ลูกป่วยง่าย อีกแล้วเหรอ? ทำไมลูกถึงป่วยบ่อยจัง? ดูแลลูกยังไงไม่ให้ป่วย? คำถามเหล่านี้ เป็นคำถามที่สร้างความกังวลใจให้คุณพ่อคุณแม่ไม่น้อย เมื่อคุณพ่อคุณแม่มักพบว่าลูกน้อยไม่สบายบ่อยเกินไปจนผิดสังเกต ทำให้คิดว่าเป็นเพราะภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือเปล่า ต้องป่วยแค่ไหนถึงเรียกว่าบ่อย และจะดูแลลูกน้อยอย่างไรให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง Amarin Baby & Kids มีคำตอบค่ะ
กังวลไหม? ลูกป่วยง่าย
เด็กควรจะป่วยกี่ครั้งต่อปีถึงเรียกว่าปกติ?
หลายครั้งที่ลูกน้อยมีอาการไข้หวัด น้ำมูกไหลอยู่ตลอดเวลา หลังจากหายดีแล้วก็กลับมาเป็นซ้ำอีก วนเวียนไปไม่จบสิ้น ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายคน เริ่มสงสัยว่า ลูกไม่สบายบ่อยเกินไปหรือเปล่า? ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของลูกผิดปกติหรือไม่? โดยทั่วไปแล้ว เด็กจะเริ่มเป็นหวัดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป เพราะหลังจากคลอด 6 เดือนไปแล้ว ภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากคุณแม่ในขณะที่อยู่ในท้องจะเริ่มหายไป และลูกก็จะต้องสร้างระบบภูมิคุ้มกันของตนเองขึ้น หลักเกณฑ์ในการวัดว่าเด็กควรจะป่วยกี่ครั้งต่อปีถึงเรียกว่าปกติ สามารถแยกตามอายุได้ ดังนี้
- ทารก, เด็กวัยเตาะแตะ, และเด็กก่อนวัยเรียน ควรจะป่วยไม่เกิน 7-8 ครั้งต่อปี
- เด็กวัยอนุบาล, เด็กวัยเรียน ควรจะป่วยไม่เกิน 5-6 ครั้งต่อปี
- วัยรุ่น, ผู้ใหญ่ ควรจะป่วยไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี
นอกเหนือไปจากอาการหวัด เด็กๆ ยังอาจเกิดอาการท้องร่วง อาเจียนได้ 2-3 ครั้งต่อปี และในเด็กบางคนอาจมีไข้สูง หรือปวดท้องร่วมกับอาการหวัดได้อีกด้วย อาการป่วยของไข้หวัดบางชนิดอาจรุนแรงในสัปดาห์แรก และจะค่อยๆ ดีขึ้นในสัปดาห์ที่ 2 และไข้หวัดบางชนิดก็ใช้เวลาในการรักษาอาการไอเป็นเดือน สำหรับเด็กบางคนที่ป่วยมากกว่าหลักเกณฑ์ปกติ ก็ไม่ควรป่วยเกิน 12 ครั้งต่อปี
อ่านต่อ “ทำไมลูกถึงป่วยบ่อย?” คลิกหน้า 2
ทำไม ลูกป่วยง่าย?
สาเหตุหลักที่ทำให้ ลูกน้อยป่วยง่าย คือ การพบเจอกับเชื้อไวรัสชนิดใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะในเด็กวัยอนุบาลที่เพิ่งเข้าเรียนใหม่ จากที่อยู่กับคุณพ่อคุณแม่หรือคนเลี้ยงแทบจะตลอดเวลา ก็ได้ไปพบเจอสิ่งใหม่ เพื่อนใหม่ รวมถึงไวรัสชนิดใหม่ อีกด้วย เมื่อเด็กๆ ได้เจอกับเชื้อไวรัสที่ร่างกายไม่เคยพบเจอมาก่อน ก็ทำให้ติดต่อกันได้ง่าย เชื้อโรคเหล่านี้สามารถแพร่ต่อกันได้จากมือสู่ปาก คือเมื่อมีเด็กที่ป่วยเป็นไข้หวัดมาจับของเล่น แล้วลูกมาเล่นต่อจากเด็กที่ป่วย แล้วเอามือไปขยี้ตา จับจมูก หรือเอามือเข้าปากโดยไม่ได้ล้างมือ เชื้อโรคเหล่านี้ก็สามารถเข้าไปสู่ร่างกาย จึงทำให้ ลูกป่วยง่าย
โดยทั่วไป ไวรัสมีมากกว่า 200 ชนิด และกระจายอยู่ทั่วทุกที่ ไม่ว่าจะรักษาความสะอาดมากมายเพียงใดก็ตาม ก็มีโอกาสพบเจอกับไวรัสได้ไม่ยาก ซึ่งเชื้อไวรัสเหล่านี้ยังมีความสามารถในการกลายพันธุ์ได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ร่างกายของเด็กทุกคนก็สามารถสร้างระบบภูมิคุ้มกันเพื่อต่อต้านไวรัสเหล่านี้ได้ แต่ก็ต้องใช้เวลา
ลูกป่วยง่าย เพราะร่างกายผิดปกติหรือเปล่านะ?
คำตอบคือ ไม่ผิดปกติค่ะ สำหรับเด็กที่ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องจะไม่เป็นหวัดบ่อยกว่าเด็กทั่วไป แต่จะมีอาการรุนแรงจากโรคที่ป่วยมากกว่าเด็กทั่วไป เช่น ปอดบวมจากเชื้อแบคทีเรีย โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ติดเชื้อในกระแสเลือด เกิดแผลพุพอง จำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวนะ น้ำหนักไม่เพิ่ม และไม่ค่อยโต โดยปกติแล้ว มักมีสมาชิกในครอบครัวที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องอยู่แล้ว อาการหวัดหรือการติดเชื้อที่หูไม่ถือว่าเป็นระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
อ่านต่อ “วิธีป้องกันไม่ลูกป่วยบ่อย” คลิกหน้า 3
วิธีป้องกันลูกป่วยง่าย
1.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ จะทำให้เด็กได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะผักและผลไม้ที่มีวิตามินสูง ช่วยเพิ่มพลังให้กับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายได้เป็นอย่างดี
2.ให้ลูกกินนมแม่ ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 เดือนเป็นอย่างน้อย และควรให้กินนมแม่ต่อให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ การให้ลูกได้กินนมแม่ มีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงที่จะทำให้ลูกป่วยได้
3.นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ เด็กที่นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้ร่างกายลดความสามารถในการทำงานของเม็ดเลือดขาวที่ช่วยในการต่อสู้กับโรคร้าย ดังนั้นจึงควรให้ลูกน้อยได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ดังนี้
- เด็กทารก ควรนอนไม่ต่ำกว่า 14 ชั่วโมงต่อวัน
- เด็กวัยเตาะแตะ ควรนอนไม่ต่ำกว่า 13 ชั่วโมงต่อวัน
- เด็กวัยเรียน ควรนอนไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมงต่อวันในเวลากลางคืน
4.ล้างจมูกเป็นประจำ การล้างจมูกนอกจากจะช่วยให้ลูกหายใจได้โล่งขึ้นแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนได้อีกด้วย (ดูคลิป ล้างจมูกลูก อย่างไรให้ปลอดภัย ถูกต้องแต่ละช่วงวัย)
5.รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี เพื่อป้องกันและบรรเทาโรคไข้หวัดใหญ่ที่มักจะระบาดในหน้าฝน โดยกรมควบคุมโรค ร่วมกับ สปสช. ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี (อ่าน รีบไปใช้สิทธิ์! ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี ทั่วประเทศ ปี 2561)
6.ล้างมือเป็นประจำ วิธีที่ทำได้ง่ายๆ และมีประโยชน์ คือการฝึกให้ลูกล้างมือเป็นประจำ การล้างมือจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดหวัดได้ คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกน้อยล้างมือทุกครั้งหลังเข้าห้องน้้ำ ก่อนทานข้าว และหลังเล่นของเล่น แนะนำให้สอนลูกน้อยร้องเพลงช้างไปล้างมือไปด้วย เมื่อจบเพลงนั่นหมายถึงล้างได้สะอาดพอแล้ว
7.ไอหรือจาม ควรปิดปาก นอกจากจะป้องกันไม่ให้ลูกติดหวัดจากคนอื่น ควรสอนให้ลูกไม่แพร่เชื้อสู่ผู้อื่น โดยการปิดปากขณะไอหรือจาม เพราะจะได้ไม่เป็นการแพร่เชื้อที่วนเวียนกันไปมา
8.หลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสอง และสาม หากคุณพ่อหรือคุณแม่สูบบุหรี่ แนะนำให้เลิกเสียดีกว่า เด็กมีความไวต่อสารอันตรายจากบุหรี่มากกว่าผู้ใหญ่ เด็กที่มีพ่อหรือแม่สูบบุหรี่จะเป็นหวัดได้ง่ายกว่า เป็นแล้วมีอาการรุนแรงกว่า จนอาจทำให้เป็นไซนัส หูอักเสบ และหอบหืดได้
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม คลิก!
เด็กป่วย ต้องป่วยแค่ไหน? ถึงหยุดเรียน
วิธีดูแล เด็กเป็นไข้ อันตรายที่มากับหน้าฝน
ยาลดน้ำมูก ผลข้างเคียงเยอะ! แม่ไม่ควรซื้อให้ลูกกินเอง
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่