8 วิธีป้องกันไวรัสโคโรนา ฉบับประชาชน จากกระทรวงสาธารณสุข

จากสถานการณ์โรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 คงจะทำให้คุณพ่อ คุณแม่เป็นกังวลอยู่ไม่น้อย เมื่อการระบาดของโรคเริ่มต้นที่ประเทศจีน และกระจายวงกว้างไปทุกที่กว่า 29 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย ทั้งยังพึ่งพบผู้เสียชีวิตในไทยรายแรกอีกด้วย

ไวรัสโคโรนา กับการแพร่ระบาดของโรค

รายงานการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาล่าสุด (15 ก.พ. 63) พบใน 29 ประเทศ ได้แก่ จีน ฮ่องกง มอสโคว ไทย ญี่ปุ่น เวียดนาม สิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลีใต้ เนปาล สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย มาเลเซีย แคนาดา กัมพูชา ศรีลังกา เยอรมัน อินเดีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฟิลิปปินส์ ฟินแลนด์ อิตาลี รัสเซีย สเปน สวีเดน อังกฤษ และอียิปต์ โดยการระบาดนั้นเริ่มต้นการติดต่อจากคนสู่คนตั้งแต่เมื่อปลายปี 2019 จากประเทศจีนและกระจายมาทั่วโลกจนพบผู้เสียชีวิต

เชื้อไวรัสโคโรนา สามารถติดต่อได้ง่าย และพบไวรัสในกระแสเลือดได้นาน เป็นไวรัสที่ก่อโรคได้ทั้งคนและสัตว์ โดยเฉพาะในระบบทางเดินหายใจ และทางเดินอาหาร แพร่จากสัตว์ไปก่อโรคในคนได้ มีต้นกำเนิดเชื้อมาจากค้างคาว ซึ่งมีโอกาสกลายพันธุ์ และติดเชื้อข้ามสปีชีส์ สถานที่ที่นำสัตว์มาอยู่รวมกันอย่างหนาแน่นยิ่งมีความเสี่ยง สัตว์ที่พบ ได้แก่ สัตว์ปีก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น ม้า วัว แมว สุนัข ค้างคาว กระต่าย หนู อูฐ และสัตว์ป่าอื่นๆ สัตว์เลื้อยคลาน เช่น งู

กลุ่มเสี่ยงต่อการสัมผัสไวรัสโคโรนา สามารถพบได้ทุกเพศ ทุกวัย สามารถสัมผัสโรคได้ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่

1. ผู้ที่อาศัยในประเทศจีน โดยเฉพาะเมืองอู่ฮั่น รวมถึงผู้ที่เดินทางเข้า – ออก เมืองอู่ฮั่น
2. บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุข
3. พนักงานขับรถไม่ประจำทาง โดยเฉพาะกลุ่มที่รับนักท่องเที่ยว
4. ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และมีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น มักมีอาการรุนแรง เสี่ยงต่อการเสียชีวิต

ไวรัสโคโรนา อยู่ได้นานแค่ไหน?

1. หากเชื้อติดที่พื้นผิวโลหะ แก้ว ไม้ หรือพลาสติก จะอยู่ได้นานประมาณ 4 -5 วัน ณ อุณหภูมิห้อง
2. หากเชื้อไวรัสอยู่ในอากาศที่มีอุณหภูมิ 4 องศา จะอยู่ได้นานประมาณ 28 วัน และหากอยู่ในอุณหภูมิมากกว่า 30 องศา อายุจะสั้นลง
3. หากอยู่ในที่ที่มีความชื้นมากกว่า 50% จะมีชีวิตอยู่ได้ดีกว่าที่ 30%

อ่านต่อ “อาการ และการป้องกันโรคติดเชื้อโคโรนา” คลิกหน้า 2

การแพร่เชื้อโคโรนาและระยะฟักตัว

โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสามารถแพร่ระบาดจากคนสู่คนได้ ผ่านละอองฝอยน้ำมูก น้ำลาย เป็นช่องทางหลัก และการขยี้ตา เชื้อจะติดต่อผ่านเยื่อบุตา การสัมผัสใบหน้า และปาก รวมถึงเชื้อสามารถขับออกทางอุจจาระได้ ประมาณ 9 – 14 วัน เมื่อได้รับเชื้อจะมีระยะฟักตัวประมาณ 2 – 14 วัน แพร่โรคได้เมื่อมีอาการ และอาการแสดงแล้วเท่านั้น โดยผู้ป่วย 1 ราย สามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นได้เฉลี่ย 2 – 4 คน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของงประชากร และฤดูกาล ผู้ที่ได้รับเชื้อจะมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล คัดจมูก หอบเหนื่อย แน่นหน้าอก เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ท้องเสีย คลื่นไส้ และอาจียน

การป้องกันการสัมผัสโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา

1. ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดอย่างน้อย 20 วินาที หรือลูบมือด้วยแอลกอฮอล์เจลแล้วรอจนแห้ง
2. สวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง สีเข้มอยู่ด้านนอก สีอ่อนอยู่ด้านใน ปิดปาก และจมูกให้สนิท
3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า ขยี้ตา แคะจมูก และสัมผัสปาก เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อโรค
4. หลีกเลี่ยงการใช้มือป้องปาก และจมูก เมื่อไอ หรือจาม ถ้าใช้มือป้องปากและจมูกให้ล้างมือทุกครั้ง
5. เช็ค ทำความสะอาดพื้นผิวที่หยิบจับ สัมผัสบ่อยๆ เช่น ลูกบิด ที่จับประตู ราวบันได ปุ่มกดลิฟท์
6. หลีกเลี่ยงการไปในสถานที่ที่ผู้คนหนาแน่น เช่น โรงหนัง ห้างสรรพสินค้า ศูนย์อาหาร สถานีขนส่ง
7. ปิดฝาชักโครกทุกครั้งที่กดล้าง เพื่อลดโอกาสการฟุ้งกระจายของไวรัส ซึ่งถูกขับออกทางอุจจาระได้
8. ควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ เพื่อลดโอกาสการป่วยซึ่งจะมีอาการแสดงคล้ายการติดเชื้อโควิด

ไวรัสโคโรนา จะถูกกำจัดได้อย่างไร?

1. ถูกกำจัดได้ด้วยแอลกอฮอล์ (Alcohol) 70 – 95% เป็นเวลาประมาณ 30 วินาที
2. ถูกกำจัดได้ด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen peroxide) 5% เป็นเวลาประมาณ 1 นาที
3. ถูกกำจัดได้ด้วยคลอรีนน้ำ (Na hypochlorite) 0.01% เป็นเวลาประมาณ 1 นาที
4. ถูกกำจัดได้ด้วยโพวิโดนไอโอดีน (Providine) 0.23 – 0.47% เป็นเวลาประมาณ 15 วินาที
5. ถูกกำจัดได้ด้วยความร้อนอุณหภูมิมากกว่า 56 องศา อย่างน้อย 20 นาที หรือ 65 องศา 5 นาที
6. ถูกกำจัดได้ด้วย UV-C จากแสงแดด ระยะ 3 เซนติเมตร นาน 15 นาที
7. ถูกกำจัดได้ด้วยสบู่ หรือผงซักฟอก ที่มีกรดน้อยกว่า 5 หรือเบสมากกว่า 9

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: กระทรวงสาธารณสุข

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม คลิก!

ป้องกันไวรัสโคโรนา พ่อแม่ต้องรู้! ลูกน้อยต้องรอด!

โควิด-19 พ่อแม่ติดเชื้อส่งผลกระทบถึงลูกน้อย

5 เทคนิคสอนลูกใส่ หน้ากากอนามัย ป้องกันโรค ป้องกันฝุ่น ให้ได้ผล

วิธีทำแอลกอฮอล์เจลล้างมือ ฆ่าเชื้อโรค ไว้ใช้เองที่บ้าน