คุณพ่อ คุณแม่ หลาย ๆ ท่านคงรู้สึกวิตกกังวลไม่น้อยเกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในปัจจุบัน เพราะฝุ่นละออง PM 2.5 ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลโดยรวม อยู่ในเกณฑ์ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ เป็นอันตรายต่อทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ฝุ่น PM 2.5 เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปอด โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดในสมอง และโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ ถือได้ว่าเป็นภัยเงียบต่อสุขภาพของเราเลยก็ว่าได้ เนื่องจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เป็นภัยที่มองไม่เห็น ไม่มีกลิ่น แถมยังเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายจากการการสูดดมทางโพรงจมูก แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกมี อาการแพ้ฝุ่น มาดูคำแนะนำจากคุณหมอกันค่ะ
เช็ก 7 สัญญาณ อาการแพ้ฝุ่น PM 2.5
เมื่อฝุ่นกลับมา และมีแนวโน้มที่มีปริมาณมากขึ้น ทางเฟซบุ๊กเพจ “หมอเวร” ก็ได้ออกมาเพจโพสต์เตือนภัยจากวิกฤตฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 โดยใจความว่า
“ไอ้เจ้าฝุ่น PM2.5 เวรตะไลนี่มันอันตรายมาก ๆ เลยนะ ในระยะยาวก่อให้เกิดโรคอีกมากมายนับไม่ถ้วน ฉะนั้นถ้าใครออกไปยืน ออกไปเดินใช้ชีวิตกลางแจ้งนาน ๆ ช่วงนี้ ก็ควรหาหน้ากาก N95 มาป้องกันด้วยนะ อีกอย่างหมอเชื่อว่าหลายคนยังเข้าใจอยู่ ว่าฝุ่นมันก็ไม่ได้อันตรายขนาดนั้นรู้หรอก หมอโอเว่อร์ไปแหละ ก็ยังหายใจได้ปกติหนิ ไม่ได้ลงไปดิ้นตายกับพื้นเดี๋ยวนั้นสักหน่อย คืออย่างนี้อยากจะบอกว่า แค่เราเดินออกไปนอกบ้าน แล้วรู้สึกอาการตามนี้”
สัญญาณอันตรายจากฝุ่นพิษ PM 2.5
-
ไอ
-
จาม
-
น้ำมูกไหล
-
แสบจมูก
-
หายใจไม่สะดวก
-
แน่นหน้าอก
-
หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ
“อาการเหล่านี้คือสัญญานที่ร่างกายมันบอกเราแล้วนะ ว่าเฮ้ย เริ่มไม่โอเคแล้วนะ ไปหาที่อากาศดี ๆ ให้พักหน่อย หรือไม่ก็หาหน้ากากมาป้องกันก็ได้”
“คือฝุ่นพวกนี้มันมีอยู่จริง ๆ นะ อย่านิ่งนอนใจกับสิ่งที่มองไม่เห็นซิ จะเทียบให้เห็นภาพง่าย ๆ แล้วกัน เหมือนเวลาเราตื่นเช้าไปเที่ยวพวกตามยอดเขาอะ ตอนเรานั่งรถมองไปที่ยอดเขาเราก็เห็นแหละว่าบนนั้นมันมีหมอกอยู่ แต่พอเราขึ้นไปบนนั้นเรากลับมองไม่เห็นหมอกในสายตาเรา ก็เพราะว่าเราอยู่ในหมอกไง ฉะนั้นฝุ่นเวรตะไลพวกนี้ก็เหมือนกัน เรามองไม่เห็นมัน เพราะเราอยู่ในดงฝุ่นไง ลองมองไปไกล ๆ ซิ วิวทิวทัศน์ที่เราเคยเห็นชัด ๆ เมื่อก่อนตอนนี้ยังเห็นกันชัดอยู่เหมือนเดิมไหม ? นั่นแหละคือความหนาแน่นของฝุ่นที่เรากับเผชิญกันอยู่นี่ไง”
“หมอขอเถอะ บอกพ่อ บอกแม่ บอกหลาน ๆ ให้เค้าระวังเรื่องนี้อย่างจริงจังและตื่นตัวกันได้แล้ว จังหวะนี้รัฐบาลช่วยอะไรเราไม่ได้ เราก็ต้องพึ่งพาตัวเองกันก่อน หน้ากากตอนนี้ก็เริ่มพอหาซื้อได้แล้ว เขาไม่ยอมซื้อเราก็หาซื้อให้พวกเขาซะ แม่ใครจะออกไปจ่ายตลาดหรือพ่อใครจะเดินทางไปไหนก็บอกให้แกใส่ด้วย เด็ก ๆ ถ้าจะออกไปเดินหรือออกไปเล่นนอกบ้านก็ต้องใส่ อย่าคิดว่าไปแป๊บเดียวมันไม่เป็นอะไร เพราะถ้าเกิดเราอยู่กับสภาวะฝุ่นอีกหลายแป๊บ เผลออีกแป๊บอาจต้องไปนอนโรงพยาบาลแทน ตื่นตัวกันได้แล้ว อย่าให้ตื่นตัวกันเฉพาะคนในโซเชียลอย่างเดียว ขอร้องเถอะทุกคน”
บทความแนะนำ 5 เทคนิคสอนลูกใส่ หน้ากากอนามัย ป้องกันโรค ป้องกันฝุ่น ให้ได้ผล
นอกจากเพจเฟซบุ๊กหมอเวรจะออกมาโพสต์เตือนให้ระวังตัวกันแล้วนั้น ทางด้านนางเอกสาวชื่อดังอย่าง “คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ” ก็ได้ออกมาโพสต์เผยภาพตัวเองตาบวมในสตอรี่อินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมข้อความที่ระบุว่าตนเองนั้นไม่ได้ตาอักเสบ แต่เกิดจากการแพ้ฝุ่นและมลพิษ ฝากให้ทุกคนช่วยดูแลสุขภาพตัวเอง และอย่าลืมใส่มาสก์ตลอด
“คิดอยู่นานว่าจะเผยรูปให้ดูดีไหม แต่คิดว่าฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ไว้ดีกว่าค่ะ ว่านอกจากโควิด-19 แล้ว ที่เราต้องระวังตัวให้มาก ๆ ยังต้อระวังเรื่องฝุ่นและ Pollution ของบ้านเราด้วยนะคะ นี่คิมไม่ได้ตาอักเสบนะคะ แต่เกิดขึ้นจากการแพ้ล้วน ๆ เลยค่ะ ตอนนี้ทานยากลุ่ม steroid และแก้แพ้แก้บวมเลยดีขึ้นมาบ้างแล้ว ยังไงก็ฝากให้ทุกคนดูแลสุขภาพตัวเองกันดี ๆ นะคะ ใส่ mask ตลอด ใส่แว่นได้ก็ใส่นะคะ งดกิจกรรม outdoors ก็ดีนะคะ”
เมื่อปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ในกรุงเทพมหานครกลับมาสูงอีกครั้ง ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงมีการเปิดคลินิกมลพิษออนไลน์ไว้ให้เราสามารถเช็กอาการที่เกิดขึ้นได้ หากคุณพ่อ คุณแม่ และลูกน้อยเริ่มมีอาการอันตรายจากฝุ่น PM 2.5 หรืออยากจะรู้วิธีรับมือกับฝุ่น PM 2.5 ที่ถูกต้อง ก็สามารถเข้าไปปรึกษาหรือเช็กอาการได้ที่ “คลินิกมลพิษออนไลน์” กันได้เลยค่ะ
เช็กเลย อาการแพ้ฝุ่น PM 2.5 รุนแรงแค่ไหน
คุณพ่อคุณแม่สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ www.pollutionclinic.com เพื่อตอบแบบสอบถามประเมิน อาการแพ้ฝุ่น ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ใช้เวลาเพียง 1 นาที จะทราบผลเบื้องต้นได้ทันที พร้อมกับรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
สำหรับวิธีการกรอกแบบฟอร์มเพื่อซักประวัติอาการ ก็ทำได้ไม่ยาก เพียงแค่เพียงกรอกชื่อนามสกุล อายุ หมายเลขโทรศัพท์ LINE ID สำหรับให้แพทย์ติดต่อกลับ พร้อมคลิกในช่องระบุอาการ เช่น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก ไอ มีเสมหะตลอดเวลา หอบหายใจเสียงดังหวีด มีผื่นที่ผิวหนัง ระคายเคืองตา ตาแดง เจ็บหน้าอก เหนื่อยมากจนต้องนั่งพักทำงานไม่ได้ เลือดกำเดาไหล และท่านได้สวมหน้ากากเมื่อออกจากบ้านอย่างไร
จากนั้นก็กดประเมินอาการก็จะทราบอาการเบื้องต้นว่าได้รับมี อาการแพ้ฝุ่น PM 2.5 ในระดับใด พร้อมให้คำแนะนำเบื้องต้นตามอาการ
คำแนะนำเบื้องต้น หากมีอาการไอ
อาการไอเกิดจากการระคายเคืองคอ หรือทางเดินหายใจ เป็นอาการที่ไม่จำเพาะ แต่ถ้าท่านอยู่ในเขตมลพิษ อาจจะเกิดจากมลพิษได้ โดยเฉพาะถ้าท่านไม่เคยไอ มาก่อนเลย หรือไม่เคยไอถี่ขนาดนี้มาก่อน
ถ้าท่านเป็นโรคปอด เช่น หอบหืด หรือ โรคถุงลมโป่งพองอยู่แล้ว มีอาการไอมาก ซึ่งอาจจะกระตุ้นให้อาการกำเริบรุนแรง ให้รีบหลบเข้าในอาคาร หรือถ้ามีอาการมากต้องไปพบแพทย์
การดูแลตนเองเบื้องต้น
• ถ้าไม่ไอมาก ก็อาจไม่ต้องทำอะไร
• ถ้าไอมากให้ลองหลบเข้าในอาคารหรือในบ้าน อาการไอจะดีขึ้น ถ้าเกิดจากการระคายเคือง
ถ้ายังไม่หายเมื่อรอสักระยะเวลาหนึ่งให้ไปพบแพทย์
• ไม่แนะนำให้ซื้อยาแก้ไอมารับประทาน เพราะยาแก้ไอบางชนิดมีการกดอาการไอ อาจทำให้มีอาการแทรกซ้อน
เมื่อไรจึงควรมาพบแพทย์
• ถ้าไอมาก ร่วมกับมีแน่นหน้าอกมาก เมื่อนั่งพักแล้วไม่หาย ควรมาพบแพทย์
• ถ้าไอมาก แม้ว่าจะไม่ได้สัมผัสกับมลพิษแล้ว และพักแล้ว 1-2 วันอาการยังไม่ดีขึ้น ควรมาพบแพทย์
คำแนะนำเบื้องต้น หากมีผื่นที่ผิวหนัง
ผื่นที่ผิวหนัง อาจจะคันหรือไม่คัน เกิดจากการระคายเคือง พยายามอย่าเกา อาจทำให้เกิดแผล
การดูแลเบื้องต้น
• ให้อาบน้ำล้างตัวเมื่อทำได้ อาการจะดีขึ้นเมื่อไม่มีการสัมผัส และล้างมลพิษออกจากผิวหนัง
• ถ้าเกิดจากการแพ้ จะหายไปเอง
เมื่อไรจึงควรมาพบแพทย์
• ถ้ามีผื่นร่วมกับมีอาการหอบเหนื่อย แน่นหน้าอก ควรมาพบแพทย์
• ถ้ามีผื่นเพียงอย่างเดียว ไม่มีอาการหอบเหนื่อย อาการไม่ดีขึ้นใน 1-2 วัน ควรมาพบแพทย์
คำแนะนำเบื้องต้น หากระคายเคืองตา
ระคายเคืองตา อาจจะมีอาการคันตา หรือตาแดงร่วมด้วย ไม่ควรขยี้ตา เพราะอาจจะทำให้อาการเป็นมากขึ้นได้
การดูแลเบื้องต้น
• หลบเข้าอาคารหรือออกจากบริเวณที่ไม่มีมลพิษ
• แนะนำล้างตา เพื่อล้างมลพิษออกจากตา
• ถ้าล้างตาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น แนะนำให้ไปพบแพทย์
เมื่อไรจึงควรมาพบแพทย์
• ถ้าล้างตาแล้วไม่ดีขึ้น ยังมีการระคายเคืองตามาก ควรมาพบแพทย์
สำหรับฝุ่น PM2.5 สามารถมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยในระยะสั้นทำให้มีอาการไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองจมูก ในผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น หอบหืด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง อาจจะกระตุ้นให้อาการกำเริบได้ ส่วนผลกระทบต่อสุขภาพระยะยาว จะมีผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด มีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมอง และทำให้มีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งปอดเพิ่มสูงขึ้น
เห็นหรือไม่คะ ว่าฝุ่น PM 2.5 เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเรามาก ฉะนั้นเราไม่ควรละเลยการสวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น เช่น หน้ากาก N95 อย่าลืมสวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นเสมอเมื่อต้องออกไปอยู่ในบริเวณกลางแจ้งหรือออกนอกบ้านนะคะ
แหล่งข้อมูล :https://web.facebook.com/Mhorwen , https://news.ch7.com
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
รีวิว หน้ากากกันฝุ่น PM2.5 เลือกใส่แบบไหน ปลอดภัยทั้งแม่และลูกน้อย