทีนอยด์ และซีเอแซนทีน ที่ช่วยในเรื่องของการมองเห็น และช่วยเพิ่มความสามารถในการมองเห็น รักษาโรคตาบอดกลางคืน โดยเพิ่มประสิทธิภาพการรับภาพ และป้องกันแสง โดยเฉพาะแสงสีน้ำเงิน และสีฟ้า ทำให้ดวงตาเสื่อมช้าลง

3. ไข่

ไข่ ถือเป็นอาหารประจำของทุกครอบครัวที่ต้องมีในตู้เย็น ซึ่งไข่ นั้นจะอุดมไปด้วยลูทีน และซีแซนทีน ที่มีคุณสมบัติในการช่วยลดความเสี่ยงโรคตาที่เกิดตามวัยได้ดีมาก

4. ปลาแซลมอน

แซลมอน ถือเป็นซูเปอร์ฟูดบำรุงสายตา เพราะอุดมไปด้วย DHA ซึ่งเป็นกรดที่มีอยู่ในจอประสาทตา อีกทั้งยังช่วยป้องกันอาการตาแห้งได้อย่างดีเยี่ยม

5. ผักใบเขียว

ผักใบเขียว มีสารอาหารที่ช่วยบำรุงสายตามากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ ลูทีน สารต้านอนุมูลอิสระ อย่าง ผักโขม ผักปวยเล้ง ใบตำลึง และบร็อกโคลี ที่ช่วยบำรุงสายตาให้มีประกายที่สดใส และยังช่วยให้การใช้สายตาในการมองเห็นได้ดีด้วย

6. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี

ผลไม้ตระกูลเบอร์รี อย่าง เบอร์รี และโกจิเบอร์รี ที่มีสรรพคุณช่วยในการบำรุงสายตา ป้องกันสายตาเสื่อมสภาพ อีกทั้งสารต้านอนุมูลอิสระยังป้องกันเซลล์ต่างๆ ในดวงตาไม่ให้ถูกทำลายได้ง่าย

7. ถั่วอัลมอนด์

อัลมอนด์ อุดมด้วยไขมันโอเมก้า 3 ช่วยบำรุงสายตาให้ดี และสารต้านอนุมูลอิสระ สังกะสี วิตามินอี ก็ช่วยในการชะลอภาวะจอประสาทตาเสื่อมได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย

การเริ่มต้นดูแลสุขภาพดวงตาต้องเริ่มมาตั้งแต่ที่ลูกยังเล็กๆ ด้วยการใช้สายตาอย่างทะนุถนอม และต้องได้ทานอาหารที่มีส่วนช่วยบำรุงรักษาดวงตาให้มีสุขภาพดีกันด้วยนะคะ …ด้วยความใส่ใจและห่วงใย

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

อ่านต่อบทความเรื่องอื่นที่น่าสนใจคลิก

“แสงแฟลช” ทำลายดวงตาเด็กจริงหรือ?
7 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับดวงตาของเด็กวัยเรียน ที่เกิดจากหน้าจอ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
sukkaphap-d.com