ร้อนนี้! เตือนพ่อแม่ระวังให้ดี … 6 โรคหน้าร้อน อันเกิดจากภัยใกล้ตัว
ขอต้อนรับคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านเข้าสู่ “ฤดูร้อน” ค่ะ อากาศร้อน แบบนี้คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่านอาจจะรู้สึกดีที่ไม่ต้องทนเห็นลูกเป็นหวัดหรือไม่สบายเหมือนช่วงฤดูหนาว … ถ้าคิดแบบนั้นละก็ ช้าก่อนค่ะ! เพราะจริง ๆ แล้วหน้าร้อน ก็นำมาสู่โรคต่าง ๆ ได้มากมายเช่นกัน
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางกรมอุตุนิยมวิทยา ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วนะคะว่า ประเทศไทยบ้านเราได้สิ้นสุดฤดูหนาว และเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้ว
อ่านต่อ โรคอันตรายที่พ่อแม่ต้องระวัง หน้า 2
โดยอุณหภูมิสูงสุดบริเวณประเทศไทยตอนบนได้สูงขึ้นเกือบทั่วไปและมีอากาศร้อนในตอนกลางวันอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมประเทศไทย ได้เปลี่ยนเป็นลมตะวันออกเฉียงใต้หรือลมฝ่ายใต้พัดปกคลุม ซึ่งเป็นการเข้าสู่ฤดูร้อนของประเทศไทย แต่บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้าต่อไปอีกระยะหนึ่ง และคาดว่าฤดูร้อนจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนพ.ค. 2563
ด้วยความเป็นห่วงคุณพ่อคุณแม่และน้อง ๆ หนู ๆ ชาว Amarin Baby and Kids ทุกคน ทีมงานก็ได้เตรียมข้อมูลที่คาดว่าจะมีประโยชน์มานำเสนอ … และนั่นก็คือการนำขอมูลข่าวสารเกี่ยว โรคหน้าร้อน มาฝากกันค่ะ
6 โรคหน้าร้อน ที่พ่อแม่ควรเฝ้าระวัง
1. โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน หรือ Acute Diarrhea เกิดได้ตั้งแต่เริ่มมีอาการอุจจาระร่วง เมื่อได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้องจะถ่ายอุจจาระดีขึ้นภายใน 5-6 วัน โดยสาเหตุของโรคนั้น เกิดจากการติดเชื้อ ไวรัสโรต้า เชื้อไวรัสบิดไม่มีตัว ไวรัส Salmonella (เชื้อที่ทำให้เกิด โรคไทฟอยด์) และพวกที่เพาะเชื้อไม่ขึ้น เป็นต้น หากได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้อง ก็สามารถดีขึ้นได้ภายใน 5 – 6 วันค่ะ
2. โรคอาหารเป็นพิษ อีกโรคยอดฮิตที่พบเห็นได้บ่อย ๆ ในช่วงฤดูร้อน ติดต่อโดยการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ มักพบในอาหารปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ ซึ่งมีอยู่ทั้งในเนื้อสัตว์ ไข่ รวมทั้งอาหารกระป๋อง อาหารทะเล นมที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ หรืออาหารที่ปรุงทิ้งไว้เป็นเวลานาน ซึ่งคนที่ได้รับเชื้อเข้าไปมักมีไข้ ปวดท้อง ซึ่งเชื้อที่ได้รับสามารถทำให้เกิดการอักเสบที่กระเพาะอาหารและลำไส้ได้ จึงทำให้มีอาการปวดท้อง ปวดเมื่อย คลื่นไส้อาเจียน อุจจาระร่วงด้วย หรือการติดเชื้อจากอวัยวะอื่น เช่น ข้อกระดูก ถุงน้ำดี หัวใจ ปอด ไต เยื่อหุ้มสมอง ไปจนถึงโลหิตเป็นพิษ ซึ่งหากเกิดในทารก เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ จะมีโอกาสทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้
อ่านต่อ 4 โรคอันตรายเด็กที่เป็นง่าย ที่หน้า 3
3. โรคบิด คืออาการท้องเสียอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรียชิเกลลา หรือเกิดจากติดเชื้อจากสัตว์เซลล์เดียวอย่างตัวอะมีบา โดยอาการหลัก ๆ ของโรคบิดที่พบได้แก่ อาการท้องเสีย ถ่ายอุจจาระบ่อย มีไข้ เมื่อถ่ายอุจจาระจะมีมูกหรือมูกเลือดออกมาด้วย และปวดท้องเป็นพัก ๆ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรืออะมีบา ซึ่งสามารถติดต่อได้ผ่านการรับประทานอาหาร ผักดิบ รวมถึงน้ำดื่มที่มีการปนเปื้อนเชื้อโรคด้วยนะคะ
4. อหิวาตกโรค เกิดจากเชื้ออหิวาตกโรค ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่ติดต่อจากอาหารหรือน้ำที่มีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่ ซึ่งหากติดเชื้อโรคนี้จะทำให้เราถ่ายอุจจาระเป็นน้ำคราวละมาก ๆ โดยไม่มีอาการปวดท้อง และมีอาการขาดน้ำและเกลือแร่อย่างรวดเร็ว เช่น กระหายน้ำ อ่อนเพลีย ปัสสาวะน้อย ชีพจรเต้นเร็ว ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะช็อก หมดสติจากการเสียน้ำ และในบางรายที่มีอาการรุนแรงมากๆ อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ฃ
5. โรคไข้ไทฟอยด์ อีกหนึ่งโรคที่สามารถติดต่อจากอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรคเช่นกัน ซึ่งเจ้าโรคไข้ไทฟอยด์นี้จะทำให้ผู้ป่วยมีไข้ ปวดหัว ปวดเมื่อย เบื่ออาหาร และอาจท้องผูกหรือท้องเสียได้ นอกจากนี้เชื้อปนก็อาจปนออกมากับอุจจาระและปัสสาวะเป็นครั้งคราวได้ด้วย ทำให้เราเป็นพาหะนำโรคได้นั่นเองค่ะ
6. โรคพิษสุนัขบ้า ส่วนใหญ่มักเกิดจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เป็นพาหะนำโรคมาสู่เรา มักจะพบเชื้อจากสุนัขและแมวโดยสามารถติดต่อได้จากทั้งการโดนกัด หรือถูกเลียบริเวณที่มีแผลถลอก หรือแม้แต่น้ำลายสัตว์ที่มีเชื้อเข้าตา ปาก จมูก อีกด้วยค่ะ ซึ่งหากถูกกัดให้รีบล้างแผลด้วยสบู่หรือน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง แล้วรีบไปพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนป้องกัน และต้องแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทราบเพื่อเข้าควบคุมโรคในพื้นที่ทันทีค่ะ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษา ผู้ป่วยจะมีอาการภายใน 15-60 วัน ซึ่งบางรายอาจใช้เวลานานเป็นปีเลยค่ะ และเนื่องจากปัจจุบันโรคพิษสุนัขบ้ายังไม่มียารักษา จึงทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตภายใน 2-7 วันหลังแสดงอาการ
ขอบคุณที่มา: และสสส.
อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่