พ่อแม่ทนไม่ไหวแชร์ประสบการณ์ลงโซเชียล ภาวะ ฝุ่นPM2.5ภาคเหนือ เกินค่ามาตรฐานเข้าขั้นวิกฤตินาน 2 สัปดาห์ จนลูกเล็กป่วยจนเลือดกำเดาไหล และไอเป็นเลือดต่อเนื่อง บางคนอยู่ไม่ไหวต้องย้ายหนี! ด้านแพทย์แนะวิธีสังเกตอาการแบบนี้ ลูกป่วยเพราะฝุ่นแน่ พร้อมวิธีรับมือและใช้ชีวิตถ้าต้องอยู่ในพื้นที่ ต้องทำอย่างไร
แม้คนไทยได้รู้จักและตื่นตัวกับสถานการณ์ฝุ่นpm2.5 บุกกรุงไปเมื่อหลายเดือนก่อนจนสภาพอากาศดีขึ้น จริงๆแล้วฝุ่นพิษเหล่านี้ยังไม่หายไปไหน เพียงแค่เปลี่ยนทิศไปปกคลุมพื้นที่ภาคเหนือแทน
หนีหรืออยู่ต่อดี ฝุ่นpm2.5ภาคเหนือ วิกฤตหนัก เด็กเล็กกำเดาไหล-ไอเป็นเลือด
นับแต่กลางเดือนมีนาคมเป็นต้นมา ค่าฝุ่นpm2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ทั้งจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำพูน และลำปาง เพิ่มสูงขึ้นเข้าเขตสีแดง สีม่วง และสีม่วงเข้มจนติดอันดับพื้นที่มีอากาศแย่ที่สุดในโลก และเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กเล็กซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงแล้ว
เด็กเล็กกำเดาไหล –ไอเป็นเลือดเพราะฝุ่น pm2.5
เว็บไซต์ข่าวTHAIPBS เสนอข่าวของนายองอาจ ชาวอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ตัดสินใจย้ายออกจากพื้นที่หลังวิกฤต ฝุ่นpm2.5ภาคเหนือ กระทบลูกชายวัย 4 ขวบป่วยเป็นโรคปอดอักเสบ เลือดกำเดาไหลไม่หยุด พร้อมให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า อาศัยอยู่ในพื้นที่ติดภูเขา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาอากาศเริ่มไม่ค่อยดี แต่ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะในพื้นที่ก็ไม่ได้มีประกาศเตือน ก็ใช้ชีวิตปกติ
MUST READ:[Baby&Kids Easy Steps] ก้มหรือเงยหน้า? เวลา ลูกเลือดกำเดาไหล
“ผมตรวจสอบตัวเลขค่าฝุ่นพิษอยู่ที่ 400 – 500 ไมโครกรัมต่อวัน ผมตัดสินใจปิดร้านกาแฟและฟาร์มเล็ก ๆ เพราะไม่มีนักท่องเที่ยว และมีแผนอพยพลงมาอยู่ในที่ อ.เมืองเชียงใหม่ เพราะมีค่าฝุ่นน้อยกว่าที่ อ.เชียงดาว ในขณะนั้นลูกชายเริ่มมีไข้และเริ่มไอ หลังจากนั้นไม่นาน ลูกชายมีเลือดกำเดาไหลทางจมูกไม่หยุดและเป็นลิ่มเลือด เมื่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล พบว่า ลูกเป็นปอดอักเสบจนต้องแอดมิทนาน 3 วัน ตอนนี้กลับมาพักฟื้นที่บ้านแล้ว แต่ต้องอยู่แต่ในห้องนอน ที่ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศพร้อมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ลูกชายไม่เคยมีโรคประจำตัวใดๆเลย ไม่เคยเป็นภูมิแพ้ ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง และฉีดวัคซีนครบทุกตัว ช่วงที่ ฝุ่นpm2.5ภาคเหนือ ยังหนักหนา ผมตั้งใจจะอพยพออกจากเชียงใหม่ไปอยู่ที่อื่นก่อน เพราะไม่มีนักท่องเที่ยว ร้านกาแฟที่มีก็เปิดขายไม่ได้ รายได้วันละ 1,000 บาทก็หายไป หากสถานการณ์ดีขึ้นแล้วค่อยกลับมา”
อ่าน เด็กน้อยวัย 2 ขวบ ต้องป่วยเพราะฝุ่น PM2.5 หน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
ขณะที่คุณแม่ชาวแม่สาย จังหวัดเชียงราย โพสต์ภาพลูกลงกลุ่มเฟซบุ๊ก ชุมชนแม่สาย พร้อมระบุว่า “ฝากเตือนผู้ปกครองทั้งหลายที่มีลูกเล็กนะคะ ฝุ่นอันตรายกว่าที่คิด ลูกชาย 2 ขวบ 7 เดือน ตอนนี้ไอไม่หยุด ไอจนตาช้ำ ไอจนอ้วก เลือดออกจมูก ตอนนี้พักรักษาตัวที่รพ. ตรวจทุกอย่าวแล้วไม่เจออะไร พ่นยาหลายตัว กินยา อาการไอก็ยังไม่ดีขึ้น ไอจนท้องแข็ง น้ำหูน้ำตาไหล ต้นเหตุน่าจะมาจากฝุ่น pm2.5 เฝ้าระวังด้วยนะคะ
ล่าสุด คุณแม่อัพเดทอาการของลูกเพิ่มเติมว่า มีอาการหลอดลม/กล่องเสียงอักเกบ (เพราะไอหนักมาก) จมูกไวต่อกลิ่นรุนแรง (เพราะสูดอากาศพิษ) และปอดยาวกว่าเด็กปกติคล้ายเด็กหอบหืด (ทั้งที่ไม่เคยเป็นหอบหืดมาก่อน) คุณหมอให้น้ำเกลือ พ่นยาแก้หอบทุก 6 ชั่วโมง พ่นยาทางจมูกทุก 4 ชั่วโมง กินยารักษา 5 ชนิดทุก 3 มื้ออาหาร คุณหมอแนะนำให้ติดตามอาการอย่างไกล้ชิด3-6เดือนเนื่องจากกังวลว่าจะเป็นหอบหืดตามมาค่ะ และคุณหมอยังไม่อนุญาติให้น้องออกจาก รพ”
นอกจากนี้ในกลุ่มเฟสบุ๊ก ชุมชนแม่สายยังมีสมาชิกมาเขียนคอนเม้นต์ถึงลูกๆของตัวเองที่เริ่มมีอาการป่วยจากวิกฤต ฝุ่นpm2.5ภาคเหนือ แล้วอีกหลายราย ขณะที่ สำนักงานป้องกันควบคุมโรค ที่ 1 เชียงใหม่ เปิดเผยตัวเลขผู้ป่วย 4 กลุ่มโรคที่ได้รับผลกระทบสุขภาพ ตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค. -16 มี.ค. 2562 ใน 8 จังหวัดภาคเหนือ จำนวนกว่า 40,383 ราย แต่ทางเจ้าหน้าที่รัฐยังไม่มีประกาศภัยพิบัติแต่อย่างใด
สังเกตให้ดี 5 อาการนี้เสี่ยงจากฝุ่นpm2.5
ฝุ่นpm2.5ภาคเหนือ ไม่ใช่มลพิษอย่างเดียวที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเด็กๆ เพราะยังมีฝุ่นหยาบ และสารพิษอีกหลายชนิดปะปนอยู่ หากเป็นฝุ่นขนาดใหญ่บางส่วนจะถูกดักจับและขับออกมาเป็นเสมหะได้บางส่วน แต่ฝุ่นpm2.5 ซึ่งมีขนาดกว่าเส้นผม 25 เท่า จึงสามารถเล็ดลอดเข้าสู่หลอดลม ถุงลม และกระแสเลือดไปยังอวัยวะต่างๆได้ทันที
โดยเฉพาะปอด หัวใจ สมอง และระบบภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้พัฒนาการทางสมองผิดเพี้ยน เซลล์อายุขัยสั้นลง อวัยวะต่างๆจึงเสื่อมสภาพเร็ว กลายเป็นโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เส้นเลือดสมองตีบ หัวใจขาดเลือด และถุงลมโป่งพองก่อนวัยอันควร หากครอบครัวอยู่ในพื้นที่เสี่ยง และลูกมีอาการดังต่อไปนี้ ขอให้พาไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาได้ทันที
-
แสบจมูก อาจคัดจมูกข้างขวาก่อน รู้สึกยิบยิบเหมือนมีใยแมงมุม
-
ไอ จาม มีน้ำมูกใสๆ
-
หายใจไม่ออก หายใจไม่ทั่วท้อง
-
คันผิวหนัง มีตุ่มนูน ผื่นแดง
-
ตาแดง เปลือกตาบวม มีน้ำตาไหล ใต้ตาช้ำ และคล้ำขึ้น คันรอบดวงตา เยื่อบุนัยน์ตาอักเสบ
อ่าน วิธีสู้ฝุ่น pm2.5 ถ้าหนีไม่ได้ต้องทำอย่างไร หน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
เมื่อหนีไม่ได้ต้องอยู่กับฝุ่นpm2.5
สาเหตุหลักของ ฝุ่นpm2.5ภาคเหนือ ที่กำลังรุงแรนอยู่ขณะนี้มีต้นเหตุแตกต่างจากฝุ่นในเมืองหลงซึ่งมาจากควันเสียรถยนต์ แต่หลายจังหวัดในภาคเหนือที่น่าจะมีอากาศบริสุทธิ์ เย็นสบาย แต่มักมีปัญหาฝุ่นละอองมาเยือนทุกปีโดยเฉพาะหน้าแล้ง เพราะไฟไหม้ป่าและการเผาพื้นที่เพาะปลูกช่วงเปลี่ยนฤดูกาล ทำให้ค่าฝุ่นละอองเพิ่มสูงขึ้นไม่แพ้กรุงเทพ
ถึงฝุ่นจะเยอะจนอยากย้ายหนี แต่การหยุดเรียน เปลี่ยนบ้านเลยอาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน ถ้าเรายังต้องอยู่สู้กับ ฝุ่นpm2.5 ภาคเหนือ ที่ผู้ใช้เฟสบุ๊ก วัลลภ ธีรเวชกุล ได้โพสต์แนะนำไว้ในกลุ่ม เลี้ยงลูกแบบไม่สกัดจุด ถึงข้อปฏิบัติง่ายๆไว้ดังนี้
1.อยู่แต่ในอาคารเมื่อมีค่า PM 2.5 ขึ้นสูงเกินกว่า150(แต่ทุกวันนี้ในบ้านปิดกระจกสนิทค่า PM2.5 ยังขึ้นไป300-400)
2.ใส่Maskที่ป้องกันอนุภาค PM 2.5 ได้ เมื่อจำเป็นต้องออกไปนอกอาคาร
3.ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศภายในบ้าน ถ้าทำได้(ชาวบ้านทั่วไปคงหมดสิทธิ)
4.บริโภคอาหารที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ อาหารที่อุดมด้วย Vitamin A ,E /Omega 3
ระหว่างที่รอภาครัฐเข้าไปจัดการกับปัญหานี้อย่างจริงจัง พ่อแม่ต้องพยายามปกป้องสุขภาพของครอบครัวให้รอดพ้นจากมหัตภัยนี้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงทั้งทารกแรกเกิด เด็กเล็ก คนท้อง ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับหัวใจ ปอด กับระบบทางเดินหายใจ แต่เมื่อรอดพ้นจากภาวะวิกฤตนี้แล้ว เราทุกคนอาจต้องช่วยกันทบทวนความผิดพลาดและร่วมกันแก้ไขปัญหาระยะยาว เพื่อไม่ให้ลูกหลานเราต้องรับเคราะห์เช่นนี้อีก
บทความอื่นที่น่าสนใจ
รีวิวแอพ วัดค่าฝุ่นละออง pm2.5 เช็กให้รู้ ที่ไหนอันตราย
รีวิว หน้ากากกันฝุ่น PM2.5 เลือกใส่แบบไหน ปลอดภัยทั้งแม่และลูกน้อย
ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก Thaipbs www.khaosod.co.th กรุ๊ปชมรมคนแม่สาย กรุ๊ปเลี้ยงลูกแบบไม่สกัดจุด
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่