RSV อาการแต่ละวันเป็นอย่างไร คุณแม่ท่านนี้จะมาแชร์ให้พวกเราทุกคนได้ทราบกันค่ะ!
สมัยนี้โรคเยอะแยะมากมายเสียเหลือเกิน คุณพ่อคุณแม่ว่าอย่างนั้นไหมคะ สมัยก่อนไม่เห็นจะมีโรคอะไรเยอะเหมือนกับสมัยนี้ มากสุดน่ากลัวสุดก็เห็นจะเป็นไข้หวัดใหญ่ หรือไม่ก็อีสุกอีใสเท่านั้น ผิดกับสมัยนี้ ที่สารพัดโรคมาเยือนทำให้ลูกเราป่วยได้ง่าย หรือบางทีโรคเดียวก็กลับกลายพันธุ์ได้ต่าง ๆ นา ๆ
นอกจากนี้โรคแต่ละโรคสมัยนี้นั้น ยารักษาหรือวัคซีนป้องกันอะไรก็ไม่มี ทำได้มากสุดก็คือการบรรเทาอาการกันไป ซึ่งสิ่งที่จะช่วยให้ลูกของเรานั้นหายไว นอกจากสุขภาพของลูกจะต้องแข็งแรงแล้ว การเฝ้าสังเกตถึงความผิดปกติหรืออาการต่าง ๆ ของลูกอย่างใกล้ชิดก็ถือเป็นวิธีที่จะช่วยให้ลูกหายเร็วจากโรคเหล่านี้ด้วยเช่นกันค่ะ
ดังเช่นเรื่องราวที่ี่ทีมงาน Amarin Baby and Kids จะนำมาเสนอในวันนี้ เป็นเรื่องราวของคุณแม่ท่านหนึ่งที่ได้แชร์ประสบการณ์และอาการต่าง ๆ ของลูกที่ป่วยเป็นโรค RSV นี้ผ่านเพจหนูน้อยปีระกา 2560
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น อ่านต่อได้ที่หน้าถัดไปเลยค่ะ
#แชร์ประสบการณ์ #rsv จร้า (ยาวค่ะ) ลูกบ้านนี้พึ่งกลับบ้านวันนี้เอง อยู่รพ. 3 คืนค่ะ ยิ่งรู้เร็วยิ่งหายไวค่ะ
#วันพุธ #คาดว่าวันรับเชื้อ แม่พาน้องไปฉีดวัคซีนที่คลีนิคแห่งหนึ่งพอดีว่าวันนั้นคุณหมอเข้าช้าเลยทำให้มีเด็กไปรอหมอหลายคน ส่วนใหญ่จะป่วย ปกติไปปุ๊บเข้าพบหมอกลับบ้านไม่เคยรอนาน ๆ
วันเสาร์ # 3 วันหลังรับเชื้อ เริ่มด้วยช่วงบ่าย ๆ น้องเริ่มมีอาการไอ จาม ตกเย็นน้องทานนมไปแล้วอ้วก แต่ยังไม่มีไข้ น้องเริ่มงอแงแม่คิดว่าเป็นเพราะน้องกำลังฟันงอกเลยงอแง ตอนตี 2 น้องมีไข้ตัวร้อน แม่เลยพาน้องไปหาหมอที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง เจอหมอฉุกเฉินตรวจเบื้องต้นให้ หมอบอกว่ามีแค่คอแดงแล้วก็ตรวจไม่เจอไข้ ทำได้แค่นี้น้องเพิ่งเป็นวันแรกยังไม่แสดงอาการอะไรมากตรวจไปก็ไม่เจอ ให้ยาลดไข้ ยาหยอดจมูก ยาละลายเสมหะ ยาแก้อาเจียน มาทานแล้วให้กลับบ้าน
วันอาทิตย์ น้องเริ่มดีขึ้นมีไข้ต่ำ ๆ มีไอเยอะขึ้น จาม เริ่มมีน้ำมูกใส ๆ งอแงมากขึ้น แม่ให้ยา แล้วล้างจมูกให้น้องมีน้ำมูกใส ๆ เหนียว ๆ ออกมา
วันจันทร์ เช้ามาน้องอาการแย่ลง มีไข้สูงขึ้นเกือบ 38 องศา แม่เช็ดตัวแต่ไม่ได้ให้ยาลดไข้พาไปหาคุณหมอที่รพ.ค่ายทหาร ซึ่งเป็นคุณหมอเด็กที่น้องไปฉีดวัคซีนอยู่ ไปถึงรพ.น้องเริ่มอาหารหนัก ไม่ทานนม ไอเยอะ หายใจไม่สะดวก แล้วก็มีไข้สูง ทานอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาหมด เลยให้คุณหมอตรวจหาเชื้อ rsv หมอส่งไป x-ray ปอด เจาะเลือด ดูดเสมหะไปตรวจ รอผลจนถึงช่วงบ่าย พบเชื้อrsv หมอให้แอดมิท เริ่มพ่นยาขยายหลอดลม ดูดเสมหะ ให้ยาทานร่วมด้วย วันแรกดูดเสมหะทุก ๆ 6ชม. มีไข้สูง ๆ ต่ำ ๆ ตลอดทั้งวัน
อ่านต่ออาการของน้องในแต่ละวันได้ที่หน้าถัดไปค่ะ
วันอังคาร อาการหนัก น้องไม่ยอมทานนม ยังคงพ่นยาและดูดเสมหะทุก 6 ชม. ระหว่างนอนให้ครอบออกซิเจนตอนหลับ
วันพุธ อาการยังหนักไอเยอะ มีไข้ ยังคงพ่นยาทุก ๆ 6 ชม. ผลตรวจเลือดออกมามีเชื้ออื่นร่วมด้วย ต้องให้ยาฆ่าเชื้อทางน้ำเกลือ ยังคงให้อ๊อกซิเจนอยู่
วันพฤหัส อาการเริ่มดีขึ้น หมอลดรอบพ่นยาและดูดเสมหะเป็นทุก ๆ 8 ชม. น้องเริ่มหายใจสะดวกขึ้น ไข้ลดลง จนเกือบจะไม่มีไข้ เริ่มอารมดี ให้ยาฆ่าเชื้อขวดที่ 2
วันศุกร์ พ่นยาและดูดเสมหะทุก ๆ 8 ชม. ให้ยาฆ่าเชื้อขวดที่ 3 เป็นขวดสุดท้าย น้ำมูกเริ่มลดลง ไม่มีไข้ ไอน้อยลง ดูร่าเริ่งมากขึ้น ถอนสายน้ำเกลือออกให้น้ำเกลืออยู่3วัน
วันเสาร์ ไข้ไม่มี ไอน้อยลง เสมหะลดลง หมอให้กลับมาดูอาการที่บ้าน ให้ยามาทานต่อเนื่อง น้องยังไอบ้าง มีน้ำมูกข้น ๆ น้องทานนมได้เยอะขึ้น อารมณ์ดีขึ้น หมอนัดอีก 3 วันไปตรวจอีกครั้งหนึ่ง
จบแล้วขอบคุณที่อ่านค่ะ
ต้องขอขอบคุณคุณแม่มาก ๆ เลยนะคะ ที่แชร์เรื่องราวนี้กับทางทีมงาน อย่างไรก็ดีคุณแม่หลาย ๆ คนอาจจะกำลังสงสัยว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกเป็นหวัดธรรมดาหรือเป็นโรคดังกล่าวกันแน่
คลิกหาคำตอบได้ที่หน้าถัดไปค่ะ
เครดิต: คุณแม่ Atitaya
จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกเป็นโรคอะไรแน่?
ให้คุณพ่อคุณแม่สังเกตลูกจากอาการที่พบค่ะ ซึ่งความต่างของอาการมีดังนี้
- โรคหวัดธรรมดา อาการที่พบก็มีไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล แต่ก็ยังรับประทานอาหารและดื่มน้ำดื่มนมได้ กล่องเสียงอาจจะมีอักเสบบ้างในบางราย
- โรคRSV อาการที่พบมีดังนี้คือ หอบเหนื่อย หายใจเร็ว หายใจแรง หายใจครืดคราด ตัวเขียว มีเสียงหวีดในปอด เสมหะเยอะ ไอโขลก อาเจียน รับประทานอะไรไม่ค่อยได้
และถ้าหากเด็กเล็กเป็น ยกตัวอย่างเช่น เด็กที่คลอดก่อนกำหนด เด็กที่มีโรคหัวใจ โรคปอด และหอบหืดอยู่แล้ว อาจมีอาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว โดยอาจมีอาการหยุดหายใจเป็นช่วง ๆ หรือหายใจล้มเหลว จนต้องนำเข้าหอพยาบาลผู้ป่วยวิกฤติ (ICU) และอาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจด้วย
อย่างที่ทราบกันดีว่า โรคนี้ไม่มียารักษา สิ่งที่ทำได้ก็คือรักษาไปตามอาการเท่านั้น แต่ก็มีอีกสิ่งหนึ่งที่เราสามารถทำได้ก็คือ การป้องกันด้วยวิธีการปลูกฝังให้ลูกล้างมือบ่อย ๆ นั่นเองค่ะ
อ่านต่อเรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่