5 อันดับ "โรคยอดฮิต" ของเด็กไทย - Amarin Baby & Kids
โรคยอดฮิต โรคในเด็ก ลูกไม่สบาย

5 อันดับโรคยอดฮิตของเด็กไทย

Alternative Textaccount_circle
event
โรคยอดฮิต โรคในเด็ก ลูกไม่สบาย
โรคยอดฮิต โรคในเด็ก ลูกไม่สบาย

โรคยอดฮิตในเด็กไทย ที่เด็กทุกคนต้องเป็นกันสักครึ่งหนึ่งในชีวิตกว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่ มีอะไรบ้าง Amarin Baby & Kids มีข้อมูลมาฝาก 5 โรคด้วยกันค่ะ

1. โรคหวัด

หวัดมีหลายชนิดแต่พ่อแม่ไม่ต้องตกใจเพราะระบาดไปตามฤดู บางสายพันธุ์บางชนิดจะดุหน่อย เช่น เชื้อไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) ที่หลายคนค่อนข้างจะตกใจกลัวกัน แต่ที่จริงแล้วสำหรับเด็กที่มีอาการหอบหืดอยู่แล้วหรือมีพื้นฐานหลอดลมไม่แข็งแรงพอ เมื่อเป็น RSV ก็จะมีเสมหะมาก หายใจลำบาก บางครั้งจะลุกลามกลายเป็นโรคปอดบวม ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือ พ่อแม่ต้องสังเกตอาการลูก

พ่อแม่หลายคนจะมีคำถามว่าเมื่อไหร่จะพามาหาหมอได้ ไข้จะต้อง 39 องศาเซลเซียสไหม หรือ 38.9 องศาเซลเซียสจะต้องมาไหม คำถามพวกนี้ไม่ได้ช่วยการดูแลคนไข้ เราก็จะบอกให้ดูอาการของลูกเป็นหลัก ใช้ความรู้สึกของความเป็นพ่อแม่ ลูกอาการผิดไปจากเดิมไหม เช่น ไข้สูง หนาวสั่น หรือไอจนอาเจียน แบบนี้ก็ต้องพามาทันที ไม่ต้องรอดูอาการถึง 3 วัน

ส่วนเรื่องการฉีดวัคซีนหลายคนคงสงสัยว่าฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แล้วแต่ทำไมยังเป็นหวัดอยู่ นั่นเป็นเพราะว่าเชื้อหวัดมีหลายชนิด การฉีดวัคซีนในทางการแพทย์สามารถลดอัตราเสี่ยงได้ 60-70% ก็ถือว่าป้องกันได้ดีเยี่ยมแล้ว แต่ถ้าต้องการผลลัพธ์ถึง 100% อาจเป็นไปไม่ได้

อ่านเพิ่มเติม “โรคหวัด“ โรคฮิตติดชาร์ตทุกฤดู

โรคยอดฮิต โรคในเด็ก ลูกไม่สบาย

2. โรคท้องเสีย

โรคที่นอกจากจะเกี่ยวพันกับเรื่องของสุขอนามัยแล้ว ยังมีไวรัสบางตัวที่แพร่กระจายตามฤดูกาลอย่างโนโรไวรัสและโรต้าไวรัสด้วย ซึ่งปัจจุบันมีวัคซีนสำหรับโรต้าไวรัสแล้ว ช่วยลดอัตราการเจ็บป่วยได้พอสมควร แต่วัคซีนสำหรับโนโรไวรัสยังไม่มี ทั้งนี้ถ้าลูกมีอาการท้องเสียอย่างหนัก ในเบื้องต้นต้องเช็กเสียก่อนว่ามีอาเจียนร่วมด้วยหรือท้องเสียเพียงอย่างเดียว จากนั้นมาดูกันต่อว่าลูกมีอาการอย่างไรบ้าง ถ้ายังเล่นได้ร่าเริงกินได้เป็นปกติมีถ่ายเหลวๆบ้างแบบนี้ไม่น่าห่วง รอดูอาการไปก่อนแล้วปรับเปลี่ยนให้ดื่มนมหรือน้ำผลไม้น้อยลงแล้วให้กินอาหารที่ย่อยง่ายปรุงสุกสะอาดอย่างข้าวต้ม หรือใช้เกลือซองโออาร์เอสเข้ามาเสริมน้ำที่ลูกเสียไป ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งเด็กเล็กและเด็กโตด้วยการชง 1 ซองผสมน้ำเปล่า 5 ออนซ์ ไม่ควรให้ดื่มน้ำเปล่าอย่างเดียว อาการอาจแย่ลงกว่าเดิมได้

แต่ถ้าเราหาเกลือโออาร์เอสไม่ได้ ลองใช้น้ำมะพร้าวอ่อนแทน หรือเครื่องดื่มเช่น สไปรท์ เพราะเวลาที่เราอาเจียนหรือท้องเสียถ่ายเหลวเป็นน้ำร่างกายจะสูญเสียทั้งเกลือแร่และพลังงานเราจึงควรให้น้ำตาลและเกลือควบคู่กันเพื่อช่วยการดูดซึมของน้ำที่สูญเสียระดับโซเดียมของเกลือไปเยอะ

อ่านต่อ “5 โรคยอดฮิตของเด็กไทย” คลิกหน้า 2

banner300x250-1

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up