AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ให้ลูกเริ่มกินอาหารทะเล ได้ตอนไหน…อย่างไรดี!

การที่ให้ลูกกินอาหารทะเล ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่ดีต่อสุขภาพและมีรสชาติอร่อย  อุดมไปด้วยโปรตีนที่ดี ที่สำคัญยังมีปริมาณแคลเซียมสูงที่ช่วยบำรุงกระดูกของลูกน้อยให้แข็งแรง และยังเป็นแหล่งไอโอดีนที่สำคัญของร่างกายลูกอีกด้วย

หลักในการเริ่มให้ ลูกกินอาหารทะเล

คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจไม่แน่ใจกับการให้ลูกกินอาหารทะเล เพราะกลัวว่าจะแพ้จนเกิดอาการผิดปกติรุนแรง แต่อย่างไรก็ตาม อาหารทะเลก็มีสารอาหารที่จำเป็นสำหรับเด็กหลายชนิดเลยค่ะ โดยเฉพาะกรดโอเมก้า 3, DHA, EPA ที่ช่วยเรื่องพัฒนาการต่างๆ โดยเฉพาะการทำงานของสมอง ซึ่งเป็นสารอาหารที่หาได้ยากมากในอาหารชนิดอื่นๆ นอกจากนี้ก็ยังอุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินดี และแร่ธาตุสำคัญอย่างไอโอดีน

ในอาหารทะเลทุกชนิดจะมีปริมาณไอโอดีนอยู่ถึง 54 ไมโครกรัมต่ออาหารทะเล 100 กรัม ดังนั้นอาหารทะเลจึงเป็นแหล่งไอโอดีนที่สำคัญสำหรับร่างกาย โดยปกติแล้วร่างกายจะต้องการไอโอดีนน้อยมาก แต่ถ้าร่างกายขาดสารไอโอดีนแล้ว จะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาอีกหลายประการ ได้แก่ โรคคอพอก ทำให้สมองทำงานผิดปกติในเด็ก ทำให้มีพัฒนาการในด้านการเรียนรู้ช้า ที่เรียกว่าโรคเอ๋อ เกิดขึ้นได้บ่อย สำหรับคุณแม่ที่ตั้งท้องอยู่ได้รับปริมาณไอโอดีนน้อยเกินไป ทำให้ลูกในท้องมีโอกาสเสี่ยงต่อการพิการ หูหนวก เป็นใบ้

ช่วงอายุที่เหมาะให้เริ่มฝึก ลูกกินอาหารทะเล

แพทย์หญิงสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ (กุมารแพทย์ นักเขียนคอลัมน์และหนังสือเกี่ยวกับสุขภาพเด็ก และคณะกรรมการสมาพันธ์เครือข่ายนมแม่แห่งประเทศไทย) แนะนำว่า

สำหรับเด็กๆ ทั่วไปให้เริ่มทานปลาตอนอายุ 1 ปี ที่ต้องเริ่มทานปลาก่อน เพราะทานง่าย ย่อยง่าย และโอกาสการแพ้น้อย ส่วนอาหารทะเลอื่นๆ ควรเริ่มทานหลังจากอายุ 1 ปีไปแล้ว โดยแนะนำเป็นกุ้ง ปู หอย และปลาหมึก ตามลำดับ เพราะปลาหมึกเคี้ยวค่อนข้างยากค่ะ

โดยทุกครั้งที่เริ่มป้อนอาหารชนิดใหม่ ซึ่งรวมถึงอาหารอื่นๆ ที่ไม่ใช่ปลาและอาหารทะเลด้วย คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตอาการแพ้ของลูกเสมอ โดยให้ลองอาหารทีละชนิดเป็นเวลานาน 1 สัปดาห์ แล้วสังเกตว่าลูกมีอาการผิดปกติหรือไม่

กรณีที่มีประวัติการแพ้ปลาและอาหารทะเลในครอบครัวอยู่แล้ว ควรให้ลูกเริ่มทานตอนอายุ 3 ปี โดยระหว่างนั้นก็ให้ทานอาหารอื่นที่มีโอเมก้า 3 ทดแทนไปก่อน เช่น ถั่วเหลือง ผักโขม เป็นต้นค่ะ

 

อ่านต่อ >> อาการลูกกินอาหารทะเลแล้วแพ้” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

สังเกตอาการลูกกินอาหารทะเลแล้วแพ้!

 

 

ทั้งนี้หากลูกกินอาหารทะเลประเภทกุ้งแล้วแพ้ คุณหมอจะแนะนำให้งดอาหารทะเลกลุ่ม ปู ปลาหมึก หอยทั้งหมด เพราะมีการศึกษาว่าหากแพ้อาหารทะเลประเภทกุ้งจะมีโอกาสแพ้ปูร่วมด้วยสูงถึงประมาณ 70% และมีโอกาสแพ้ปลาหมึก และหอยร่วมด้วย 50% ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยคุณหมอจึงแนะนำให้งดอาหารทะเลกลุ่มนี้ทั้งหมด

ควรทำอย่างไร? หากลูกกินอาหารทะเลแล้วแพ้

หากทราบแน่ชัดแล้ว ว่าลูกแพ้อาหารทะเล คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ลูกหลีกเลี่ยงทุกครั้ง เพราะไม่มียาที่สามารถป้องกันอาการได้ และเมื่อสังเกตเห็นว่าลูกมีอาการแพ้อาหารทะเลหลังจากกินไปแล้ว ควรรีบไปพบคุณหมอเพื่อรับการรักษา ซึ่งหากมีอาการแพ้อาหารทะเลรุนแรง อาจต้องฉีดยาและรักษาตัวในโรงพยาบาล ทั้งนี้เมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ต้องรับยาเผื่อกรณีฉุกเฉิน พกติดตัวไว้เพื่อใช้ฉีดรักษาอาการแพ้อาหารทะเลขั้นรุนแรงด้วย

หากลูกมีอาการผื่นลมพิษคุณหมอจะให้การรักษาด้วยยาแก้แพ้เพื่อลดอาการ และถ้ามีอาการหอบเหนื่อย แน่นหน้าอกคุณหมอจะให้ยาพ่นขยายหลอดลม ซึ่งถ้าอาการเป็นแค่ผื่นคัน ไม่รุนแรง คุณหมออาจจะให้ยาแก้แพ้ ติดตัวไว้ เผื่อมีอาการเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจในครั้งต่อไป เช่น มีการปนเปื้อนของอาหารทะเลโดยไม่รู้ตัว

สำหรับปริมาณที่ควรให้ลูกกินอาหารทะเล

ตัวอย่างเมนูที่เหมาะกับเนื้อปลาหรืออาหารทะเล สำหรับทำให้เด็กโต ได้แก่ ข้าวผัด, ก๋วยเตี๋ยว, พาสต้า, ทอดมัน, เมนูชุบแป้งทอด, เกี๊ยว ฯลฯ เป็นต้น

ชนิดของปลาที่เหมาะสำหรับเด็ก

พวกกุ้ง ปู หอย หากลูกทานแล้วไม่แพ้ ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงค่ะ แต่สำหรับปลา หลายคนกังวลทั้งเรื่องก้าง และยิ่งเป็นปลาทะเลก็มีความกังวลเรื่องสารปนเปื้อนเพิ่มเข้ามาด้วย แต่จริงๆ แล้ว เนื้อสัตว์ทุกชนิดก็พบสารปนเปื้อนได้เป็นปกติ แต่ไม่ได้มีปริมาณมากจนเป็นอันตรายค่ะ การหลีกเลี่ยงการสะสมสารพิษที่ดีที่สุดคือให้ลูกทานอาหารหลายชนิด จากหลายแหล่งคละกันไปค่ะ

ส่วนปลาทะเลที่น่ากังวลเรื่องสารปนเปื้อนเป็นพิเศษ คือพวกปลาขนาดใหญ่มาก ซึ่งไม่ใช่ปลาที่ทานกันปกติในเมืองไทยอยู่แล้ว เช่น ปลากระโทงดาบ (Swordfish) ปลาฉลาม เป็นต้น

ส่วนปลาที่แนะนำให้เด็กๆ ทาน ก็ได้แก่

♥ Must read : คลิปอาหารอร่อย ข้าวผัดปลาแซลมอน สูตรดีเมนูบำรุงสมอง เพื่อลูกน้อยโดยเฉพาะ!

อ่านต่อ >> วิธีเลือกซื้ออาหารทะเลให้ลูกกินเพื่อให้ได้ของสดใหม่” คลิกหน้า 3

อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

วิธีเลือกซื้ออาหารทะเลให้ได้ของสดใหม่

ปลาทะเล

เวลาเลือกซื้อปลาทะเลให้ลองใช้นิ้วกดลงที่ตัวปลาเบาๆ แล้วปล่อยมือ ถ้าเนื้อปลายังสดอยู่เวลากดเนื้อปลาจะไม่บุ๋มลงไปตามนิ้วมือ เนื้อปลาต้องแน่น รวมถึงเกล็ดปลาจะต้องแน่นไม่หลุดออก เหงือกปลามีสีชมพูสดหรือสีแดง ตาปลาต้องใสไม่ขุ่นมัว ลองดมกลิ่นต้องได้กลิ่นคาวของปลาทะเล ไม่มีกลิ่นเหม็นตุ ปลาทะเลบางชนิดมีตัวใหญ่บางครั้งพ่อค้าแม่ค้าจะทำการแบ่งขายเป็นชิ้นวิธีการสังเกตให้ดูว่า สีของเนื้อปลาต้องมีสีสด เนื้อปลาไม่แห้ง และต้องไม่มีกลิ่นเหม็นตุ

กุ้งทะเล

วิธีเลือกซื้อกุ้งทะเลนั้น กุ้งที่สด หัวกุ้งและลำตัวต้องติดกันไม่หลุดออก ลำตัวกุ้งโค้งอ่อนและมีความยืดหยุ่นดี เปลือกกุ้งมีสีเข้มและแข็งไม่อ่อนยุ่ย ตากุ้งไม่หลุดและมีสีเข้ม

หมึกสด

วิธีเลือกซื้อปลาหมึกสด ตัวปลาหมึกต้องมีลักษณะกลมไม่แบน เนื้อและหนวดของปลาหมึกต้องอยู่ครบและมีลักษณะแน่นแข็งไม่เละ เยื่อหุ้มที่ตัวไม่ฉีกขาด และต้องไม่มีน้ำหมึกของปลาหมึกไหลออกมาด้วย  ตาปลาหมึกจะออกสีดำใสไม่ขุ่น ถ้าเป็นปลาหมึกกล้วยผิวจะไม่ออกสีแดง  แต่ถ้าเป็นปลาหมึกหอมจุดที่ตัวต้องชัดเจน

ปูทะเล

วิธีเลือกซื้อปูที่สด ให้เลือกปูที่มีน้ำหนักมาก  กดที่ท้องปูต้องแน่นไม่ยุบ ตาปูต้องมีเป็นเม็ดกลม กระดองไม่แตกร้าว ก้ามปูอยู่ครบไม่หัก  แต่โดยมากแล้วมักนิยมซื้อปูที่ยังมีชีวิตอยู่

หอยทะเล

ลูกไม่ชอบทานปลาและอาหารทะเล ทำอย่างไรดี?

 คุณพ่อคุณแม่ควรค่อยๆ หัดให้ลูกทานปลาและอาหารทะเล แม้ลูกจะไม่ชอบ เพราะการหัดตอนโตทำได้ยากค่ะ โดยการทำให้ลูกค่อยๆ ชินกับรสชาติปลาและอาหารทะเล ทำได้หลายวิธี ดังนี้

อย่างไรก็ดีเมื่อลูกกินอาหารทะเล การเลือกซื้ออาหารทะเลที่สดใหม่นำมาปรุงอาหารด้วย เพราะยังมีส่วนช่วยทำให้รสชาติอาหารมีอร่อยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย  เพราะอาหารทะเลจัดเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อุดมไปด้วยโปรตีน ไอโอดีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส รวมไปถึงวิตามินบี 1, บี 2 และบี 6 แต่จะให้มีประโยชน์และนำมาปรุงอาหารให้มีรสชาติอร่อยด้วยนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรเลือกซื้ออาหารทะเลที่ใหม่สดจึงจะได้คุณค่าและประโยชน์อย่างครบถ้วน

อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก : www.boxoffish.com , www.sanook.com