ฝุ่นในรถ ตัวการสำคัญของโรคมากมายหลากหลายชนิด! ไม่อยากให้ลูกเจ็บป่วยไม่สบาย ต้องรู้จักหาวิธีดูแลและป้องกัน
คุณพ่อคุณแม่คะ ปกติล้างรถกันบ่อยแค่ไหนคะ แล้วเวลาล้างรถนั้น มีการทำความสะอาดภายในรถ หรือช่องแอร์กันบ้างหรือเปล่า? ถ้าหากว่าไม่ค่อยได้ทำละก็ ทีมงาน Amarin Baby and Kids อยากให้ได้ลองอ่านบทความนี้ดู แล้วจะรู้เลยว่า เพราะอะไรทำไมเราถึงต้องทำความสะอาด และกำจัด ฝุ่นในรถเป็นประจำ!
จิล ฮอลวิด นักป้องกันการติดเชื้อ และเป็นประธานขององค์กรผู้เชี่ยวชาญด้านการติดเชื้อ และระบาดวิทยาได้เปิดเผยบทความที่น่าสนใจนี้ผ่าน USA Today ว่า รถที่เราใช้ๆ กันนี้ ในห้องผู้โดยสารนั้นถือเป็นสถานที่แหล่งรวมเชื้อโรคและแบคทีเรียที่สูงกว่าห้องน้ำสาธารณะมากถึง 10 เท่า!! และยังเต็มไปด้วยมลพิษต่าง ๆ ที่มีค่าสูงกว่านอกรถมากถึง 15 เท่า!! สาเหตุเหล่านี้นี่เองที่จะส่งผลกระทบกับสุขภาพของลูกและตัวเราเองได้ไม่ยาก
“ทุกที่ ซึ่งถูกสัมผัสด้วยมือ เป็นสิ่งแรกที่จะรวบรวมเชื้อโรคเอาไว้ และนั่นยังรวมถึงเบาะนั่ง พวงมาลัย หัวเกียร์ ที่วางแก้ว ซึ่งน่าแปลกที่ภายในรถมักถูกมองข้ามจากผู้ใช้” จิลกล่าว
จากการศึกษาพบว่าในห้องโดยสารรถยนต์นั้น มักจะไม่ถูกสุขลักษณะเสียเท่าไร เนื่องจากพบว่า มีแบคทีเรียหรือเชื้อโรคมากถึง 700 ชนิด เทียบกับมาตรฐานห้องน้ำสาธารณะในลอนดอน ซึ่งมีโดยเฉลี่ย เพียง 60 ชนิด ซึ่งหมายถึงห้องโดยสารรถยนต์ที่เน่าสนิท อาจจะเสี่ยงมากกว่า 10 เท่า เลยทีเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในห้องโดยสาร ซึ่งโดยมากจะมาพร้อมระบบปรับอากาศ ที่ถือว่าเป็นตัวแพร่กระจายของเชื้อโรคได้เป็นไปได้อย่างดี และมักเป็นต้นเหตุของการเจ็บป่วยดังนี้
8 อาการเจ็บป่วยที่มาพร้อมกับ ฝุ่นในรถ และเชื้อราต่าง ๆ
ผศ.ดร. นายแพทย์อธิป นิลแก้ว แพทย์ด้านภูมิคุ้มกันวิทยา ประจำโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้พูดถึงเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า การรับเอาไร ฝุ่นในรถ ละอองเกสรพืช แบคทีเรีย รวมถึงสารจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงของรถยนต์นั้น สามารถส่งผลให้เกิดอาการเจ็บป่วยดังต่อไปนี้ได้
- ไอ
- จาม
- หายใจลำบาก
- ระคายเคืองตา จมูก จนทำให้น้ำมูกไหล
- ง่วงซึม
- แน่นหน้าอก
- ระบบทางเดินหายใจผิดปกติ
- โรคภูมิแพ้ต่าง ๆ
นอกจากนี้ยังรวมไปถึง เยื่อบุจมูกอักเสบ อีกด้วยนะคะ แล้วโรคหรืออาการต่าง ๆ เหล่านี้ หากปล่อยทิ้งไว้ในระยะยาว อาจส่งผลกระทบกับลูกได้ ยกตัวอย่างเช่น ทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของระบบทางเดินหายใจ มะเร็งปอด และมะเร็งจมูก เป็นต้น
แค่ใช้สเปรย์หรือน้ำยาดับกลิ่นในรถ จะช่วยได้หรือไม่?
หากถามว่าสามารถทำได้หรือไม่นั้นคำตอบก็คือ ทำได้ค่ะ แต่อาจจะเป็นแค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ทั้งนี้หมายถึงสูตรที่ใช้สำหรับการกำจัดแบคทีเรียโดยเฉพาะเท่านั้นนะคะ เพราะเมื่อไรก็ตามที่ฤทธิ์หรือกลิ่นของน้ำยาหมด แบคทีเรียและเชื้อราก็จะกลับมาอีกได้อยู่ดีค่ะ
วิธีกำจัด ฝุ่นในรถ และเชื้อราในรถยนต์
1. หากพบว่าในรถมีกลิ่นอับ ให้คุณพ่อคุณแม่หาสาเหตุของกลิ่นอับนั้นก่อนค่ะ วิธีสังเกตทิศทางของกลิ่นคือ หากเปิดประตูเข้าไปแล้วมีกลิ่นเลย ให้สันนิษฐานว่ากลิ่นอาจจะมาจากที่นั่ง หากมีกลิ่นตอนเปิดแอร์ กลิ่นอาจมาจากแอร์ เป็นต้น
2. หลังจากที่หาสาเหตุได้แล้ว แนะนำให้คุณพ่อหรือคุณแม่หมั่นดูดฝุ่นเบาะนั่งเป็นประจำ โดยเฉพาะเบาะผ้า และจะต้องไม่ลืมดูดฝุ่นพรมที่เท้าด้วยกันด้วยนะคะ
3. หากมีน้ำ นม หรือเครื่องดื่มต่าง ๆ ที่ลูกเคยทำหกใส่เบาะ หรือที่วางเท้า รีบทำความสะอาด และจัดการให้แห้ง
4. พยายามเลี่ยงการฉีดสเปรย์ น้ำหอม หรือสารเคมีต่าง ๆ มากจนเกินไป เพราะแทนที่จะให้ผลดี อาจกลับส่งผลแย่ให้กับลูกก็เป็นได้
5. หากยังมีเชื้อรา หรือกลิ่นอับชื้นที่แก้ไขเองไม่ได้ ให้คุณพ่อคุณแม่รีบนำรถไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญดูนะคะ
เห็นไหมคะว่า ภายในรถของเราก็มีความสำคัญไม่แพ้กับตัวรถที่เรามักให้ความสำคัญกันอยู่เสมอ … ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่ไม่อยากให้ลูกไม่สบาย หรือเจ็บป่วยบ่อยละก็ แนะนำให้หมั่นทำความสะอาดทั้งภายในและภายนอกรถกันเป็นประจำด้วยนะคะ
ขอบคุณที่มา: มติชนออนไลน์, The Auto Channel , Kapook และ Auto Deft
อ่านต่อบทความอื่นที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่