ขนหมาเข้าปอด !! …อีกหนึ่งเรื่องที่มีหลายคนมักเข้าใจกันว่า ขนของสัตว์เลี้ยงอย่างน้องหมาน้องแมว สามารถเข้าไปในปอดของเราได้ และทำให้ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้!
พ่อโพสต์เฟซบุ๊กเตือน! ลูกป่วยเป็นภูมิแพ้อย่างหนัก เพราะ ขนหมาเข้าปอด
เช่นเดียวกับกรณีของเด็กน้อยคนนี้ ที่อยู่ดีๆ ก็ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้อย่างหนัก โดยคุณพ่อของเด็กน้อยได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ในภาพที่ลูกชายของตนเองกำลังนอนป่วยอยู่บนเตียงพร้อมแคปชั่นว่า
ต่อจากนี้พ่อจะ.เลี้ยง.หนู.ให้ดีกว่านี้นะ.ลูก..เพราะขน.หมาแท้ๆ..ทำให้เกิดภูมิแพ้อย่างหนัก .😢😢😢😢😢บ้านใครเลี้ยงสัตว์.ระวังกันด้วย..แชร์ได้คับ..ไม่อยากให้เป็นเหมือนลูกผม..👌😢😢
ต่อจากนี้พ่อจะ.เลี้ยง.หนู.ให้ดีกว่านี้นะ.ลูก..เพราะขน.หมาแท้ๆ..ทำให้เกิดภูมิแพ้อย่างหนัก.😢😢😢😢😢บ้านใครเลี้ยงสัตว์.ระวังกันด้วย..แชร์ได้คับ..ไม่อยากให้เป็นเหมื่อนลุกผม..👌😢😢
โพสต์โดย B'bank Chairad บน 3 สิงหาคม 2017
ขอบคุณข้อมูลและภาพจากคุณพ่อ B’bank Chairad
โดยคุณพ่อได้เล่าถึงอาการป่วยของลูกชายว่า… เริ่มแรกลูกมีอาการเป็นหวัดและเริ่มเป็นภูมิแพ้บ่อย หลังจากนั้นจะได้ยินเสียงแคกๆ ในหลอดลม พร้อมมีไข้เล็กน้อย พอไปตรวจ หมอถามว่าที่บ้านเลี้ยงสัตว์หรือไม่ เพราะหมอก็บอกว่ามีขนสัตว์ในปอด จึงทำให้คุณพ่อเข้าใจว่าลูกชายป่วยเป็นโรคภูมิแพ้เพราะหายใจเอาขนสัตว์เข้าไปในปอด
และหลังจากที่คุณพ่อได้ออกมาโพสต์ เรื่องราวนี้ ก็ทำให้ผู้คนตกใจและพากันแชร์ต่อจำนวนมาก โดยระบุว่า ขนสุนัขเข้าปอดทำให้เกิดโรคภูมิแพ้นั้นเป็นเรื่องไม่จริง เพราะร่างกายมีกลไกในการปกป้องปอดหลอดลมจากสิ่งแปลกปลอมภายนอก อย่างฝุ่นละออง
อ่านต่อ >> “ไขข้อสงสัย ขนหมาเข้าปอดคนได้จริงหรือ?” คลิกหน้า 2
อ่านต่อ “บทความน่าสนใจ” คลิก!
- แมลงสาบ ภัยเงียบ ทำลูกป่วยภูมิแพ้
- ไรฝุ่น สาเหตุภูมิแพ้ อันตรายใกล้ตัวที่มองไม่เห็น!!
- 9 จุดเสี่ยงภูมิแพ้ในบ้านที่ลูกน้อยควรหลีกเลี่ยง
- โรคภูมิแพ้ รักษาได้ด้วยต้นไม้มหัศจรรย์
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
ซึ่งทางด้านเพจ Drama-addict จึงได้ออกมาชี้แจง พร้อมระบุว่า เป็นไปไม่ได้ ขนสุนัขไม่สามารถถึงปอดมนุษย์เราได้ เพราะจะถูกโครงสร้างต่างๆ ตั้งแต่จมูกถึงหลอดลม พัดโบกหรือขับออกมาจนหมด ซึ่งสิ่งที่จะเข้าไปในปอดได้ต้องเป็นอนุภาคเม็ดเล็กมาก
คุณพ่อท่านนึงลูกไม่สบายเห็นบอกว่าเป็นภูมิแพ้แล้วก็หลอดลมอักเสบ มีคนมาถามว่าเกิดจากไรนิ พ่อเขาก็ตอบประมาณว่า สงสัยขนหมาเข…
โพสต์โดย Drama-addict บน 4 สิงหาคม 2017
ทั้งนี้สำหรับเด็กที่เป็นภูมิแพ้แล้วมีอาการหลังดมขนน้องหมาขนน้องแมว ซึ่งจริงๆ แล้วสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในน้องหมานั้นไม่ใช้เส้นขนน้องหมาน้องแมว แต่สารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในน้องหมาคือโปรตีนที่อยู่ในเศษขี้ไคล น้ำลายและฉี่ของน้องหมาต่างหาก ที่ทำให้เราเกิดอาการแพ้ โดยบางคนอาจจะแสดงอาการแพ้ออกมา เช่น การไอ คันตา มีน้ำตาไหล น้ำมูกไหล จามคัดจมูก หายใจลำบาก หอบหืด ผื่นคันขึ้นที่ใบหน้า คอ แขนขาและลำตัว เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้มักกำเริบหลังสัมผัสน้องหมาประมาณ 30 นาที แต่ในบางรายก็อาจแสดงอาการในเวลาหลายชั่วโมงก็ได้ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของร่างกาย และความรุนแรงของการแพ้
ดังนั้น วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะไม่ให้อาการภูมิแพ้กำเริบหรือกำเริบน้อยที่สุด นั่นก็คือ การรู้จักหลีกเลี่ยงสิ่งที่ลูกแพ้ โดยก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะเลือกหรือตัดสินใจเลี้ยงน้องหมา ก็ควรศึกษาหาสายพันธุ์น้องหมาที่อยู่ในพวก Hypoallergenic Dogs หรือน้องหมาที่อยู่ในกลุ่มที่ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ คือเป็นน้องหมาที่ไม่ผลัดขนหรือผลัดขนน้อยมาเลี้ยง เช่น ชิสุ , มอลทีส , ยอร์เชียร์ เทอร์เรีย , อิตาเลียน เกรย์ฮาวน์ , บอสตัน เทอร์เรีย , ไชนีส เครสเต็ด , พูเดิ้ล ฯลฯ ซึ่งน้องหมาเหล่านี้ ขนจะไม่ค่อยร่วง ทำให้มีโอกาสไปกระตุ้นอาการภูมิแพ้ได้น้อยกว่าน้องหมาที่ผลัดขนบ่อย ๆ
หรือในครอบครัวที่เลี้ยงน้องหมาอยู่ก่อนแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถทำได้ตามวิธีต่าง ๆ เพื่อช่วยลดอาการแพ้ เพื่อให้น้องหมาสามารถอยู่ร่วมกันกับลูกน้อย หรือคนในบ้านที่มีอาการแพ้ขนน้องหมา ได้อย่างมีความสุข ดังนี้….
อ่านต่อ >> “ 5 กฎเหล็กที่คุณพ่อคุณแม่ควรปฏิบัติ! ถ้าคิดจะเลี้ยงน้องหมาให้อยู่ร่วมกับลูกน้อยได้อย่างสบายใจ” คลิกหน้า 3
ขอบคุณข้อมูลจากเพจ : Drama-addict
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อย่างที่กล่าวมาข้างต้น ว่าขนของน้องหมาน้องแมว จะไม่สามารถเข้าไปในจมูกเราได้ เพียงแค่คอยทำความสะอาจขนน้องหมาที่ตกอยู่ที่พื้น และตามที่กรง หรือที่นอนประจำก็เพียงพอแล้ว และถ้าคิดจะเลี้ยงน้องหมาให้อยู่ร่วมกับลูกน้อยให้สบายใจ คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ จำเป็นต้องรู้และปฏิบัติตามข้อแนะนำต่อไปนี้ อย่างต้องเข้มงวด
1. จัดบริเวณที่อยู่ของน้องหมาให้เป็นสัดส่วน
การจัดบริเวณให้น้องหมาอยู่เป็นสัดส่วน เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องลงมือทำเป็นอันดับแรก โดยคุณพ่อคุณแม่อาจจะใช้ กรง ที่กั้นคอกจำกัดพื้นที่ เพื่อไม่ให้น้องหมาเดินได้อย่างอิสระ และให้น้องหมาอยู่ห่างจากบริเวณที่ลูกน้อยซึ่งมีอาการแพ้ขนน้องหมาอาศัยอยู่พอสมควร เพื่อจำกัดพื้นที่การหลุดร่วงของขนน้องหมาไม่ให้ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณบ้าน อีกทั้งบริเวณที่เหมาะสมสำหรับน้องหมาควรเป็นพื้นที่ที่เงียบสงบ อากาศถ่ายเทได้สะดวก มีร่มเงาที่เพียงพอ และง่ายต่อการดูแลทำความสะอาด
และสำหรับครอบครัวที่เลี้ยงน้องหมาให้อยู่ภายในบ้าน แนะนำว่า ให้คุณพ่อคุณแม่จัดแบ่งพื้นที่ให้กับน้องหมาอย่างชัดเจน โดยอาจจะหาเครื่องฟอกอากาศเข้ามาติดตั้งเพื่อช่วยฟอกอากาศภายในบ้านให้สดชื่นขึ้น พร้อมกับหมั่นดูแลทำความสะอาดห้องนั่งเล่นอย่างสม่ำเสมอเพื่อสุขอนามัยที่ดี
ทั้งนี้ไม่ควรให้น้องหมาหรือน้องแมวเข้ามาในห้องนอนที่ลูกน้อยนอนเป็นประจำ หรือนอนร่วมเตียงนอนเดียวกัน เพราะลูกยังมีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรงพอ โดยเฉพาะพวก เห็บ หมัด ไร ฝุ่น อาจก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงตามมาได้ อีกทั้งขนน้องหมา ขี้ไคล น้ำลาย สะเก็ดรังแคต่าง ๆ ของน้องหมามีโอกาสที่จะหลุดร่วงและฝังตัวในหมอน ผ้าปูที่นอน ซึ่งจะไปกระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้
2. หมั่นทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ
สำหรับใครที่เลี้ยงน้องหมาไว้ในบ้าน การรักษาความสะอาดบ้าน ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย โดยแนะนำว่า ให้ใช้วิธีดูดฝุ่นเน้นตามซอกมุมต่าง ๆ ภายในบ้าน เช่น บนพื้น รอยต่อของไม้ ซอกประตู หน้าต่าง ทำความสะอาดที่นอน โซฟา โต๊ะ ตู้ ฯลฯ เป็นประจำแทนการใช้ไม้กวาดกวาดพื้นบ้าน เพื่อลดการฟุ้งกระจายของขนน้องหมาไม่ให้ปลิวไปทั่วบ้าน และกำจัดเศษขนน้องหมาที่หลุดร่วงออกมา ควรถูบ้านด้วยน้ำยาที่มีส่วนผสมของยาฆ่าเชื้อทุกวันเพื่อป้องกันไรฝุ่น ฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ที่อยู่ตามพื้น พร้อมกับหมั่นทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ภายในบ้านอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
3. อาบน้ำแปรงขนให้น้องหมาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลอาบน้ำทำความสะอาดน้องหมาเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และแปรงขนน้องหมาเพื่อสางขนชุดเก่ารวมถึงสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ติดอยู่ตามตัวน้องหมาออก ซึ่งการแปรงขนให้น้องหมาเป็นประจำจะช่วยนวดกระตุ้นให้ต่อมไขมันที่โคนขนขับน้ำมันออกมาเคลือบเส้นขน ทำให้ผิวหนังและเส้นขนของน้องหมาชุ่มชื้น และช่วยขจัดรังแค สิ่งสกปรกต่างๆ ออกจากผิวหนัง และยังช่วยลดการหลุดร่วงของขนน้องหมาได้เป็นอย่างดี
และสำหรับคุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนมักจะเข้าใจว่า การจับน้องหมาอาบน้ำบ่อย ๆ เช่น อาบน้ำให้น้องหมา 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ จะสามารถช่วยให้ร่างกายของน้องหมาสะอาดมากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเลยค่ะ เพราะในความเป็นจริงแล้วการจับน้องหมาอาบน้ำบ่อย ๆ จะเป็นการทำลายไขมันที่ร่างกายน้องหมาผลิตออกมาเคลือบผิวหนังและเส้นขน ซึ่งจะส่งผลทำให้ผิวหนังและเส้นขนหยาบ แห้ง ขาดความเงางาม ก่อให้เกิดอาการคันในน้องหมาบางตัว และอาจทำให้น้องหมาเป็นโรคผิวหนังอักเสบ เกิดสะเก็ดรังแคได้ ซึ่งถ้าหากมีอาการรุนแรงผิวหนังก็อาจจะติดเชื้อและกลายเป็นโรคผิวหนังต่าง ๆ ได้
4. ควรล้างมือทุกครั้งหลังเล่นกับน้องหมา
ซึ่งหลังจากที่คุณพ่อคุณแม่เล่นหรือจับน้องหมาก็ควรล้างมือล้างให้สะอาดทุกครั้ง ก่อนที่จะมาอุ้มลูก หรือทำอาหาร และถ้าคุณพ่อคุณแม่ หรือลูกน้อยเข้าไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับน้องหมา ก็ควรอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยหลังจากที่เล่นกับน้องหมาเสร็จ เพื่อลดการเกิดอาการแพ้หลังจากที่เล่นกับน้องหมา
และสิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่จะช่วยให้ผู้เลี้ยงลดการเกิดอาการแพ้นั่นก็คือ การสวมเสื้อให้น้องหมาเวลาน้องหมาอยู่ในตัวบ้าน ซึ่งการใส่เสื้อผ้าให้น้องหมาจะสามารถช่วยลดการกระจายของเศษขี้ไคลจากผิวของน้องหมาลงไม่ให้ฟุ้งลอยไปในอากาศลงได้นั่นเองค่ะ
5. การให้ยาถ่ายพยาธิน้องหมา
นอกจากเรื่องความสะอาดแล้ว คุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ที่เลี้ยงน้องหมาต้องคอยให้ยาถ่ายพยาธิเป็นประจําทุกเดือน เพราะพยาธิในน้องหมาสามารถอยู่ในคนได้ ถ้ามีสนามหญ้าหน้าบ้านหลังบ้าน เวลาหมาอึต้องตามเก็บให้หมด เพราะลูกเราก็จะวิ่งเล่นเท้าเปล่าบนสนามหญ้านั้นเหมือนกัน อีกทั้งควรใช้ยากําจัดเห็บหมัดให้เป็นประจําด้วย เพราะเห็บเป็นสัตว์ที่อยู่ได้กับสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง สามารถข้ามจากน้องหมามาเกาะคนได้
อย่างไรก็ดี การเลี้ยงน้องหมาน้องแมวให้อยู่ร่วมกับลูกน้อยก็ยังมีข้อดีอีกด้วย โดยมีการศึกษาว่า การให้เด็กมีสัตว์เลี้ยงจะทำให้เค้ามีระดับ EQ ที่สูงด้วย ทำให้ลูกได้เรียนรู้ที่จะดูแลสัตว์ การเป็นเจ้าของ การเรียนรู้ที่จะเผื่อแผ่คนอื่น และสุดท้ายเมื่อสัตว์ที่เลี้ยงได้ตายจากไป ลูกก็จะได้เรียนรู้เรื่องความสูญเสีย ว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ย่อมมีเกิดและมีดับนั่นเองค่ะ
และจากที่กล่าวมานั้น ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับวิธีป้องกันลูกน้อยหรือเด็กที่เป็นโรคภูมิแพ้ขนสัตว์ให้สามารถอยู่ร่วมกับน้องหมาแสนรักได้ เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่ต้องค่อยดูแลรักษาเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษและหลีกเลี่ยงอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นเพียงเท่านี้ คุณพ่อคุณแม่หรือคนในครอบครัวที่รักสัตว์แต่แพ้ขนน้องหมาก็สามารถอยู่ร่วมกันกับน้องหมาได้อย่างมีความสุขแล้วล่ะค่ะ
อ่านต่อ “บทความน่าสนใจ” คลิก!
- ติดเชื้อในกระแสเลือด เพราะจูบหมาแมว และปล่อยให้เลียปาก
- พ่อแม่ระวัง! ปล่อยลูกเล่นอาจโดนน้ำลายจากสุนัขและแมว อันตรายถึงขั้นเสียชีวิตหากติดเชื้อ
- พ่อแม่ควรระวัง! 7 ไม้ประดับมีพิษ ในบ้าน ไม่ปลอดภัยกับลูกน้อย
- สัตว์เลี้ยงตัวไหนเหมาะกับเด็กเล็กๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.dogilike.com , www.bloggang.com